“ใส่ไม่ได้ฉันจะสมน้ำหน้าให้” เสียงของพี่ติณณ์พูดขึ้นทันที
แน่นอนว่าฉันดูออกว่าสายตาเขากำลังสงสัยกับขนาดชุดชั้นในที่ฉันเลือกและขนาดจริงๆของฉัน
“เล็กไปด้วยซ้ำค่ะ” ฉันตอบกลับไปทันทีให้คนขี้สงสัยยิ่งสงสัยกว่าเดิม
จริงๆไซซ์ที่ฉันหยิบมามันก็ถูกแล้วเพราะฉันใส่ไซซ์นี้มาตลอด
เขาเรียกว่าอะไรนะ ซ่อนรูป ใช่ต้องใช้คำนี้
ในตอนแรกที่ฉันไม่ยอมให้เขามาด้วยเพราะฉันต้องการมาซื้อชุดชั้นใน แอบกลัวว่าเขามาแล้วฉันจะเขินและอายแต่พอเขารั้นที่จะมา ฉันก็นึกแผนดีๆออกและจัดการแกล้งเขา
“มีอะไรจะซื้ออีกไหม” พี่ติณณ์ถามขึ้นอย่างเปลี่ยนเรื่องแต่สีหน้าแววตาของเขายังคงมีแต่ความสงสัยอยู่ซึ่งฉันดูออก
“ไม่มีแล้ว กลับกันค่ะ” ฉันตอบกลับทันทีก่อนที่เราทั้งคู่จะตรงไปยังรถยนต์คันหรูของพี่ติณณ์
กว่าจะถึงคอนโดก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมงเพราะการจราจรที่ติดขัดของเมืองหลวงอย่างกรุงเทพทำให้เสียเวลาชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย
“ปกติที่นี่รถติดแบบนี้หรอคะ” เพราะที่ที่ฉันอยู่ก่อนมาก่อนหน้านี้ รถไม่ได้ติดขนาดนี้
“ติดแบบนี้แหละ ยิ่งเย็นจะยิ่งติด”
“อ่อ” ฉันพยักหน้าตามคำตอบของคนตัวโตที่กำลังถือของเดินตามมา
“ฉันจำได้ว่าก่อนมาที่นี่เธอพูดถึงข้อตกลงที่เราจะอยู่ด้วยกัน” แน่นอนว่าฉันจำได้ดีเพราะฉันอยากทำข้อตกลงในการอยู่ด้วยกันระหว่างเราสองคนเพราะยังไงฉันกับเขาเราต่างโดนบังคับด้วยกันทั้งคู่
“หนูจำได้” ฉันตอบกลับทันที
“เดี๋ยวเรามาทำข้อตกลงกัน” พี่ติณณ์พูดขึ้นอีกครั้งพร้อมเดินนำฉันเข้าห้องไป
“อย่างแรกเธอกับฉันเราต้องได้ประโยชน์จากข้อตกลงเท่ากัน” ฉันพยักหน้าตามคำพูดของพี่ติณณ์เพราะมันไม่มีทางอยู่แล้วที่ฉันจะให้เขาได้ประโยชน์มากกว่า
“ข้อแรกพี่ติณณ์ห้ามเข้ามาในห้องหนูก่อนได้รับอนุญาต” ฉันพูดขึ้นทันที
“ข้อแรกห้ามเราทั้งคู่เข้าห้องของกันและกันก่อนได้รับอนุญาต” พี่ติณณ์พูดขึ้นก่อนจะพิมพ์ข้อความลงในไอแพด เสมือนว่าเป็นสัญญาที่เราตั้งขึ้น
“ข้อสองห้ามละลาบละล้วงเรื่องของกันและกัน” ฉันพูดข้อสองขึ้นและพี่ติณณ์ก็พิมพ์ไปทันทีนั่นถือว่าเขาเห็นด้วย
“ข้อสามฉันจะพาใครมาทำอะไรที่คอนโดก็ได้” พี่ติณณ์ขึ้นอีกครั้งซึ่งแน่นอนว่าประโยคนี้ฉันรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
“ต้องในห้องของพี่เท่านั้น” ฉันจึงเสริมเข้าไปอีก
ใครจะรู้ล่ะถ้าเขาเล่นมาทำกันกลางห้องแล้วฉันออกมาเห็นจะทำยังไง
“ฉันไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าห้องนอน” เขาพูดขึ้นอีกครั้ง นั่นทำให้หัวใจดวงน้อยๆของฉันพองโต ถ้าเขาพูดแบบนี้อย่างฉันจะนับเป็นผู้หญิงคนแรกได้หรือเปล่า
“งั้นก็ไปทำที่อื่น” ฉันตอบกลับทันควันเพราะไม่มีทางแน่ๆที่ฉันจะยอมให้เขาทำอะไรกับใครในพื้นที่กลางห้อง
“ข้อนี้ฉันขอร้อง” เขาพูดขึ้นอีกครั้ง
“พี่พูดเองว่าเราสองคนจะไม่มีใครได้ประโยชน์มากกว่ากันเพราะงั้นกรุณาทำตามคำพูดของตัวเองด้วย” ฉันพูดขึ้นเพื่อเน้นจุดประสงค์ที่เขาเป็นพูดขึ้นมา
“งั้นเอาแบบนี้ถ้าฉันจะพาผู้หญิงมา ฉันจะบอกเธอล่วงหน้าและจะให้ของตอบแทนเธอเป็นค่าที่เธอเสียประโยชน์” ในเมื่อเขาเสนอมาแบบนี้มีหรือคนอย่างฉันจะไม่ยอม
“โอนเงินเข้าบัญชีทุกครั้ง ครั้งละสองหมื่น” ฉันพูดขึ้นทันที
แน่นอนว่าฉันไม่รู้หรอกว่าเขาจะทำบ่อยหรือไม่บ่อยแต่สองหมื่นต่อครั้งสำหรับฉัน ฉันว่าฉันคุ้ม
“ไม่มากไปหน่อยหรอ” พี่ติณณ์พูดขึ้นพร้อมทำท่าทางครุ่นคิด
“ถ้าคิดว่ามากไปก็ไปทำที่อื่นค่ะ หนูคิดว่าคนอย่างพี่ติณณ์น่าจะให้ผู้หญิงได้มากกว่านี้อีก เจียดเงินให้หนูแค่นี้คงไม่ล้มละลายหรอกจริงไหม” ฉันพูดขึ้นอีกครั้ง นั่นทำให้พี่ติณณ์ลงมือพิมพ์ข้อความในไอแพดทันที
“ฉันรู้ว่าทั้งเธอและฉันต่างโดนบังคับ เราจะอยู่ในสถานะสามีภรรยาปลอมๆเป็นเวลาสามปีแล้วหย่าขาดกัน เธอคิดว่าไง”
“หนูให้เวลาสองปีค่ะ แล้วบอกกับทางผู้ใหญ่ว่าไปด้วยกันไม่ได้” ฉันต่อเวลาให้น้อยลงเพราะฉันไม่อยากเสียเวลาชีวิตไปมากกว่านี้
“ข้อสี่หลังจากการแต่งงานสองปี เราทั้งคู่จะทำการหย่าขาดและมีความสัมพันธ์ในฐานะคนรู้จักกันเท่านั้น” ฉันพยักหน้าตามคำพูดของพี่ติณณ์
“ข้อห้าเราทั้งคู่จะไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินเลยกันเด็ดขาดไม่ว่าสถานการณ์ใดๆ” ซึ่งข้อนี้เป็นข้อที่ฉันกลัวที่สุดเพราะยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ความต้องการย่อมมีมากกว่าฉันที่เป็นผู้หญิง
“แล้วถ้าเผลอมี” พี่ติณณ์พูดขึ้นอีกครั้งนั่นทำให้ฉันเงยหน้ามองเขาทันที
“มันจะไม่มีค่ะ ในเมื่อเราไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก” เพราะเรื่องแบบนี้สำหรับฉันมันควรเกิดขึ้นจากความรัก
“แต่สำหรับฉันเซ็กซ์ไม่ได้เกิดจากความรัก หากมีเหตุการณ์แบบนั้นต้องทำยังไง” คำพูดของพี่ติณณ์ทำให้ฉันหวั่นใจ ในเมื่อเขากล้าที่จะพูดแบบนี้ แสดงว่าในใจลึกๆของเขาก็คงคิดเรื่องแบบนี้กับอยู่บ้าง
“ไหนบอกว่าหนูไม่ได้ตรงสเปคและจะไม่พิศวาสหนู” ฉันถามขึ้นทันทีเพราะก่อนหน้านี้เขาบอกฉันไว้แบบนี้จริงๆ
“เธอไม่ใช่สเปคของฉันและฉันไม่ได้พิศวาสเธอแต่ถ้าหากเหตุการณ์มันเกินควบคุมจะทำยังไง”
“ข้อห้าหากเราทั้งคู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินเลย ต้องดูว่าเกิดจากสถานการณ์อะไรและจะจัดการปัญหานั้นยังไง” พี่ติณณ์พยักหน้าพร้อมกับพิมพ์ข้อความตามคำพูดของฉันอีกครั้ง
“สำหรับหนูแค่นี้” เพราะเท่าที่ฉันเคยคิดมามันก็คงแค่นี้
“งั้นห้าข้อนี้ ถือเป็นสัญญาระหว่างเราในระยะเวลาสองปี”
“โอเคตามนี้ค่ะ” ฉันตอบกลับทันทีก่อนจะลุกขึ้นเพื่อหวังจะเข้าห้องตัวเอง
“เย็นนี้จะกินอะไร” แต่แล้วเสียงของพี่ติณณ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ไว้เดี๋ยวหนูสั่งกินเองค่ะ ถ้าพี่ติณณ์หิวก็หากินได้เลย” ฉันตอบกลับไปเพราะฉันยังไม่หิวจะคิดเมนูไว้ตอนนี้ก็คิดไม่ออก
“แล้วแต่เธอแต่คืนนี้ฉันไม่อยู่” พี่ติณณ์พูดขึ้นนั่นทำให้ฉันหันไปมองเขาทันที
“เที่ยวหรอคะ” ฉันถามกลับทันที
“ฉันไม่พาเธอไป” พี่ติณณ์พูดขึ้นอย่างรู้ทัน
“พาหนูไปด้วยนะพี่ติณณ์ หนูไม่เคยไปเที่ยวไหนเลยนะตั้งแต่กลับมา เรื่องไปคลับไปบาร์ หนูไปบ่อยมากตอนอยู่เมืองนอก ขอไปด้วยนะ” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับกอดแขนคนตรงหน้าอย่างอ้อนๆ
“ไปบ่อยแล้วจะไปอีกทำไม” เขาถามขึ้นอีกครั้ง
“ก็ไม่เคยไปที่ไทยไงเลยอยากรู้ว่าเป็นยังไง พาหนูไปด้วยนะ” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับเขย่าแขนของเขาไปด้วยเพราะฉันอยากไปจริงๆ
“สามทุ่มเธอต้องเสร็จ ไม่งั้นฉันไม่รอ” พูดจบก็สะบัดแขนของฉันออกแล้วเดินเข้าห้องของตัวเองไปทันที
แบบนี้คือเขาอนุญาตใช่ไหม
ก็ต้องใช่สิเพราะบอกเวลากับฉันไว้ขนาดนี้
ฉันยกมือดูนาฬิกาตอนนี้ยังไม่สี่โมงเย็นเลย ฉันจึงตั้งใจไว้ว่าจะนอนพักเอาแรงสำหรับคืนนี้สักหน่อย
เวลาต่อมา
ไอ้บ้าเอ้ย ! ตื่นสายจนได้ ฉันดูนาฬิกาที่ตอนนี้เกือบจะสองทุ่มแล้ว ฉันจึงไม่รีรอที่จะรีบไปอาบน้ำเพราะจำคำพูดของพี่ติณณ์ได้ดี
สามทุ่มเธอต้องเสร็จ ไม่งั้นฉันไม่รอ
ฉันใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำแต่จะนานในการแต่งตัวมากกว่า ที่ฉันเคยพูดไว้ว่าพี่ติณณ์ไม่มีทางเห็นฉันแต่งตัวคงต้องถอนคำพูดแล้วเพราะเวลาไปเที่ยวสถานที่แบบนี้ฉันค่อนข้างแต่งตัวพอสมควร
แต่หากเวลาไปไหนในที่ธรรมดา ฉันก็จะแต่งตัวธรรมดา แน่นอนว่าฉันเป็นคนแต่งตัวได้หลายสไตล์และการแต่งตัวต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉันด้วย
อย่างเช่นคืนนี้ ฉันก็แต่งตัวตามแบบฉบับที่ผู้คนเขาแต่งกันแต่หากตอนที่ฉันแต่งตัวไปบ้านพี่ติณณ์วันที่เจอกับเขาอันนั้นคือฉันอารมณ์ไม่ดีเพราะฉันไม่อยากไปมันจึงทำให้ฉันแต่งตัวเสื้อยืดกางเกงยีนแทนเดรสสีหวานที่คุณแม่เลือกให้
แน่นอนว่าสำหรับชุดในคืนนี้ ฉันเลือกแบบซอฟต์ๆเป็นสายเดี่ยวสีดำรัดรูป ส่วนการแต่งหน้าก็แต่งแต้มนิดๆหน่อยๆให้สดใส เวลาเจอแสงไฟในคลับหน้าฉันจะได้เด่น
ส่วนผมก็จัดการดัดลอนให้เข้ากับชุดก่อนจะจัดการฉีดน้ำหอมแบรนด์โปรดแล้วออกไปรอพี่ติณณ์ด้านนอก
แน่นอนว่าฉันออกมาก่อนเวลาถึงสิบนาทีและนั่นถือว่าเฉียดฉิวมากสำหรับฉันและทันทีที่พี่ติณณ์เปิดประตูออกมา เขาก็ดูตะลึงเล็กน้อยที่เห็นฉันนั่งอยู่ตรงนี้
ไม่รู้ว่าตะลึงเพราะการแต่งตัวของฉันหรือเปล่า
ก็บอกแล้ว อย่าให้ฉันได้แต่ง
“ฉันคิดว่าเธอจะใส่แต่งตัวโก๊ะๆไปซะอีก”
“แล้วแบบนี้สวยไหมคะ” ฉันแกล้งถามขึ้นพร้อมลุกเดินไปยืนข้างๆเขา ให้เขาได้สำรวจร่างกายของฉันได้มากขึ้น
“ไม่เห็นจะสวยตรงไหน เธอมันก็เด็กโก๊ะๆอยู่ดี เปลี่ยนแค่การแต่งตัวแต่ความโก๊ะก็ยังอยู่” พี่ติณณ์ตอบกลับมาทันทีและพยายามมองไปทางอื่น
เหอะ ท่าทางแบบนี้มีพิรุจชัดๆ
“ไม่สวยก็ไม่สวยแต่ก็มีคนยืนมองตาค้างอะ” ฉันพูดขึ้นพร้อมเหล่ตาดูอาการของเขาแต่เขากลับไม่พูดอะไรออกมาและเดินนำฉันออกจากห้องไปทันที
“เดินให้มันเร็วๆหน่อย รู้ว่าตัวเองขาสั้นก็ก้าวให้มันยาวๆ” พี่ติณณ์ตะโกนขึ้นแต่น้ำเสียงและท่าทางเขาของมันกำลังหัวเสียและหงุดหงิด
“หงุดหงิดอะไร หนูไปทำอะไรให้” เพราะเท่าที่รู้ฉันก็อยู่ของฉันดีๆยังไม่ได้ทำอะไรเลย
“เดินช้าแบบนี้จะไม่ให้ฉันหงุดหงิดได้ยังไง”
“หงุดหงิดเพราะหนูเดินช้าหรือหงุดหงิดเพราะอะไรกันแน่”
❤️
กรี๊ดดดด หยอดเข้าไปค่ะลูกสาว
เอาให้คนปากแข็งกลืนน้ำลายตัวเอง