รถม้าคันเขื่องแต่มิได้ตกแต่งหรูหราคันนั้นจอดที่หน้าประตูใหญ่จวนสกุลจี บ่าวรับใช้ที่เฝ้าด้านหน้าจำได้ก็รีบวิ่งลงมารอต้อนรับ จีหลุนก้าวลงมาก่อนเป็นคนแรก ลี่เทียนเป่าเดินยิ้มๆ ลงมายืนอยู่ข้างหลัง
“ท่านชายขอรับ ท่านกั๋วกงรออยู่”
ลี่เทียนเป่าชะงัก เอียงหน้าไปกระซิบ “เหล่าจี เจ้าแจ้งทางบ้านไว้หรือ?”
แม่ทัพหนุ่มส่ายศีรษะ กุนซือลี่ถึงกับขมวดคิ้ว เขาเคยได้ยินเรื่องราวของสกุลจีมาไม่น้อย สกุลจีไม่อยู่ในสายอำนาจอย่างตระกูลอื่นที่รวมก่อตั้งแคว้นและยังกล่าวกันว่า...มีความลับซ่อนอยู่มากมาย
...ฝูกั๋วกง จีจิงเทียนผู้เป็นบิดาของจีหลุนคือผู้สืบทอดวิชาคำนวณดวงดาว...
ลีเทียนเป่าเคยมาพักที่นี่ครั้งเดียว ฝูกั๋วกงแม้จะดูใจดีแต่ก็มิได้เข้าถึงตัวได้ง่าย เขาถูกแยกให้ไปพักที่เรือนรับรองแขกที่อยู่ห่างจากเรือนพักของจีหลุนไปไม่ไกลนัก คราวนั้นมีโอกาสได้นั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับเจ้าของบ้าน ทว่าบนโต๊ะอาหารกลับเงียบงัน จีหลุนเตือนเขาเอาไว้ก่อนแล้วว่าครอบครัวของเขาจะไม่พูดคุยระหว่างรับประทานอาหาร
หลังจากรับประทานอาหาร บิดามารดาของจีหลุนกลับไปยังเรือนนอน ตัวจีหลุนจึงตามไปสนทนากับคนทั้งสอง
ลี่เทียนเป่าลองสอบถามพูดคุยกับบ่าวรับใช้ในเรือนจึงได้รู้ว่าฝูกั๋วกงไม่มีอนุภรรยา ซึ่งผิดวิสัยจากผู้มีอำนาจวาสนาทั่วไป กุนซือหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อได้รู้ว่าวังจีอันใหญ่โตนี้มีเพียงครอบครัวของจีหลุนพักอยู่กับสาวใช้ บ่าวรับใช้และองครักษ์จำนวนมาก
“ท่านกุนซือ เชิญที่เรือนพักหลังเดิมขอรับ” บ่าวรับใช้ที่เคยต้อนรับเขาเมื่อสามปีก่อนผายมือ
ลี่เทียนเป่าสังเกตดูก็พบว่าในวังจีแห่งนี้ไม่มีสาวใช้และบ่าวรับใช้หน้าใหม่ ทุกคนล้วนเป็นคนที่เขาเคยพบเมื่อสามปีก่อนทั้งสิ้น แต่ที่เพิ่มเติมก็คือมีเด็กตัวเล็กๆ มาวิ่งเล่นอยู่ในสวนด้านข้างหลายคน
“เด็กพวกนั้น?”
“เป็นลูกสาวใช้กับบ่าวรับใช้ที่นี่ล่ะขอรับ ท่านกั๋วกงอนุญาตให้นำมาเลี้ยงรวมกันในตอนกลางวันที่เรือนถัดไปโน่น”
“พวกเขาอยู่อาศัยที่นี่กันทั้งครอบครัวเลยหรือ?”
“ขอรับ ท่านกั๋วกงให้รับเฉพาะครอบครัวของบ่าวรับใช้เดิมเข้ามาขอรับ”
ลี่เทียนเป่ายืนกอดอกดูเด็กๆ พวกนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กวาดตามองไปรอบๆ หากเป็นจวนของขุนนางใหญ่ทั่วไป ควรจะมีอนุภรรยาอย่างน้อยสักสี่คน มีลูกๆ อยู่สักเจ็ดแปดคนขึ้นไป แต่ที่นี่...เงียบเหงา
จีหลุนซึ่งเป็นบุตรคนโตและบุตรชายสายตรงเพียงคนเดียวยังมิได้แต่งงาน ไม่มีอนุภรรยา หรือกระทั่งสาวใช้อุ่นเตียง มีเพียงท่านหญิงจีน้องสาวคนรองที่แต่งงานกับฟ่านหลี่เจี๋ยรองเสนาบดีหนุ่ม ส่วนท่านหญิงจีเล็ก โลดโผนยิ่งนัก นางไปทำงานเป็นหัวหน้าสำนักข่าวนกกระจิบสาขาเมืองฉู่จิ้ง บัดนี้พบรักกับคหบดีหนุ่มสกุลเยว่
คนสกุลจีมิได้สนใจเรื่องการสร้างฐานอำนาจในราชสำนักเท่าใดนัก เพราะหากเป็นเช่นนั้นจีหลุนก็คงจะหวังให้ท่านหญิงจีเซี่ยงอี๋ผู้เป็นน้องสาวคนเล็กแต่งงานกับขุนนาง แต่ตอนที่ได้เห็นว่าที่น้องเขยซึ่งเป็นพ่อค้า ซ้ำเวลาเดินยังต้องใช้ไม้เท้าค้ำเขายกยิ้มมุมปากแล้วก็ส่ายศีรษะเบาๆ
ลี่เทียนเป่าจำได้ว่าตนเห็นแล้วถึงกับนิ่วหน้า ‘เหล่าจี เจ้าจะยอมให้ท่านหญิงจีเล็กแต่งงานกับพ่อค้าพิการเช่นนั้นหรือ?’
จีหลุนพูดคุยกับน้องสาวของเขาอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็พูดกับลี่เทียนเป่าเพียงว่า ‘หากนางเลือกชะตากรรมด้วยตนเอง นั่นก็เป็นเรื่องของนาง’
ตั้งแต่วันนั้นกุนซือหนุ่มก็รู้สึกว่าคนสกุลจีดูแปลกกว่าชนชั้นสูงทั่วๆ ไป
ณ วังหลวงของแคว้นหมิง
จีหลุนเงยหน้ามองดูกำแพงสูงตระหง่าน เขาเข้ามาวังหลวงหลายครั้งแต่ก็ยังคงไม่รู้สึกชิน นับตั้งแต่การทำลายตรามังกรคู่ที่เจดีย์วัดหยกสวรรค์จบสิ้นลง สกุลจีก็เหมือนเข้าสู่ความสงบ
หมิงฮ่องเต้ทรงลดความระแวดระวังลง ทำให้เส้นทางการเป็นแม่ทัพของจีหลุนค่อนข้างราบรื่น ในค่ายพยัคฆ์ไฟยังคงมีแม่ทัพอาวุโสสองคนคอยช่วยดูแล ร่วมกับเขา เพียงแต่การออกแนวหน้าในยามนี้มีเพียงเขาและรองแม่ทัพทั้งสองที่ยังหนุ่มแน่น
“แม่ทัพจี มาถึงวังหลวงแล้ว เจ้ายังจะถอนหายใจอยู่อีก เรื่องมันต้องเกิดอยู่แล้ว จะกดดันตนเองทำไม?”
ลี่เทียนเป่านับเป็นทั้งผู้ใต้บังบัญชาและสหาย ในยามเรียกขานจึงแล้วแต่สถานการณ์ ต่อหน้าผู้อื่น เขาจะเรียกจีหลุนว่าท่านแม่ทัพ แต่ลับหลังก็เหลือเพียงเหล่าจี
“เจ้าไม่ใช่คนที่ต้องเจอปัญหานี้นี่ เจ้าก็พูดได้สิ”
“กระดองเต่าของข้าทำนายไม่เคยผิดพลาด ครั้งนี้ก็เช่นกัน ป่านนี้คนผู้นั้นก็คงเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าอยากเห็นหน้าจริง”
จีหลุนเหลือบมองสหายแล้วร้องเหอะออกมาคำหนึ่ง
“เดี๋ยวก็ได้เห็นแล้ว หวังว่านี่จะเป็นเรื่องๆ อย่างที่เจ้าทำนายไว้”
ขุนนางทั้งราชสำนักเดินทางมาถึงแต่เช้า พวกเขากำลังเข้าแถวตรวจตราประจำตัวเพื่อเข้าสู่ท้องพระโรง
รูปร่างสูงเด่นเป็นสง่าของจีหลุนทำให้ทุกคนต้องหันมามองเขาซ้ำ
“พี่หลุน มาถึงตั้งแต่เมื่อใดขอรับ?”
จีหลุนหันกลับไปมอง บุรุษรูปงามในชุดขุนนางปักลวดลายบอกกรมและฐานะผู้นั้นยิ้มน้อยๆ ตามนิสัย
“อ้อ...หลี่เจี๋ย ข้าเพิ่งมาถึงเมื่อวานตอนเย็น เลยยังไม่ได้บอกกล่าวเจ้ากับอิงอิง เอาไว้ประชุมเสร็จข้าจะไปเยือนจวนเจ้านะ”
ลี่เทียนเป่ารีบค้อมศีรษะคารวะ ฝ่ายมาทักก็รีบค้อมศีรษะตอบ กุนซือ หนุ่มรู้จักฟ่านหลี่เจี๋ยรองเสนาบดีฝ่ายซ้ายผู้เป็นน้องเขยของจีหลุน แต่ไม่เคยได้ทักทาย ครั้งนี้เขาจึงดีใจยิ่งนัก
“ข้าน้อย กุนซือลี่ ติดตามท่านแม่ทัพมาจากค่ายพยัคฆ์ไฟขอรับ”
“ยินดีที่ได้พบท่านกุนซือ ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านจากพี่หลุนมาตั้งแต่คราวก่อน เอาไว้มีโอกาสค่อยพูดคุยกัน”
เสียงเคาะระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณเตือนให้แถวของเหล่าขุนนางเข้าสู่ท้องพระโรงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
วันนี้หมิงฮ่องเต้เสด็จออกท้องพระโรงโดยมีฮองเฮาตามเสด็จ ทำให้ ขุนนางมองไปบนบัลลังก์ด้วยความประหลาดใจ หลังจากประชุมตามปกติผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม หลูกงกงก็ประกาศว่าวันนี้มีเรื่องสำคัญยิ่ง
ครู่หนึ่งองครักษ์หน้าท้องพระโรงก็ขานชื่อผู้ที่จะขอเข้าเฝ้า
“เบิกตัว กัวเอินถง ธิดาหัวหน้าเผ่าเหลียนซา”
ขุนนางในท้องพระโรงส่งเสียงฮือฮาออกมาพร้อมกัน พวกเขารู้จักกันดีว่าเผ่าเหลียนซาคือผู้นำในเขตทะเลทรายเซี่ยงซาวานที่ทำศึกอยู่ชายแดนมาหลายปี บัดนี้ทั้งแม่ทัพแดนตะวันตกอย่างท่านชายจีกับธิดาของหัวหน้าเผ่าเหลียนซามาปรากฏตัวพร้อมกันที่ท้องพระโรง อาจจะมีเหตุสำคัญเกิดขึ้น
หญิงสาวที่ใช้ผ้าปิดหน้าจนเห็นเพียงดวงตางดงามนั่งบนรถเข็น มีสาวใช้ผู้หนึ่งเข็นเข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้าเบื้องพระพักตร์
“หม่อมฉัน กัวเอินถง ธิดาของหัวหน้าเผ่าเหลียนซา กัวเฉิง ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ ขออภัยที่มิอาจคุกเข่า”
หมิงฮ่องเต้เลิกพระขนงเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ลำบากเจ้าแล้ว”
เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบทิศ เหล่าขุนนางกำลังสงสัยว่าเกิดสิ่งใดขึ้นที่ชายแดน นางจึงได้เดินทางเข้ามาถึงเมืองหลวงแคว้นหมิง
“หม่อมฉันเป็นตัวแทนของห้าเผ่าในทะเลทรายหมื่นลี้มาขอสงบศึกเพคะ”
จีหลุนหันไปจ้องมองนาง เขาเห็นเพียงเสี้ยวข้างของใบหน้า ฟังจากน้ำเสียงและดูจากรูปร่าง คนผู้นี้คล้ายฝาแฝดผู้พี่ยิ่งนัก ลี่เทียนเป่าเอียงหน้ามากัดฟันกระซิบ
“เห็นทีคราวก่อน กัวเยี่ยนสือคงจะเจ็บหนัก ถึงกับต้องส่งน้องสาวพิการมาขอสงบศึก”
“แผลง้าวไม่ลึกสักหน่อย ข้าว่ามันแปลกๆ อยู่นะ” แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าฟันถูกผู้นำทัพฝ่ายนั้นไม่มากและตอนที่บีบคอก็เป็นฝ่ายนั้นที่ถีบเขาจนกระเด็น ซ้ำตนเองก็ยังถูกกัวเยี่ยนสือใช้ดาบฟันมาหลายแผล
ขุนนางอาวุโสด้านข้างหันมาทำตาดุใส่ครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มทั้งสองจึงได้ หุบปากหันไปมองฮ่องเต้กับฮองเฮาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
“หัวหน้าเผ่าเหลียนซาอุตส่าห์ส่งบุตรสาวคนเดียวมาเจรจาสงบศึกถึงเมืองหลวงของเจิ้น เพียงแต่การสงบศึกครั้งนี้เป็นพวกเจ้าแสดงเจตจำนง เจิ้นขอดูความจริงใจสักหน่อยเถิด”
กัวเอินถงกลืนน้ำลายลงไปเล็กน้อย
“ท่านพ่อของหม่อมฉัน ได้เตรียมเครื่องบรรณาการเอาไว้แล้วตามรายการที่บันทึกข้างในนี้เพคะ ทูลเชิญพิจารณา”
หลูกงกงเดินลงมาแท่นด้านบนรับเอาฎีกาที่บันทึกรายการเครื่องบรรณาการจากกัวเอินถงขึ้นไปถวาย ฮ่องเต้ทรงรับเอาแล้วกางออกอ่าน ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นแล้วแย้มพระสรวล
“นับว่าใช้ได้ กัวเฉิงดูแลได้ดี อย่างนี้ค่อยน่าคุย”
***********
*ฟ่านหลีเจี๋ย พระเอกจากเรื่อง “ท่านหญิงจีจอมพลัง”