H - I - D - E
ผี ซ่อน ศพ
เสียงของไซเรนตำรวจดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ที่หน้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ รถตำรวจสองคันเลี้ยวเข้าไปด้านในตัวของมหาวิทยาลัยพร้อมกับรถของหน่วยกู้ภัยอีกหนึ่งคันที่ตามมาติด ๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าที่นี่ต้องมีเรื่องอย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน เป็นเวลาที่หญิงสาวกลับมาจากมหาวิทยาลัย การเรียนในวันนี้ช่างเป็นการเรียนที่ยอดแย่ที่สุดที่เธอเคยเจอมา ความซวยยังไม่หมดเพียงแค่นั้น มีหนุ่มที่ไหนไม่รู้มาชนกับเธอแถมหนังสือยังถูกสลับไปซะอย่างนั้น
หญิงสาวนั่งลงบนเตียงนอน นี่เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว แม่และพี่ของเธอคงนอนหลับไปแล้ว กระดุมถูกปลดออกจากเสื้อนักศึกษาช้า ๆ เข็มแสดงสัญลักษณ์ของตรามหาวิทยาลัยถูกวางลงบนโต๊ะหัวนอนพร้อมกับกระดุมสีเงินไฟสีขาวในห้องสว่างจ้าเมื่อเธอเดินไปกดมัน ซึ่งทันทีที่ความสว่างเริ่มปรากฏ หญิงสาวไม่รอช้าที่จะตรงไปยังหนังสือปริศนาที่ทำให้การเรียนวันนี้ไม่เป็นไปอย่างที่คิด
วันนี้มีการบ้านซะด้วยสิ! เธอสบถเบา ๆ ก่อนที่จะจ้องหนังสือเล่มโตที่วางอยู่ตรงหน้าราวกับอยากจะโยนมันทิ้งไป
หนังสือเรียนวิชาหลักการเงินเบื้องต้น ...
เธอหยิบหนังสือเล่มสีน้ำเงินขึ้นมาก่อนที่จะเปิดไปหน้าแรกเพื่อค้นหารายชื่อที่แสดงความเป็นเจ้าของของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งมันก็เป็นไปอย่างที่เธอคิด หมึกน้ำเงินถูกบรรจงเขียนลงบนหน้าหนังสือจริง ๆ ถึงแม้ว่ามันจะอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตามที
ธีรนันท์ ... คณะบริหารธุรกิจ ... หญิงสาวพึมพำอยู่คนเดียวก่อนที่จะเอาหนังสือเล่มนั้นใส่กระเป๋า พรุ่งนี้เธอจะต้องเอามันไปคืนเจ้าของให้ได้
หลังจากที่จัดการกับหนังสือเจ้าปัญหาเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวลุกจากเกียงและตรงไปยังห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนยาว ซึ่งระหว่างที่เธอกำลังจะเข้าไปชำระร่างกายนั้น จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้นจนหญิงสาวรีบวิ่งออกมากดรับโทรศัพท์
ฮัลโหลค่ะ ... อ่อ ... ว่าไงโย
แกต้องรีบมาที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยนะพิม! เสียงปลายสายดูตกใจอยู่ไม่น้อย
เกิดอะไรขึ้นโย ... ใครเป็นอะไร !
ตอนนี้เมย์นอนสลบอยู่ที่โรงพยาบาลศิรยะ
ทันทีที่โยเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้กับหญิงสาวหัง ความกลัวผสมกับความตกใจเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในหัวสมอง ขออย่าให้เมย์เป็นอะไรเลย .... เธอคิดก่อนที่จะรีบหยิบชุดนักศึกษาตัวเดิมมาใส่ก่อนที่จะรีบเบิ่งออกไปยังซอยหน้าบ้านเพื่อเรียกรถแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาลศิรยะทันที
ขณะเดียวกันที่ศูนย์อำนวยความสะดวกของผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในกรุเทพ ที่นี่เป็นศูนย์รวมความทันสมัยทางเครื่องมือการแพทย์ที่มีทุกอย่างครบวงจรรวมทั้งแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางทุกแขนง ไม่แปลกที่จะมีผู้มาใช้บริการอย่างคับคั่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นโรงพยาบาลของเอกชนก็ตาม .... โรงพยาบาลศิรยะ
เสียงฝีเท้าของผู้เพิ่งมาใหม่ก้าวพ้นผ่านประตูเลื่อนแบบอัตโนมัติของโรงพยาบาลก่อนที่จะมาหยุดหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางของโรงพยาบาลแห่งนี้
เอ่อ ... ไม่ทราบว่านางสาวเมฑิตาอยู่ห้องไหนคะ? เสียงที่ดูลนลานของหญิงสาวดังขึ้นก่อนที่จะขยับแว่นกรอบดำ พยาบาลส่งยิ้มทักทายก่อนที่จะรีบค้นหารายชื่อยังคอมพิวเตอร์
สมกับเป็นโรงพยาบาลทันสมัย ไม่ถึงนาที รายชื่อของคนไข้ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ตอนนี้คุณเมฑิตาพักอยู่ที่ห้อง 406 ชั้นสี่ ห้องที่หกทางหัวมุมนะคะ พยาบาลสาวสวยส่งยิ้มให้ทันทีที่ทำหน้าที่เสร็จเรียบร้อย
ขอบคุณค่ะ หญิงสาวยิ้มกลับไปตามมารยาทก่อนที่จะมองหาลิฟต์ซึ่งอยู่ทางหัวมุม แต่คนที่มาใช้บริการที่นี่แน่นหนามากทำให้มีผู้คนยืนรอรีบกันอยู่เป็นจำนวนมาก ด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อนสนิทของเธอมาก เธอพยายามมองหาจุดที่สามารถไปได้เร็วโดยที่ไม่ต้องรอลิฟต์
บันไดหนีไฟ ... คือทางออกยามฉุกเฉินที่ดีที่สุดในตอนนี้
เมื่อคิดได้ดังนั้น เด็กสาวเริ่มขยับแว่นอีกครั้ง มืออีกข้างกระชับกระเป๋าสีน้ำตาลเอาไว้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะเดินผ่านลิฟต์ที่หนาแน่นไปด้วยผู้คนผ่านมายังด้านของประตูหนีไฟสีแดงที่อยู่ถัดจากตัวลิฟต์ไม่ไกลนัก
ประตูสีแดงสดค่อย ๆ ถูกแง้มออกด้วยแรงจากฝ่ามือของหญิงสาวบอบบาง ไฟสีขาวจากหลอดนีออนตามบันใดนั้นเปิดสว่างจ้าไปหมด แถมแต่ละชั้นยังติเดกล้องวงจรปิดไว้ทุกมุมอับ ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะมีการก่ออาชญากรรมขึ้นที่นี่ หญิงสาวจ้องมองตัวเลขที่แสดงชั้นของโรงพยาบาลแห่งนี้
ชั้นที่สี่คือจุดหมายของเธอ เมื่อคิดได้ดังนั้น เด็กสาวจึงตรงขึ้นบันใดโดยที่ไม่ได้ลังเลใจ อย่างน้อยมันก็ยังไวกว่าที่จะต้องไปรอเบียดเสียดกับคนที่ยืนต่อแถวรอลิฟต์
เสียงรองเท้าผ้าใบที่ย่ำขึ้นมาจนถึงชั้นสี่ หญิงสาวพยายามรวบผมเปียไปด้านหลัง มือข้างหนึ่งหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูขึ้น บรรจงเช็ดที่หน้าผากก่อนที่ดันประตูไปสุดแรง
แสงไฟสีขาวเช่นเดียวกันสะท้อนเข้ามายังหน้าประตู เคาน์เตอร์พยาบาลคือสิ่งแรกที่เธอเห็นเมื่อเปิดประตูออก ลูกศรสีขาวสบายตาอยู่ทางซ้ายและทางขวา โดยที่ห้องที่เป็นเลขคี่ไปทางซ้าย และห้องที่เป็นเลขคู่ไปทางขวา
ห้องของเมย์คือ 406 ... ทางขวาสินะ
สองเท้าก้าวไปทางขวาตามสัญชาติญาณที่เธอคิด เพียงไม่กี่นาทีเธอก็มาถึงห้องหัวมุมทางด้านขวา หน้าประตูห้องสีครีมแสดงหมายเลขห้องเอาไว้ ... ห้อง 406
หญิงสาวไม่รอช้า เปิดประตูเข้าไปด้านในก่อนที่จะพบกับเตียงนอนสีขาว และร่างของคนไข้ที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงนอนนั้น ถัดไปคือเพื่อนของพวกเธอที่มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว
ว่าน .. เมย์เป็นยังไงบ้าง? เด็กสาววางกระเป๋าบนโซฟาสีเขียวแก่พรางเดินมายังด้านข้างเตียง ที่เพื่อนสาวอีกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ เสียงของโทรทัศน์ยังคงดังเบา ๆ เพื่อไม้ให้หญิงสาวบนเตียงตกใจตื่นขึ้นมา
เด็กสาวผู้ถูกถามวางหนังสือนิตยสารลงก่อนที่จะมองหน้าของเด็กสาวกลับไป ริมฝีปากเริ่มขยับไปมาเพื่อตอบคำถามของหล่อน
เมื่อกี้หมอบอกว่า เมย์แค่สลบไปเท่านั้นเอง คงจะช๊อคน่ะ ... ทันทีที่คำตอบหลุดออกมาจากปากของหญิงสาว เธอถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แต่ยังไม่ทันที่โยจะถามอะไรต่อไปมากกว่านี้ โสตประสาทของทั้งคู่กลับได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากโทรทัศน์ เสียงที่เรียกความสนใจของทั้งคู่ให้ตรึงอยู่หน้าโทรทัศน์นั้น จอภาพที่กำลังแสดงเหตุการณ์การรายงานข่างสดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่สด ๆ ร้อน ๆ
ตอนนี้ดิฉันอยู่ที่หน้ามหาวิทยาลัยของกรุงเทพมหานคร หลังจากที่มีคนแจ้งเหตุมาว่ามีหญิงสาวชีวิตอยู่ในห้องชมรมเชียร์ลีดเดอร์ จากการชันสูตรศพพบว่าส่วนลำคอนั้นถูกของมีคมปาดลงจนตัดเส้นเลือดใหญ่ เป็นเหตุให้ผู้ตายเสียชีวิต จากนั้นฆาตกรได้อำพรางศพโดยการยัดใส่ไว้ในล็อกเกอร์ของชมรม ซึ่งมาทราบชื่อภายหลังว่าคือนางสาวอัญติมา นักศึกษาปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ โดยใกล้กันนั้นมีร่างของเพื่อนผู้ตายนอนสลบอยู่และจากการเก็บหลักฐานนั้น ทางตำรวจยังพบรูปภาพใบหนึ่งที่ถูกยัดไว้ในกระเป๋าเสื้อของผู้ตาย รูปภาพสีขาวดำของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นใคร ถ้ามีการรายงานความคืบหน้าดิฉันจะแจ้งให้ทราบภายหลังค่ะ ....
ในตอนนั้นเองที่หน้าจอนั้นตัดไปยังรูปภาพซึ่งเป็นหลักฐานการตายของศพนั้น สองสาวถึงกับอึ้งไป ไม่ได้พูดอะไร รูปนั้น พวกเธอทั้งสองจำมันได้ดี .... คนที่อยู่ในรูปนั้น
จ๋า ... ว่านเสียงสั่นเครือ นิตยสารที่เธอจับมันไว้หลุดร่วงลงพื้นราวกับหมดแรงไปซะเฉย ๆ
ทำไม .... สายตาของโยยังคงจับจ้องไปยังจอภาพนั้น ถือแม้ว่ามันจะเปลี่ยนเป็นโฆษณาไปแล้วก็ตาม ห้วงจิตสำนึกของเธอยังไม่สามารถประมวลภาพใด ๆ ออกมาได้ ในตอนนั้นเองที่พิมและปอยเปิดประตูเข้ามาในห้องของเมย์
อืออออ ... เมย์เหมือนจะได้สติแล้ว ดวงตาทั้งสองของเธอพยายามหลี่ขึ้นเพื่อปรับแสงให้เข้ากับแสงไฟภายในห้อง
ไม่นานนักดวงตาของเธอก็เริ่มชินกับทัศนวิสัยภายในห้อง เธอหันไปทางซ้ายก่อนที่จะเจอกับกลุ่มเพื่อน เมย์โผเข้ากอดพิมเอาไว้แน่นด้วยความกลัว ถึงแม้วาเธอจะเป็นคนที่กล้าหาญที่สุดในกลุ่มก็ตาม แต่สถานการณ์ที่เธอเพิ่งเผชิญมานั้น มันช่างโหดร้ายเกินกว่าที่เธอจะรับได้จริง ๆ
พิม .... เสียงสะอึกสะอื้นของเมย์ดังก้องไปทั่วทั้งโรงพยาบาล โยรีบเดินเข้าไปปิดโทรทัศน์เพราะกลัวว่าจะมีการรายงานข่าวเข้ามาอีก
เด็กสาวไม่ได้พูดอะไรนอกจากลูบปอยผมของเพื่อนเพื่อให้เธอได้บรรเทาความหวาดกลัวเท่านั้นเอง นี่คือสิ่งที่เธอสามารถทำมันได้ดีที่สุดในตอนนี้
ไม่มีอะไรแล้วนะเมย์ ... ตอนนี้เธออยู่พวกเราแล้ว .. ไม่มีใครมาทำอะไรเธอได้หรอกนะ ... ปอยพยายามเกลี่ยกล่อมเพื่อนอยู่ข้าง ๆ อีกคน
มีสิ ทำไมจะไม่มีล่ะ!!! เมย์ตะคอกใส่หน้าของปอยจนเธอถึงกับสะดุ้งและผงะถอยหลังออกไป ไม่มีเคยมีใครเห็นเมย์ในอาการที่ตกใจสุดขีดแบบนี้
โอ๋ถูกฆ่า!!! มีคนฆ่าโอ๋และเอาศพไปยัดไว้ในล๊อกเกอร์!!! เมย์พยายามเล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน แต่น้ำเสียงกลับฟังไม่เป็นภาษาจนไม่สามารถจับทางได้ว่าเธอกำลังจะสื่อสารอะไร
เสียงร้องไห้ฟูมฟายของหญิงสาวเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อน ๆ พยายามจับเธอและปลุกให้ได้สติ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังอยู่พักใหญ่ก่อนที่เธอจะสลบไปทั้งน้ำตา
ฉันสงสารเมย์ ปอยไม่สามารถรับสภาพที่เพื่อนกำลังเป็นได้ตอนนี้ น้ำตาใส ๆ เริ่มไหลอาบลงทั้งสองดวงตาของหล่อน เธอหลบตาต่ำลงเพื่อไม่ให้เพื่อน ๆ ได้เห็นรอยน้ำตานั้น เพื่อน ๆ เองก็ได้แต่มองร่างของเมย์ที่นอนไม่ได้สติไปอีกครั้งบนเตียงนอนนั้น
เรื่องทุกอย่างต้องเกี่ยวกับพวกเราแน่ ๆ ... ว่านพยายามเรียบเรียงความคิดที่เพิ่งออกมาจากหัวสมอง
สามสาวที่เหลือไม่ได้พูดอะไร ในใจของแต่ละคนยังคงตั้งคำถามมากมาย ความสงสัยกับประโยคของว่านที่หลุดออกมาจากปากเมื่อครู่มันสื่อถึงอะไรกันแน่ บรรยากาศภายในห้องเริ่มกดดันขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวมองหน้าเพื่อนสลับกันไปมาก่อนที่จะตัดสินใจพูดความคิดนั้นออกไป
เรื่องของโอ๋ ... ต้องเกี่ยวกับพวกเรา ... เกี่ยวกับเมย์ ... แล้วก็จ๋า!!