บทที่ 4

1535 Words
"จะเอายังไงต่อไปดีเนี่ย" นี่เป็นคำถามที่วกวนในหัวของมุนินทร์ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ก็ยังคิดอะไรไม่ออก เธอไม่ใช่ผู้หญิงหิวเงินอย่างที่พวกเขาเข้าใจ แต่สิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด มันเป็นเพราะแม่ แม่คือเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอต้องกลับมาอยู่ที่นี่ เธอพูดได้เต็มปากเลยว่าถ้าไม่ใช่การบังคับหรือออกคำสั่ง เธอจะไม่ทำเด็ดขาด เพราะรู้ว่ามันจะทำให้พวกเขารังเกียจเธอมากขึ้นกว่าเดิม "บ้าชะมัด" มือเล็กขยี้หัวตัวเองแล้วหยิบเสื้อยืดกับกางเกงวอมตัวเก่ามาใส่นอน พรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง เเม่คงไม่คาดหวังให้เธอจับพวกเขาให้ได้ภายในสามวันหรอก อย่างน้อยก็ควรให้เวลาเธอสักสามเดือนเหมือนอย่างที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก สามวันมันน้อยเกินไป เธอทำไม่ได้แน่นอน เช้าวันต่อมา... "ใช่ค่ะ ฉันมีวุฒิตามที่ส่งไป พอจะสมัครเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ไหมคะ?" [ได้ค่ะ] "งั้นตกลงค่ะ ฉันส่งข้อมูลส่วนตัวกับความรู้พื้นฐานที่สามารถสอนนักเรียนให้ทางอีเมล์แล้ว ได้เรื่องยังไงรบกวนคุณโทรมาแจ้งฉันอีกทีนะคะ" [ได้เลยค่ะ] "อ่า...ขอสอบถามอีกนิดนึงนะคะ เรื่องอายุของฉันเป็นปัญหาหรือเปล่า พอดีฉันเพิ่งกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย เลยอยากหางานทำไปพลาง ๆ ไม่รู้ว่าจะผ่านไหม" [เรียนได้เกียรตินิยมขนาดนี้ต้องผ่านอยู่แล้วค่ะ] "จริงเหรอคะ!?" เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น [จริงค่ะ คุณสมัครเป็นครูสอนทางออนไลน์ เพราะฉะนั้นเรื่องอายุไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว เดี๋ยวยังไงฉันจะแจ้งรายละเอียดการสอนให้ทางอีเมล์อีกทีนะคะ ขอบคุณค่ะ] "ขอบคุณเช่นกันค่ะ" มุนินทร์ยิ้มร่าด้วยความดีใจ ที่ตัวเองหางานทำได้แล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปแบมือขอเงินใคร เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยเงินของตัวเอง ถึงเม็ดเงินที่ประเทศไทยมันถูกกว่าอเมริกา แต่ก็ยังดีกว่าไม่ดิ้นรนทำอะไรเลย ใบหน้าหวานละมุนเพ่งสายตาไปที่รายละเอียดงานอย่างตั้งใจ จนเธอลืมไปแล้วว่าต้องกินข้าว ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มตรง อันที่จริงมีคนมาเรียกแล้ว เเต่เธอปฏิเสธไปเพราะว่าต้องดูงานก่อน ยิ่งเราเตรียมความพร้อม ยิ่งได้ชั่วโมงสอนเร็ว "อื้ออ~" ร่างอรชรบิดตัวไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้า ก่อนจะเดินลงมาหาอะไรกินที่ห้องอาหาร ความจริงที่นี่มีลิฟต์ส่วนตัวด้วยนะ ขึ้นชื่อว่าคฤหาสน์ ความเวอร์วังมันต้องมาเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่เหตุผลที่ทำให้เธอไม่ใช้ลิฟต์นั่นก็คือ เมื่อห้าปีก่อน เธอถูกสองพี่น้องแกล้งขังให้อยู่ในลิฟต์นานเกือบครึ่งวัน เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอกลายเป็นคนที่กลัวลิฟต์มาก มันฝังใจไปแล้ว และอีกหลาย ๆ เรื่องที่พวกเขาใจร้ายกับเธอ มันเยอะมากจนไม่รู้จะเอาปมไหนมาเล่าดี แต่เธอก็ยอมรับในความเก่งของตัวเอง ที่สามารถผ่านพ้นมันมาได้ โดยที่ไม่ตายไปเสียก่อน "เหลือราเมนไหมนะ" ดวงตาคู่สวยมองหาสิ่งที่อยากกิน กะว่าพรุ่งนี้จะออกไปซื้อของมาชดใช้เขาด้วย แต่คืนนี้มันดึกแล้ว ขอกินก่อนแล้วกัน เขาคงไม่ลงมาเห็นหรอก "พรุ่งนี้ต้องโดนแม่ด่าแน่เลย" ระหว่างที่รอราเมนต้มสุก หญิงสาวก็พลางคิดถึงเรื่องที่จะต้องแก้ตัวกับแม่ในวันพรุ่งนี้ เธอไม่สามารถยั่วยวนให้พวกเขาหลงกลได้จริง ๆ ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือวิชาการอ่อยผู้ชายของเธอติดเอฟ ไม่อย่างนั้นคงมีแฟนไปนานแล้ว "ยืนคุยคนเดียว เป็นบ้าเหรอ? " เสียงทุ้มจากคนด้านหลัง ทำให้คนตัวเล็กถึงกับต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เธอนึกว่าเป็นแทนคุณเจ้าของซองราเมน แต่ยังดีที่เขาเป็นแดนไท ไม่งั้นเธอโดนสวดเรื่องมารยาทอีกแน่ "ฉันไม่ได้เป็นบ้า ฉันแค่หิว" เธอตอบกลับไป สายตาก็จ้องมองการแต่งกายของคนตัวสูงที่ดูสุขุมมากกว่าปกติ เหมือนเขาเพิ่งจะกลับมาจากการทำงานนะ "คุณเพิ่งกลับมาเหรอ? " "ยุ่งไรด้วย" ว่าแล้วว่าต้องโดนสวนแบบนี้ "ฉันก็แค่ถาม" "ไม่ต้องถาม คนอย่างเธอไม่มีสิทธิถามอะไรใคร นอกจากถามตัวเองว่าอยู่ที่นี่แล้วมีความสุขได้เหรอ" "ฉันรู้ แม่กับฉันไม่สมควรอยู่ที่นี่" "ถ้ารู้ก็ควรออกไปซะ" "ฉันออกได้ที่ไหนล่ะ" "ออกไม่ได้ หรือไม่ยอมออกกันแน่" สองพี่น้องนิสัยคล้ายกัน แถมคำพูดยังจิกกัดเหมือนกันด้วย ไม่รู้ว่าเป็นกับผู้หญิงทุกคนไหม แต่เท่าที่ดู คงเป็นกับเธอแค่คนเดียวแหละ ก็แม่ของเธอดันสร้างเรื่องไว้ซะขนาดนั้น พวกเขาไม่ไล่ฆ่าเธอให้ตายตามคุณหญิงกลิ่นผกาไปก็บุญแล้ว "ขอโทษค่ะ" ยกมือไหว้ "ไม่ต้องมาไหว้ ฉันไม่รับ" แดนไทปัดมือเล็กก่อนจะเดินไปหยิบขวดน้ำอุ่นในตู้มาดื่มจนหมด เธอแอบเห็นลูกกระเดือกของด้วย เขาดูเป็นผู้ชายที่ร้อนแรงนน่าสัมผัสกล้ามแน่น ๆ นั้นมากเลย ตื้ดด! เสียงเตือนหม้อต้มราเมนดังขึ้น เรียกสติให้หญิงสาวกลับมาโฟกัสที่ของกินตรงหน้า เธอเทราเมนใส่ชามก่อนจะถือไปนั่งกินด้วยความหิว ระหว่างนั้นแทนคุณก็เดินเข้ามาในห้องครัว ทำเอาเธอตาค้างไปเลย เพราะหลักฐานที่ขโมยราเมนมากินมันคาอยู่เต็มปาก "อีกแล้ว กินของคนอื่นอีกแล้ว" "ดะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันซื้อให้ใหม่" ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะกลัวสายตาพวกเขามาก ทั้งพี่ทั้งน้องเลย ยิ่งถ้าเวลาพวกเขาโกรธจัด เธอโดนบี้เละคามือแน่ ๆ "เธอนี่มัน" เหมือนจะด่า แต่ก็ไม่ เขาชักสีหน้าหงุดหงิดก่อนจะเดินไปหยิบน้ำอุ่นเหมือนแดนไทมาดื่มอีกขวด นี่คงไม่ใช่แค่นิสัยคล้ายกันแล้ว แต่การกระทำก็คล้ายกัน มุนินทร์รีบโซ้ยราเมนในชามจนหมด จากนั้นก็เดินไปล้างชามให้เรียบร้อย แต่มันรู้สึกเกร็งมาก เพราะพวกเขาทั้งสองยืนจ้องมองที่เธอตลอดเวลา "ฉันขึ้นห้องก่อนนะ... คะ"ต้องพูดมีหางเสียงหน่อย อย่างน้อยพวกเขาก็อายุมากกว่าเธอตั้งหลายปี โดยเฉพาะแทนคุณ เขาอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว มากกว่าแดนไทสองปี เดี๋ยวเธอจะโดนท้วงเรื่องมารยาทอันยอดแย่อีก "จะไปตายไหนก็ไป" แดนไทตอบหน้าตาย ทั้งที่เมื่อวานเขาเป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้แท้ ๆ วันนี้กลับไล่ให้ไปตายเสียแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างอารมณ์แปรปรวนใช้ได้เลย "ถ้าตายได้ ฉันจะรีบตายให้เลยนะคะ" คำพูดของเธอทำให้สองหนุ่มตรงหน้ากำหมัดแน่น เธอไม่ได้ประชดประชัน แต่ถ้าการตายมันทำให้ทุกอย่างจบลง เธอก็โอเค ดีกว่าต้องมาใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ การถูกบังคับมันไม่มีมีความสุขหรอกนะ จำเอาไว้ "ปากดี ขอให้สมพรปาก" แทนคุณพูดด้วยน้ำเสียงสาปแช่ง แต่เธอกลับยกยิ้มหวานให้พวกเขาแล้วเดินจากไป ห้าทุ่ม... เวลานี้ควรเป็นนอน แต่ประตูห้องดันถูกเคาะเรียกในยามวิกาลเสียก่อน คนตัวเล็กเลยต้องหอบร่างนุ่มนิ่มลงจากเตียงลงไปเปิดประตูห้องด้วยความสะลึมสะลือ แต่เมื่อบานประตูเปิดออก สองหนุ่มก็รีบปลี่ตัวเข้ามาหาเธอ แล้วโน้มใบหน้าคมลงมาซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น "ดะ เดี๋ยวสิ อื้อ! " มือปลาหมึกของพวกเขาล้วงเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวบางแล้วออกแรงบีบเค้นอกอวบจนคนตัวเล็กรู้สึกเจ็บหนึบ เท่านั้นยังไม่พอ ริมฝีปากร้อนระอุของแดนไทยังเลื่อนขึ้นมาจูบกลีบปากนุ่มอย่างเร่าร้อนอีกต่างหาก ส่วนคนด้านล่างก็ไม่ปล่อยให้ริมฝีปากตัวเองว่าง เขาถกเสื้อขึ้นแล้วดูดเลียจุกสีหวานจนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายเหนียวหนืด "จ๊วบ พวกคุณเป็นอะไรไป อื้อ หยุดก่อน" มือเล็กปัดป้องไม่ให้พวกเขารุกล้ำ เธอตกใจเพราะยังตั้งหลักไม่ทัน ไม่คิดว่าจะโดนสองคนนี้รุกใส่ มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ คนที่เกลียดเธอไม่มีทางเป็นแบบนี้ จ๊วบ แผล่บ จ๊วบ! ใบหน้าหวานแดงซ่านไปจนถึงกกหู เพราะตอนนี้สองหนุ่มกำลังก้มหน้าก้มตาดูดนมสวยอย่างเมามันส์ พวกเขาดูดเลียจุกสีหวานจนแดงระเรื่อ จากนั้นก็นวดคลึงอย่างรุนแรง ทำให้หญิงสาวครางเสียงหลงตลอดเวลา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD