ตอนที่ 5

1987 Words
เมื่อเดินมาถึงหน้าลิฟต์สำหรับผู้บริหาร ดลเทพจึงหันไปหาผู้ช่วยของเขาพร้อมยิงคำถามใส่ “พนักงานคนเมื่อกี้เธอเป็นเด็กใหม่เหรอ?” คำถามราบเรียบทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความอยากรู้นั้นทำให้โยธินรีบพยักหน้า “ใช่ครับบอส เธอชื่อรัญนราเป็นเด็กจบใหม่ เห็นว่าเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ยังไม่ถึงเดือนเลยครับ” ผู้ช่วยหนุ่มรีบรายงานเจ้านายหนุ่มเมื่อเข้ามาในลิฟต์ ส่วนเจ้าของใบหน้าคมเข้มเมื่อได้ฟังคำตอบจากผู้ช่วยหนุ่มแล้วก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ทว่าจู่ๆ ภาพดวงตากลมโตที่แหงนเงยขึ้นมองมา นอกจากความตกใจสุดขีดในนั้นแล้วยังปะปนมากับแววเศร้าหมองราวกับมีเรื่องทุกข์ใจฉายชัดขึ้นมาในมโนภาพอีกครั้ง มันช่างต่างจากหลายวันก่อนที่เห็นเธอในห้องแพนทรีอย่างสิ้นเชิง คิดแล้วดลเทพเม้มเรียวปากแน่น ก่อนจะสาวเท้าออกจากห้องโดยสารสี่เหลี่ยมแล้วมุ่งหน้าไปทางระเบียงทางเดินซึ่งเชื่อมต่อกับห้องประชุมใหญ่ ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องมือสื่อสาร เมื่อเรือนกายสูงใหญ่ของประธานหนุ่มเข้ามานั่งอยู่บนหัวโต๊ะ บุคลิกที่สุขุมบวกกับสีหน้าที่เคร่งขรึมอยู่ในขณะนี้ ชวนให้ผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร โดยเฉพาะคนที่ทำงานผิดพลาดที่นั่งอยู่ใกล้กับหัวโต๊ะตัวยู ถึงขนาดยกมือปาดเหงื่ออย่างเกร็งๆ แต่เหมือนว่ายิ่งเช็ดน้ำชื้นรอบไรผมยิ่งซึมมากกว่าเดิมเมื่อสายตาคมเข้มของผู้ที่เพิ่งหย่อนกายลงนั่งจับจ้องมองมาฉายแววกดดัน “ผมต้องการคำอธิบาย ทำไมสินค้าที่เราส่งให้กับกิจยานยนต์ถึงมีตำหนิได้ ทั้งที่ผมเคยบอกแล้วว่าก่อนส่งสินค้าให้ลูกค้า เช็กให้มันดีๆ ซะก่อน” น้ำเสียงเคร่งเครียดที่เปล่งออกมาเต็มไปความเย็นเยือก ชวนให้บรรยากาศภายในห้องที่เงียบอยู่แล้วยิ่งน่าอึดอัดสำหรับคนที่ทำงานพลาด ในที่สุดก็ยืดอกออกรับอย่างกล้าหาญ “มันเป็นความผิดของผมเองครับท่านประธาน” หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบต้นผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานนี้กล่าวขึ้น “คุณจะรับผิดชอบยังไง?” “แล้วแต่ท่านประธานจะสั่งมาเลยครับ ผมน้อมรับทุกอย่าง” จรูญกล่าวด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ารู้สึกผิดจริงๆ ดลเทพทอดมองพนักงานที่ทำงานมาดีตลอดพลางส่ายหน้า แม้ว่าเหตุการณ์สะเพร่าจะบังเกิดเป็นครั้งแรก แต่ถ้าเป็นไปได้เขาไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย เพราะนั่นมันอาจจะทำให้ชื่อเสียงของบริษัทที่คุณปู่และคุณพ่อสั่งสมมาหลายชั่วอายุคนแล้วอาจเสียหายป่นปี้ได้ “ครั้งนี้ผมจะปล่อยไป หวังว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง” เนื่องจากพนักงานดังกล่าวทำงานกับสแปร์ยนต์มาหลายสิบปีแล้วและนี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายทำงานสะเพร่าเขาจึงปล่อยผ่านไป “ได้ครับ ต่อไปผมจะระวังมากกว่านี้ครับคุณดลเทพ” ผู้จัดการแผนกส่งออกรีบเอ่ยอย่างจริงจัง สีหน้าเริ่มดีขึ้นจากเมื่อกี้มากเมื่อดลเทพไม่ได้เอาเรื่องถึงขั้นไล่เขาออก เมื่อเคลียร์เรื่องที่ต้องการจะสะสางจบลง ดลเทพก็เข้าสู่หัวข้อประชุมสำคัญต่อ การประชุมดำเนินต่อไปร่วมสามชั่วโมงได้ ชายหนุ่มจึงออกจากห้องประชุม แล้วก้าวยาวๆ ไปทางระเบียง มุ่งหน้าสู่ห้องทำงานใหญ่ โดยมีผู้ช่วยหนุ่มกับเลขาสาวคอยเดินตามหลังอย่างเช่นทุกครั้ง “คุณหาเวลานัดท่านยงยุทธให้ผมที ขอให้เร็วที่สุด” ดลเทพหันมากล่าวกับผู้ช่วยหนุ่ม เมื่อคิดว่าเรื่องนี้เขาควรจะออกหน้ารับผิดชอบด้วยตัวเอง ไม่อยากเสียลูกค้าดีๆ อย่างกิจยานยนต์ไปซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้าเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยรุ่นคุณปู่ของเขาแล้ว “ครับบอส” โยธินรับคำอย่างรู้งาน ก่อนจะเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานเพื่อจัดการเรื่องที่ได้รับมอบหมายจากผู้เป็นนาย “ชงกาแฟมาให้ผมแก้วหนึ่งด้วยคุณมิรันตี” ดลเทพหันไปสั่งอีกคนที่เดินตามเขาไม่ห่าง “ค่ะท่านประธาน” เลขานุการสาวพยักหน้ารับแล้วแยกไปอีกทางเพื่อไปที่ห้องแพนทรีชงกาแฟให้เจ้านายหนุ่ม ส่วนดลเทพหลังเข้ามาถึงห้องทำงาน ร่างใหญ่หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งจัดการกับงานตรงหน้า ทว่าลงมือทำงานได้ไม่ทันไร ก็มีเสียงหวานของใครคนหนึ่งดังมาจากประตูบานใหญ่ “คุณดลขาฟ้ามาหาคุณแล้วค่ะ” เสียงออดอ้อนดังคุ้นเคย ทำให้ดลเทพต้องเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าแล้วย้ายสายตาไปทางต้นเสียง “มีอะไรหรือเปล่า?” น้ำเสียงทุ้มลึกเอ่ยถามแขกผู้มาเยือนในชุดเดรสสีคราม ทว่าเจ้าของเรือนร่างสวยไม่ตอบ แต่กลับเดินไปนั่งลงบนตักแกร่งก่อนจะฉกจูบริมฝีปากเรียวบางในทันทีอย่างที่เคยทำทุกครั้ง ทว่าครั้งนี้ฟ้าใสต้องผิดหวังเมื่อชายหนุ่มเบนหน้าหนีหล่อน “อย่าทำแบบนี้ที่นี่มันห้องทำงาน” ดลเทพตวัดน้ำเสียงดุพร้อมๆ กับผลักร่างเพรียวบางของดาราสาวลงจากตัก “ทำไมคะ ปกติดลชอบให้ฟ้าทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ?” ฟ้าใสถามเสียงตึงเพราะทุกครั้งที่เธอมาที่นี่ เป็นเขาที่เริ่มก่อนเสียด้วยซ้ำแล้วนี่เกิดอะไรขึ้นทำไมชายหนุ่มเปลี่ยนไปเช่นนี้ หรือยังโกรธเรื่องวันก่อนที่เธอไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเขาอย่างนั้นหรือ? “คุณดลยังโกรธฟ้าเรื่องวันนั้นหรือคะ?” ฟ้าใสถามก่อนเดินเข้ามาใกล้เตรียมจะเกาะกุมแขนแกร่ง ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขาแล้วหญิงสาวเลือกไม่แตะส่วนไหนของร่างกายเขานอกจากปั้นหน้าหม่นติดจะเศร้า “ฟ้าขอโทษนะคะ วันนั้นที่ฟ้าพูดแบบนั้นเพราะฟ้าหวงคุณมากไปหน่อย แต่ต่อไปฟ้าจะไม่ทำอย่างนั้นแล้วค่ะ คุณดลหายโกรธฟ้านะคะ” ดลเทพมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้ฉายแววรู้สึกผิดไม่ได้พูดอะไร แต่กลับหยิบสมุดเช็คออกมาจากลิ้นชักตวัดลายเซ็นลงไปแล้วฉีกหน้าที่กรอกตัวเลขเจ็ดหลักลงไปยื่นให้เธอ “อะไรคะ?” หัวคิ้วเรียวของดาราสาวเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองเช็คที่ถูกส่งมาจากเขา แต่ก็รีบเอื้อมมือรับอย่างรัวเร็ว โดยไม่สนใจต่อสายตาเย็นชาที่อีกฝ่ายมองมา “ขอบคุณค่ะ รักคุณดลที่สุด” ฟ้าใสยิ้มกว้างเมื่อมองเช็ค‘สิบล้าน’ ในมือ จากนั้นรีบหอมแก้มชายหนุ่มฟอดหนักๆ แต่แล้วเธอกลับยิ้มไม่ออกกับประโยคต่อมาของเขา “ต่อไปอย่ามายุ่งกับผมอีก” น้ำเสียงของดลเทพราบเรียบ ทว่าเนื้อเสียงนั้นบ่งบอกว่าเขาไม่ได้พูดเล่น “ทำไมล่ะคะดล ฟ้าทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือคะ?” ฟ้าใสถามพลางแสร้งบีบน้ำตาเพื่อเรียกคะแนนสงสารไปด้วย แต่เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลเธอจึงแสร้งพูดเสียงเครือว่า “คุณได้ฟ้าไปแล้ว จะทิ้งขว้างแบบนี้เลยหรือคะ คุณดลไม่รักฟ้าบ้างเลยเหรอ?” ถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบเต็มอกอยู่แล้วว่าดลเทพเป็นผู้ชายไร้หัวใจรักใครไม่เป็นแต่ก็อยากลองเสี่ยงดูสักครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาเขาก็ดีกับหล่อนไม่น้อย ดลเทพมองใบหน้าสวยซึ่งปั้นเศร้าเพื่อเรียกร้องให้เขาบอกรักแล้วไม่ได้พูดอะไร ใช่แล้วเมื่อก่อนเขาหลงเธอยิ่งกว่าอะไร เพราะเธอคนนี้เวลาอยู่บนเตียงทำให้เขาสุขยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ แต่หล่อนก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขามากเกินไปและเขาก็เป็นประเภทเกลียดผู้หญิงจุ้นจ้านด้วยสิ “คุณคงไม่ได้คิดจริงจังหรอกมั้ง เพราะเราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วนี่ว่าแค่เล่นสนุกกัน ความจริงคุณควรจะพอใจนะที่ผมไม่ได้กินคุณฟรีๆ” ดลเทพแสยะยิ้ม เขารู้ว่าผู้หญิงพวกนี้ไม่ได้รักเขาจริงหรอก ที่พวกเธอยังคอยล้อมหน้าล้อมหลังเขาอยู่แบบนี้ก็เพราะรักเงินของเขาเท่านั้น “หวังว่าคุณคงเข้าใจนะ ต่อไปอย่ามาที่นี่อีกนอกจากเรื่องงาน” น้ำเสียงจริงจังของดลเทพ ทำให้ฟ้าใสรู้ว่าถ้าดื้อกับเขาจะไม่เป็นผลดีกับตัวเองแน่ แม้จะไม่พอใจที่เขาถีบหัวส่ง แต่จะทำอะไรได้เล่า หล่อนทำได้แค่พับเช็คสิบล้านบาทใส่กระเป๋าก่อนจะเดินออกไปอย่างว่าง่าย แต่มิวายอดทิ้งสายตามองบานประตูใหญ่ที่เพิ่งเดินออกมาอีกครั้งไม่ได้ ยังคาใจที่ชายหนุ่มตัดเยื่อใยใส่กันกะทันหันแบบนี้ ทั้งที่ที่ผ่านมาเขาหลงใหลเธออย่างกับอะไรดี หรือว่าตอนนี้ชายหนุ่มมีตัวเลือกใหม่แล้วอย่างนั้นหรือ? เธอจะต้องสืบให้ได้ว่าตอนนี้ดลเทพกำลังคั่วใครอยู่ ........................... เสียงครวญครางของผู้หญิงใต้ร่าง หากได้ทำให้ดลเทพสนใจไม่ เขายังคงถาโถมเข้าใส่หล่อนอย่างเอาเป็นเอาตายยิ่งเห็นเธอกรีดร้องด้วยอารมณ์วาบหวามมากเท่าไร ยิ่งทำให้เขาถึงจุดหมายปลายทางมากขึ้นเท่านั้น กรามสันบดกันแน่นให้กับความหฤหรรษ์ที่ได้รับจากร่างเล็กขาวผ่อง กระทั่งเมื่อคลื่นสวาทสงบลง เรือนแกร่งกำยำพาตัวเองเข้าไปชำระเนื้อชำระตัวในห้องน้ำ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงร่างสูงก็มายืนอยู่ข้างเตียงที่ตอนนี้มีสาวสวยเซ็กซี่เปลือยเปล่านอนแผ่หลาหายใจเหนื่อยหอบ แต่ใบหน้าสวยกลับฉายไว้ซึ่งความสุขสมที่เขามอบให้ ดลเทพหย่อนตัวลงนั่งบนขอบเตียงหมิ่นเหม่ เอื้อมมือไปหยิบเช็คในลิ้นชักออกมาวางลงบนโต๊ะตรงหัวเตียง หลังเสร็จจากกิจกรรมหฤหรรษ์ สิ่งที่จ่ายไปก็คือ ‘เงิน’ “รับเช็คนี่แล้วรีบออกไปซะ” นี่คือคำพูดหลังจากจบกิจกรรมบนเตียงกับผู้หญิงทุกคนที่เขานอนด้วย น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยชัดเจนและไร้ความอาลัยอาวรณ์ ส่งผลให้คนที่นอนอยู่ค่อยๆ ลุกนั่ง พร้อมกับเบียดสองถันอวบอัดเสียดเข้ากับแผ่นหลังหนั่นแน่นด้วยกล้ามเนื้ออย่างหยอกเย้า “อย่าเพิ่งไล่มินนี่สิคะ แน่ใจเหรอว่าคุณดลอิ่มแล้ว” มินนี่ยิ้มยั่ว สายตาที่มองร่างแกร่งกำยำเต็มไปด้วยความหลงใหล ก่อนจะก้มลงซุกไซ้คอหอมกรุ่นที่คละคลุ้งด้วยกลิ่นฮอร์โมนชาย เพียงไม่ถึงวินาทีก็ได้รับการสนองตอบจากเขา ส่งผลให้มุมปากของสาวสวยยกขึ้นได้ใจ แล้วบทรักเร่าร้อนจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งทั้งที่มันเพิ่งจบลงได้ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ… “มินนี่รักคุณนะคะ” เสียงหวานเอ่ย ก่อนที่จะค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นแล้วหันกลับมามองใบหน้าคมเข้มของนักธุรกิจหนุ่มอย่างคลั่งไคล้ แต่คนฟังแสยะยิ้มมองผู้หญิงตรงหน้าแวบหนึ่ง รักเหรอ? รักเงินเขานะสิ เขารู้ว่าคำพูดพวกนั้นตอแหลทั้งเพ ผู้หญิงพวกนี้รักแต่เงินเขาเท่านั้นแหละ เขาไม่รู้ว่าหน้าตาของความรักเป็นยังไงและไม่อยากรู้จักด้วย! คราใดที่เขากระหายเซ็กซ์ การซื้อกินเป็นวิธีที่เขามักจะทำเป็นประจำ เขาไม่ชอบการผูกมัด และเป็นคนเบื่อง่าย ทุกวันนี้ถึงอายุจะเข้าเลขสามไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่คิดคบใครอย่างจริงจัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD