พี่ไม่ง้อ

1265 Words
ตอนที่7 พี่ไม่ง้อ น้องก็ไม่ท้อ 02.00น. ลูกค้ากระเป๋าหนักทยอยออกจากผับที่เปิดเลยเวลาอย่างไม่กลัวกฎหมาย หลาย ๆ คนได้คู่นอนกลับบ้านซึ่งดูจะเป็นเรื่องปกติ ยกเว้นคนที่มาตามแฟนสาวกลับอย่างเอริค “ผับปิดแล้วครับ” การ์ดชุดดำสองคนกันเอริคที่ทำท่าจะเดินสวนลูกค้าคนสุดท้ายเข้าไปข้างใน ดวงตาของเขาแสดงความเจ็บปวดออกมาตลอดเวลา ‘ไม่น่าแพ้มันเลย’ “กูมาตามเมียกูกลับ” “ข้างในไม่มีคนอยู่แล้ว ไปตามหาที่อื่น” “เมียกูมากับไอ้คริส” “เมียมึงมากับเฮียคริสเหรอ” รอยยิ้มเย้ยหยันของการ์ดตรงหน้าทั้งสองคนยิ่งทำให้เอริคเจ็บช้ำ เขายิ่งโกรธคริส และโกรธตัวเองเข้าไปใหญ่ “ถ้าไม่ให้กูเข้าก็ไปตามไอ้คริสมา” “เดี๋ยวให้คนไปตามให้” การ์ดคนหนึ่งหายเข้าไปด้านในไม่กี่นาทีก็เดินออกมา “รอแปป เฮียคริสกำลังใส่เสื้อผ้าอยู่” คำพูดที่ได้ยินทำเอาเอริคกำมือแน่นอยากต่อยใครก็ได้เพื่อระบายอารมณ์ แต่ติดที่วันนี้เขาดันมาตัวคนเดียวเพราะไม่อยากให้ใครเห็นความย่อยยับของตัวเองไปมากกว่านี้ คนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วสวมเสื้อโดยไม่ติดกระดุมสักเม็ด มันเกี่ยวแขนโอบไหล่ของแพตตี้เดินลงมาด้วยสภาพที่คอของเธอแดงจนแทบไม่มีพื้นที่ว่าง แต่ที่ทำให้เขาชาไปทั้งใจเพราะคิดว่าเธอจะเสียน้ำตาสักหน่อยแต่ไม่เลย เธอแค่ดูอ่อนเพลียเท่านั้นเอง “บี๋ เค้ามารับเธอกลับ” แฟนสาวของเขาพยักหน้ารับและเดินมาหาเขาจนแขนของคริสหลุดออกจากตัวเธอ “กูว่าจะให้คนเอาไปคืนอยู่พอดี มึงไม่น่ารีบมาถึงที่ให้เจ็บใจเล่น ๆ เลย” “ไปเถอะบี๋” แพตตี้ดึงแขนเอริคให้รีบไปจากตรงนี้กลัวสองคนนี้จะมีเรื่องกันนอกรอบซึ่งเธอเข้าใจดีว่าเอริคเจ็บใจแค่ไหน “ไอ้นนท์กับไอ้อิทธิ์ล่ะ” “คืนนี้เฮียนนท์กับเฮียอิทธิ์ไม่ได้มานะเฮีย” คริสนิ่งไปเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะหันไปพูดกับลูกน้องอย่างไม่จริงจัง “มึงคอยดูนะ มันสองตัวต้องมีตัวนึงใส่ปลอกคอหมา” “ฮะ!” ลูกน้องร่างสูงใหญ่สองคนร้องขึ้นอย่างตกใจ คนขึ้เก๊กอย่างนั้นเนี่ยนะจะใสปลอกคอหมา “มึงคอยดู” ..... เพียงคืนเดียวรูปที่ลลิลอัปลงอินสตาแกรมมีคนกดไลค์หลายหมื่นคน และเสื้อที่เธอใส่โปรโมตก็เอ้าท์อ็อฟสต็อกเป็นที่เรียบร้อย “พี่นนท์เขาไม่ว่าเหรอลี่” “ไม่เห็นมั้ง เราบล็อกเขาไปแล้ว” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นตอบเพื่อนด้วยรอยยิ้มเมื่อผลตอบรับดีเกินค่าจ้างที่เธอได้รับไปมาก “เราว่าลี่ไม่จำเป็นต้องรับงานอะไรแบบนี้เลย บ้านก็รวย” “บ้านรวยไม่ใช่เรารวยหนิแว่น อีกอย่างนะเราก็ชอบด้วยที่มีเงินโอนเข้าบัญชีรัว ๆ” “งานนี้ได้เท่าไหร่ล่ะ” “หกหมื่นเหมือนเดิม ไม่กล้าขึ้นค่าตัวกลัวไม่มีคนจ้าง” กวินส่ายหัวให้เพื่อนจอมงก ครอบครัวของลลิลมีฐานะ แต่ก็ไม่แปลกที่เธอจะชอบงานแบบนี้เพราะมันไม่ได้ลำบากต้องใช้แรงงาน หญิงสาวก้มหน้าสนใจข้อความในหน้าจอสมาร์ทโฟนครู่ใหญ่ เหมือนคุยกับใครจนกระทั่งชายหนุ่มสังเกตได้ว่าเธอเริ่มมีสีหน้าหนักใจเข้าไปทุกที “มีอะไรหรือเปล่า” “พี่จีชวนไปฉลองยอดขายน่ะ” “ไม่ไปก็ปฏิเสธสิ” “จะน่าเกลียดมั้ยอะ” หญิงสาวเงยหน้ารอความเห็นของเพื่อนด้วยสีหน้าวิตก เธอปฏิเสธใครไม่เป็นเสียด้วยสิ “บอกว่าป่วย” “รอบที่แล้วใช้มุกนี้ไปแล้วนะ และเราก็ปัดพี่จีไปหลายครั้งแล้วด้วย” “งั้นครั้งนี้ลี่ก็ไปจะได้ไม่น่าเกลียด” “แว่นไปด้วยกันมั้ย” “วันไหน” “คืนนี้สามทุ่ม” “...” ลลิลรู้คำตอบของเพื่อนอัตโนมัติถ้ากวินลังเลแปลว่าเขามีธุระ “ไปทำธุระเถอะ ไม่ต้องห่วงเราหรอกน่า” “เดี๋ยวเราลองเลื่อน...” “เราบอกว่าไม่ต้องไงแว่น” กวินชะงักมือที่กำลังหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าและมองหน้าคนที่ดุเขานิ่ง “ขอโทษ ก็แว่นมากับลี่จนเสียงานมาหลายครั้งแล้วไง ลี่ไม่อยากรบกวนแว่นมากเกินไป” “เราเต็มใจ” “อย่าดีกว่าเราไม่สบายใจ” กวินพยักหน้ารับ ในเมื่อเธอไม่สบายใจเขาก็ไม่ทำ “ไปที่ไหนบอกเราหรือพี่นนท์ไว้หน่อยก็ดี” “ลืมถามพี่จีเลยเดี๋ยวถามก่อน” ลลิลก้มหน้าพิมพิ์มือถือยิก ๆ และรอนานหลายนาทีแต่อีกฝ่ายยังไม่ได้ตอบเธอ “พี่จีไม่ได้ออนแล้วอะ เดี๋ยวถ้าเขาบอกแล้วเราจะบอกแว่นไว้นะ” “บอกพี่นนท์ด้วย” “ไม่” หญิงสาวตอกกลับเสียงหนักแน่น เธอบล็อกเขาก็คิดไม่หาทางง้อน้องสาวอย่างเธอเลย เธอจะไม่ยอมติดต่อเขาไปก่อนหรอก ..... กวินอยู่ชั้นที่20 ส่วนเธออยู่ชั้นที่19 เขาเป็นเพื่อนผู้ชายที่นนท์นภัทรไว้ใจมากที่สุดเพราะทั้งสองเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียนเตรียมอนุบาลด้วยซ้ำ ถึงแม้กวินจะดูลึกลับในบางครั้งก็เถอะ “อย่าลืมไลน์มาบอก” “จ้า” ลลิลตอบกลับก่อนจะเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงปลายทางก่อนเพื่อน เมื่อมาถึงห้องเธอก็หยิบมือถือขึ้นมาดูว่ารุ่นพี่ของเธอบอกสถานที่หรือยังแต่ทางนั้นก็ส่งมาเป็นโลเคชั่นแทน “ว้าว ช่างบังเอิญเสียจริง” หญิงสาวพูดกับหน้าจอสมาร์ทโฟนก่อนจะวางมันไว้บนเตียงนอนแล้วไปจัดการแต่งตัวสำหรับการไปเยือนผับของพี่ชาย ‘ครั้งแรก’ ..... หญิงสาวสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสั้นสีขาวที่แทบจะกลืนกับผิว ดีไซน์เว้าแหว่งตรงเอวคอดทำให้วันนี้เธอดูเซ็กซี่ผิดตาไปมาก ชุดนี้ก็ได้มาจากรุ่นพี่สาวของเธออีกเช่นเคย ซึ่งมันดูเข้ากับผู้หญิงที่ชื่อลลิลเหมือนมันถูกดีไซน์มาเพื่อเธอโดยเฉพาะ ลลิลแต่งแต้มเครื่องสำอางบนใบหน้าอย่างจัดเต็มผิดกับวันไปเรียนที่ปัดเพียงแป้งฝุ่นเท่านั้น ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งดูน่าจ้องมองมากขึ้นไปอีกด้วยอายแชร์โดวบาง ๆ สีชมพูประกายวิ้งตามด้วยอายไลน์เนอร์เส้นคมเฉี่ยวและปัดเสริมมาสคาร่าจนขนตาดูหนาเป็นแพ เธอปัดแก้มสีชมพูบางเบาจนเหมือนมันเป็นสีจากธรรมชาติ และปิดท้ายด้วยลิปสติกสีชมพูหวานราคาเกือบสองพันเคลือบบนริมฝีปากบางน่าจูบของเธอ “เป็นผู้หญิงนี่เหนื่อยจังเล่า” ลลิลบ่นให้ตัวเองเพราะเสียเวลาประณีตใบหน้ามาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ‘เวลาเจอแสงจะได้สวย ๆ’ มือนุ่มนิ่มหยิบขวดน้ำหอมหลากหลายยี่ห้อที่มีกว่าสามสิบขวดแล้ววางลงครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะลังเลว่าจะเลือกใช้ขวดไหน ก่อนจะตัดสินใจเลือกเจ้าฝาดำในตำนวนขึ้นมาเปิดแล้วฉีดจนทั่วตัว ‘น้ำหอมยั่ว...อะไรนั่นแหละ’ แค่ก ๆ “โอ้ยฉุนนนน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD