หลิวรุ่ยหลินอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ ย่านชานเมืองกับหลิวเย่พ่อของเธอ เมื่อสองปีก่อนหน้านี้เธอและพ่อสูญเสียแม่ไปเพราะอุบัติเหตุ แม่ของเธอคือเฉินเป่าหลินหญิงผู้มีจิตใจอารี อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเฉินเป่าหลินในครั้งนั้นก็เพราะเธอเข้าไปช่วยเด็กคนหนึ่งไว้ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ในตัวและทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็กน้อยคนนั้นได้รับอันตราย แต่เธอเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บหนักจนสุดท้ายก็เสียชีวิตลง ก่อนที่จะได้พบหน้าลูกและสามีเป็นครั้งสุดท้าย
หลิวรุ่ยหลินจดจำได้เป็นอย่างดีว่าแม่ของเธอนั้นเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งรอยยิ้มของแม่ยังคงติดตาตรึงใจของเธอเสมอเมื่อระลึกถึง ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีกันเพียงสามคนพ่อแม่ลูก ดังนั้นเมื่อเสียแม่ไปเธอและพ่อจึงเหลือกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น
หลังจากสูญเสียภรรยาหลิวเย่ก็ตรอมใจมาโดยตลอด เขาไม่สามารถทำใจที่ต้องเสียเธอไปก่อนเวลาอันสมควรได้ ในที่สุดผ่านไปเพียงสองปีหลังจากนั้นหลิวเย่ก็ล้มป่วยจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นระหว่างทำงาน หลิวเย่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการที่ค่อนข้างหนักสุดท้ายบริษัทจึงต้องให้ออกจากงานเพราะใช้ระยะเวลาการรักษายาวนานเกินไป
เขากลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงและไม่สามารถทำงานได้ วงเงินประกันที่มีก็เต็มวงเงินรักษาจนบริษัทประกันปฏิเสธเรื่องค่าใช้จ่าย แล้วทางโรงพยาบาลก็มาแจ้งกับหลิวรุ่ยหลินผู้เป็นลูกว่าต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษาเพราะยาหลายรายการนั้นมีราคาแพง อีกทั้งหลิวเย่นั้นยังต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจอย่างเร่งด่วน
ด้วยฐานะทางบ้านของเธอแม้ว่าหลิวรุ่ยหลินจะทำงานหนักเพิ่มขึ้นแค่ไหนก็คงไม่อาจหาเงินมารักษาพ่อได้ทัน เธอพยายามหาทรัพย์สินมีค่าในบ้านที่พอมีเหลือเก็บอยู่บ้างออกมาขายแต่ก็กลับได้เงินเพียงหยิบมือไม่พอค่าใช้จ่าย หญิงสาวจึงได้แต่ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อย่างอับจนหนทาง
ในตอนนั้นเองเธอกลับได้พบกับหวงอี่หลินโดยบังเอิญ หวงอี่หลินคนนี้เป็นอดีตเพื่อนรักของเธอสมัยเรียนมัธยมที่สนิทกันเป็นอย่างมากมาหลายปี หลังจากเรียนจบพวกเธอแยกย้ายกันไปทำงานและขาดการติดต่อไปเพราะอีกฝ่ายย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น หลังจากทั้งสองทักทายกัน หวงอี่หลินจึงชวนเธอไปเลี้ยงกาแฟในร้านคาเฟ่แถวนั้นเพื่อพูดคุยกันต่ออีกครู่ใหญ่ และเพราะหวงอี่หลินสังเกตเห็นว่าสีหน้าของหลิวรุ่ยหลินนั้นดูไม่สู้ดีนักจึงได้ออกปากถามเรื่องราวชีวิตของเธอในตอนนี้
หลิวรุ่ยหลินที่กำลังอับจนหนทางจนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงได้เล่าทุกอย่างให้เพื่อนรักฟังเพื่อหมายจะปรับทุกข์ แม้รู้ดีว่าคงไม่มีใครให้ความช่วยเหลือเพราะเธอไม่มีหลักประกันอะไรเลยที่จะค*****นที่กู้ได้นอกเสียจากความจริงใจแต่เพราะเห็นอีกฝ่ายเป็นเพื่อนรักจึงได้ยอมเล่าทุกอย่างให้ฟัง
ขณะนั้นเองหวงอี่หลินจึงคิดแผนการบางอย่างขึ้น เพราะเธอเองกำลังต้องการคนมาช่วยในแผนการที่เธอและสามีคิดไว้พอดี เมื่อได้ฟังว่าหลิวรุ่ยหลินต้องการใช้เงินเธอจึงคิดจะให้หลิวรุ่ยหลินมาร่วมในแผนการนี้ ซึ่งหลิวรุ่ยหลินนั้นก็เหมาะสมเป็นอย่างมากสำหรับการเป็นหมากในแผนการ รูปร่างหน้าตาเธอนั้นจัดว่าสะสวยอยู่ไม่น้อยหากยิ่งนำไปแต่งเนื้อแต่งตัวจะต้องเด่นสะดุดตาเป็นแน่ อีกอย่างในเมื่อหลิวรุ่ยหลินต้องการเงินหนึ่งแสนหยวนในเวลาไม่เกินสองวัน ดังนั้นคงมีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้นที่จะเป็นทางออกให้เพื่อนของเธอได้
“ฉันมีงานให้เธอช่วยรับรองว่าเธอจะได้เงินหนึ่งแสนหยวนในสองวัน”
หวงอี่หลินเอ่ยขึ้นหลังจากชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ว่าจะบอกแผนการนี้กับเพื่อนรักอย่างหลิวรุ่ยหลินดีหรือไม่ เธอรู้จักนิสัยเพื่อนคนนี้เป็นอย่างดี หลิวรุ่ยหลินนั้นเป็นคนดีและซื่อสัตย์อย่างมาก เธอประพฤติตัวในกรอบมาตลอดและคงเป็นการยากหากต้องให้มาทำอะไรที่ผิดศีลธรรม
“งานอะไรเหรอ ทำไมเงินเยอะจัง” หลิวรุ่ยหลินถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ หรือสวรรค์จะเห็นใจเธอจึงส่งหวงอี่หลินมาช่วยเธอในครั้งนี้
“สนใจหรือเปล่าล่ะ” หวงอี่หลินถามหยั่งเชิงด้วยท่าทางเรียบเฉย แน่นอนว่าคนที่กำลังต้องการใช้เงินจำนวนมากอย่างหลิวรุ่ยหลินย่อมสนใจและตอบรับในทันที
“แน่นอนฉันสนใจ”
“ฉันต้องการให้เธอช่วย” หวงอี่หลินพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอีกสองส่วนพร้อมกับกุมมือของหลิวรุ่ยหลินเอาไว้และมองเธอด้วยสายตาที่เว้าวอน
“ช่วยอะไรเหรอ” ท่าทีของหวงอี่หลินทำให้หลิวรุ่ยหลินนึกกังวลเรื่องนี้คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย แน่ล่ะใครจะให้เงินค่าจ้างแสนนึงเพียงเพื่องานง่ายๆ กัน
“ช่วยฉันจัดฉากรองประธานซ่งเหว่ยหนาน” หวงอี่หลินกระซิบเสียงเบาแต่ก็ดังพอให้เธอได้ยิน หลิวรุ่ยหลินได้ฟังก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ มองหน้าคนตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึงก่อนจะเอ่ยทวนคำสั่งออกมาเสียงเบา
“จัดฉาก...” หวงอี่หลินเห็นท่าทีของเพื่อนรักก็พอจะเดาความคิดของหลิวรุ่ยหลินได้ เธอจึงเร่งหาทางอธิบายให้อีกฝ่ายได้เข้าใจ
“ใช่จัดฉาก เขาทำลายชีวิตฉัน คนคนนี้เป็นคนเลวมาก เป็นเพราะเขาที่ไล่ฉันออกจากงานทำให้ฉันหมดอนาคตฉันจึงต้องการแก้แค้น เขาหลอกให้ฉันทำงานบางอย่างให้ก่อนจะไล่ฉันออกเพื่อปิดปากไม่ให้คนในบริษัทรู้” เธอโกหกออกไปคำโต
แท้จริงแล้วซ่งเหว่ยหนานจับได้ว่าเธอและสามีพยายามจะยักยอกเงินบริษัทเพื่อเอามาหมุนใช้หนี้การพนันที่เธอกับสามีสร้างไว้จนล้นพ้นตัว แต่เพราะเธอใช้มารยาที่มีขอร้องเขาด้วยเหตุผลน่าสงสารสารพัดสุดท้ายรองประธานซ่งก็ใจอ่อนยอมไล่เธอออกอย่างเดียวโดยไม่แจ้งความเอาผิด เพียงแต่เพราะเหตุนี้เธอและสามีที่ตกงานพร้อมกันจึงจนตรอกและยังหาเงินใช้หนี้ไม่ได้
พวกเขาจึงคิดวางแผนเอาคืนซ่งเหว่ยหนานผู้เป็นสาเหตุในครั้งนี้ โดยตั้งใจจะเรียกเงินจากเขาสักสิบล้าน จึงร่วมกันวางแผนไว้เป็นอย่างดีและกำลังมองหาคนที่จะมาช่วยทำให้แผนนี้สมบูรณ์ ซึ่งหลิวรุ่ยหลินคือคนคนนั้นพอดี
“เธอจะทำยังไง”
“เขากำลังจะก้าวขึ้นเป็นประธาน แน่นอนว่าระยะนี้ไม่สามารถมีเรื่องเสียหาย ฉันจะให้เธอเข้าไปตีสนิทเขาและวางยานอนหลับจากนั้นพวกเราจะช่วยกันจัดฉากว่าเขามีอะไรกับเธอแล้วเอารูปนั้นไปแบล็คเมล ฉันจะเรียกเงินจากเขาสองแสนหยวนเป็นการชดใช้ในสิ่งที่เขาทำไว้กับฉัน และแน่นอนว่าฉันจะยกเงินให้เธอเป็นค่าเหนื่อยในงานนี้ครึ่งนึง”
“หนึ่งแสนงั้นเหรอ”
“ใช่ เธอสนใจไหมล่ะ”
“แต่ว่าฉัน นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ ถ้าเขาแจ้งความล่ะ ฉันไม่กล้าอยู่ๆ จะให้ฉันไปทำกับเขาแบบนั้นมันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ นี่มันมิจฉาชีพชัดๆ” เธอเอ่ยขัดเพราะไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้ แม้ว่าเธอจะต้องการใช้เงินอย่างมากแต่หลิวรุ่ยหลินก็ไม่อยากจะฉ้อโกงใครหรือทำให้ใครต้องเดือดร้อน
“เธอจะเอาไหมเล่าเงินน่ะ ฉันมีทางออกมาเสนอเธอก็แค่ทำตามที่ฉันบอก เรื่องอื่นเป็นหน้าที่ฉันจัดการเธอแค่ไปทำให้เขาสนใจชวนเขาคุยก็แค่นั้น ถ้าเธอไม่สนใจก็ไม่ว่ากัน แต่เธอห้ามเอาแผนการของฉันไปบอกให้ใครรู้เด็ดขาดนะ เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็จะทำแบบนี้ ถ้าเธอปฏิเสธฉันจะหาคนอื่นมาทำแทน คนแบบเขารวยจะตายเงินแค่นี้ไม่เดือดร้อนอะไรมากมายนักหรอก ฉันก็แค่ต้องการเงินชดเชยที่เขาควรจ่ายให้ฉันแต่เขาเบี้ยวไม่จ่ายให้ตามกฎหมายเพราะเขามันคนขี้เหนียวที่เจ้าเล่ห์และร้ายกาจ”
หวงอี่หลินเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าใดนักเมื่อดูท่าว่าแผนการที่เธอเตรียมไว้จะล่มไม่เป็นท่าเพราะความปอดแหกของหลิวรุ่ยหลิน แต่สุดท้ายเธอก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์ไว้และทำทีขอร้องคนตรงหน้าอย่างน่าสงสาร แต่ก็แอบข่มขู่อยู่ในทีด้วยการใช้ข้อเสนอนั้นบีบคนที่กำลังต้องการเงินให้เลือกทำในสิ่งที่เธอต้องการ
“ฉันก็อยากได้เงินนะอี่หลิน แต่ฉันกลัวแล้วก็ไม่อยากทำผิดไม่ว่ากับใคร” หลิวรุ่ยหลินเอ่ยอย่างซื่อตรงเธอไม่ชอบที่จะหลอกหรือโกหกใครยิ่งสิ่งที่ได้รับข้อเสนอแม้เงินที่ได้รับมันจะมากมายและได้มาอย่างรวดเร็วแต่เธอก็คิดว่ามันไม่ถูกต้อง หวงอี่หลินได้ฟังก็แอบถอนใจด้วยความระอา คนโง่แบบหลิวรุ่ยหลินนี่อย่างไรเล่าจึงได้จนอยู่แบบนี้ หากเรื่องนี้สำเร็จนอกจากเธอกับสามีจะปลดหนี้ได้แล้วยังมีเงินเหลือไปตั้งตัวด้วยซ้ำ
“เฮ้อนึกแล้วคนแบบเธอนี่มัน..”
“ขอโทษนะ ฉันรับรองว่าจะไม่บอกใครเด็ดขาด” หลิวรุ่ยหลินตัดบทก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อขอตัวกลับเพียงแต่ในเวลานั้น
RRRRRRR...
เสียงโทรศัพท์มือถือของหลิวรุ่ยหลินกลับดังขึ้น เธอมองดูด้วยความแปลกใจเล็กน้อยเพราะเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
“สวัสดีค่ะ”
[ครับโทรจากโรงพยาบาลนะครับอาการคุณพ่อคุณไม่ดีเลย ไม่ทราบว่าจะให้ทางโรงพยาบาลผ่าตัดได้เมื่อไหร่ครับ ทางที่ดีรีบหน่อยจะดีกว่านะครับถ้าช้ากว่านี้ คุณหมอท่านก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรักษาได้หรือเปล่า] เสียงที่กรอกมาทางปลายสายทำเอาเธอหน้าเสีย ใช่อาการของพ่อเธอรอไม่ได้และเงินในตอนนี้จำเป็นกับเธอเป็นอย่างมาก แต่จะให้เธอทำร้ายคนอื่นแบบนี้หลิวรุ่ยหลินก็ทำใจร้ายไม่ลง
“เอ่อคุณคะ ให้คุณหมอช่วยพ่อดิฉันก่อนได้ไหมคะ ดิฉันสัญญาจะหาเงินมาคืนให้โรงพยาบาลแน่นอนค่ะ”
เธอพยายามต่อรองเพื่อเลื่อนเวลาการจ่ายเงินออกไปแม้จะรู้ดีว่าคงไม่สำเร็จ แต่หากโรงพยาบาลยอมอย่างน้อยเธอก็ยังพอมีเวลา
[คุณครับ โรงพยาบาลเราเป็นโรงพยาบาลเอกชนนะครับ หากคุณต้องการรักษาต้องมีเงินนี่เป็นนโยบายของโรงพยาบาล หรือคุณจะย้ายคนไข้กลับไปโรงพยาบาลรัฐดีไหมครับ คือผมคิดว่าถ้ายื้อต่อไปแบบนี้ไม่มีประโยชน์นะครับ คุณพ่อคุณจะอันตรายเปล่าๆ คุณต้องเข้าใจนะครับที่ทางโรงพยาบาลเราไม่มีนโยบายรักษาก่อนคนไข้หลายรายก็แบบนี้สุดท้ายก็ไม่มีเงินมาจ่าย โรงพยาบาลมีค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับมากมายจะให้มาออกเงินให้กับคนไข้โรงพยาบาลคงไม่ไหว]
สุดท้ายคำตอบที่ได้รับก็ไม่ผิดจากที่คาดนัก เหตุที่เธอเจาะจงโรงพยาบาลนี้เพราะที่นี่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจที่สุดในประเทศ เธอจึงตั้งใจที่จะพาพ่อมารักษาที่โรงพยาบาลนี้โดยเฉพาะเพื่อให้พ่อของเธอได้รับการรักษาที่ดีที่สุด แม้ตัวเองต้องวิ่งหาเงินจนหัวหมุนและอับจนแค่ไหนก็ตามแต่เวลานี้เธอมีพ่อเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่เท่านั้น หลิวรุ่ยหลินจึงได้แต่ทอดถอนใจอย่างอ่อนแรง
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ ยังไงฉันจะรีบหาเงินให้ได้ในคืนนี้พรุ่งนี้พ่อฉันจะได้ผ่าตัดเสียที” เธอตอบกลับด้วยแววตาที่หม่นแสงอย่างหมดความหวังและไม่เต็มเสียงนัก
[แบบนั้นก็ดีครับ]
ก่อนจะวางสายด้วยท่าทางที่ดูหนักใจ
“โรงพยาบาลโทรมาเหรอ” หวงอี่หลินถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสดใสขึ้นเล็กน้อยเพราะกำลังลุ้นว่าแผนการของเธอคงจะมีหวัง หลิวรุ่ยหลินกำลังต้องการใช้เงินและแน่นอนว่าเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พึ่งได้ตอนนี้
“อืม หวงอี่หลินฉัน...ฉันรับข้อเสนอของเธอ” หลิวรุ่ยหลินตัดสินใจตอบออกไปเสียงหนักแน่นด้วยท่าทางที่ยังดูกังวลเพราะรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังจะทำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่เพราะเธอไม่มีทางเลือกแล้วจึงได้ตัดใจยอมทำผิดดูสักครั้งเพื่อช่วยชีวิตพ่อเอาไว้
หวงอี่หลินแอบเหยียดยิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปากด้วยความยินดีอย่างที่สุดที่หลิวรุ่ยหลินยอมร่วมมือกับเธอในครั้งนี้ แผนการนี้ก็มีเปอร์เซ็นต์สำเร็จอย่างน้อยแปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
“ดี งั้นฉันจะเล่าแผนการให้เธอฟังอย่างละเอียด” หวงอี่หลินกล่าวขึ้นด้วยสายตามุ่งมั่นที่ซุกซ่อนไปด้วยความร้ายกาจและแผนการณ์ที่คนตรงหน้าไม่มีวันคาดการณ์ถึง
ที่มุมหนึ่งของร้านเกาเทียนเจี๋ยแอบยิ้มกับความสำเร็จของพวกเขาทั้งสอง เพราะการสนทนาของทั้งคู่อยู่ในสายตาเขาและเขาได้ยินทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น หวงอี่หลินที่พอรู้ว่าหลิวรุ่ยหลินยังใช้เบอร์เดิมก็แอบส่งเบอร์และข้อความมาบอกเกาเทียนเจี๋ยในตอนที่หลิวรุ่ยหลินเผลอตัว
หลังจากลอบฟังว่าอีกฝ่ายลังเลในแผนการเขาจึงแสร้งโทรหาและโกหกว่าเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลโทรมาเร่งรัดเงินที่จะใช้ผ่าตัดหลิวเย่ในทันที แผนการของพวกเขาจึงสำเร็จสมดังหวังโดยที่หลิวรุ่ยหลินไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าตนเองถูกเพื่อนและสามีหลอกเข้าเต็มเปา
เนื่องจากพวกเขาเคยทำงานในบริษัทซีกรุ๊ปมาก่อนและพอจะรู้ความเคลื่อนไหวของรองประธานซ่งอยู่บ้างหลังถูกไล่ออกเกาเทียนเจี๋ยและหวงอี่หลินแอบสะกดรอยตามซ่งเหว่ยหนานจนรู้ว่าเขาไปที่ไหนบ้างในแต่ละวัน ซ่งเหว่ยหนานเป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรงในบริษัทใหญ่ ด้วยรูปร่างหน้าตาและความสามารถของเขาที่จัดได้ว่าเฟอร์เฟคเหนือคนอื่น ๆ จึงเป็นหนุ่มฮอตพราวเสน่ที่มีสาวๆ มากมายหมายปองอยากเป็นผู้หญิงของเขา
ทว่าคนคนนี้กลับเป็นคนที่เข้าถึงยาก ความหล่อเหลาที่มีมากพอกับความเย็นชาของเขาทำร้ายหัวใจของหญิงสาวหลายๆ คน ซ่งเหว่ยหนานเป็นมิสเตอร์เฟอร์เฟคแมนที่เรื่องมากและหยิ่งเป็นที่สุด ผู้หญิงมากมายที่พยายามเข้าหาเขาสุดท้ายก็ต้องผิดหวังเพราะถูกเขาหักหน้าไม่มีชิ้นดี เขามันพวกผู้ชายปากร้ายและใจร้ายพอๆกันกับปาก หากผู้หญิงที่เข้ามาไม่ดีพอสำหรับเขาจะถูกเขาวิจารย์ย่อยยับจนเธอเหล่านั้นเสียหน้าและไม่กล้ากลับเข้ามาอีก
ณ คลับหรูแห่งหนึ่งที่เขามักมานั่งดื่มประจำเพื่อผ่อนคลาย ซ่งเหว่ยหนานชอบนั่งดื่มคนเดียวในมุมห้องที่มีผู้คนพลุกพล่าน แม้ว่าเขาจะรักการเป็นส่วนตัวแต่โซนวีไอพีบางทีก็ทำให้รู้สึกเบื่อเกินไป การได้มานั่งมองดูผู้คนรูปแบบต่าง ๆ ใช้ชีวิตเรียกได้ว่าเป็นอีกสิ่งที่เขาทำเป็นงานอดิเรก ซ่งเหว่ยหนานชอบที่จะเรียนรู้พฤติกรรมของคนอื่นเขาเพียงอยากรู้ว่าคนธรรมดาคนอื่นมีชีวิตอย่างไร และบางครั้งเหมือนว่าเขาอาจกำลังตามหาผู้หญิงที่เขาคิดว่าเธอจะดีพอมาอยู่ข้างกาย
แก้วน้ำสีอำพันถูกยกขึ้นละเลียดดื่มอย่างไม่เร่งรีบ สายตาคมยังคงกวาดมองไปทั่วห้องแห่งนี้พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังคลอเคล้าบรรยากาศที่ดูสนุกสนาน แต่ซ่งเหว่ยหนานกลับยังคงนั่งเงียบๆ คนเดียวในมุมมืดตามความเคยชิน พลันสายตาของเขากลับกระทบเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูสวยสง่าในชุดเดรสสีแดงเบอร์กันดีที่ยาวจนเกือบระพื้นแต่กลับแหวกข้างจนเห็นโคนขาอ่อนเล็กน้อยอย่างพองาม เรียกได้ว่าดูเซ็กซี่ชวนมองจนแม้แต่คนอื่นๆ ในร้านยังต้องมองตามความสวยของเธอ
ใบหน้ารูปไข่ที่รับกับดวงตากลมโตดูสวยหวานโดดเด่น เรียวปากถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงอ่อนๆ ขับให้มันดูอวบอิ่มและแดงสวยอย่างเป็นธรรมชาติส่งเสริมให้เธอดูพราวเสน่ห์น่าหลงใหล รูปร่างอรชรสูงเพรียวสมส่วนของเธอและผิวกายที่ขาวนวลเนียนกระทบไฟนี้ยิ่งทำให้หลิวรุ่ยหลินดูโดดเด่นจนน่าลุ่มหลง ความสวยของเธอนั้นเรียกสายตาของใครหลายคนจนผู้ชายเกือบทั้งร้านไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเธอยาวระไปถึงกลางหลังขาวเนียนล้อกับชุดเดรสที่เปิดหลังเล็กน้อยนั้นของเธอยามก้าวเดินผ่านผู้คนจึงยิ่งเรียกสายตาเพราะมันถูกดัดลอนจนดูอ่อนหวานรับกับใบหน้างดงามนี้อย่างลงตัว
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน ทำไมจึงได้สวยเฟอร์เฟคอย่างที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อนแบบนี้ ซ่งเหว่ยหนานได้แต่คิดในใจและมองตามเธอไปอย่างเสียไม่ได้ บุคลิกภาพของเธอดูดีโดดเด่นเหนือใครจนทำให้คนที่เรื่องมากแบบเขาสามารถสนใจได้นับว่าผู้หญิงคนนี้มีความสวยที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว คิดได้เช่นนั้นซ่งเหว่ยหนานจึงรีบลุกขึ้นตามเธอไปในทันทีก่อนที่จะถูกใครมาตัดหน้าคว้าโอกาสที่เขาจะได้ทำความรู้จักเธอคนนี้ไปครอบครอง