"มุนินทร์"
เสียงเรียกจากผู้เป็นแม่ ดึงสติเด็กสาวให้กลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน ในมือเล็กถือดอกไม้จันทน์สีขาวนวลอยู่หน้าเตาเผาศพ ก่อนที่จะวางดอกไม้ลงอย่างเบามือ แล้วก้มหัวเคารพร่างคุณหญิงเป็นครั้งสุดท้าย
"สะ สู่สุคตินะคะ คุณหญิง"เด็กสาววัยสิบห้าปีพูดด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วน เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้เธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะสาเหตุที่ทำให้คุณหญิงกลิ่นผกาต้องตาย ก็คือแม่ของเธอ...
"ลงไปได้แล้ว"
แม่ดันตัวเธอให้เดินหลบไปจากตรงนี้ เจ้าของใบหน้าขาวซีดเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าสบตาสองหนุ่มที่ยืนจ้องเขม่งมาที่เธออย่างเอาเรื่อง พวกเขาเป็นลูกชายของคุณหญิงกลิ่นผกา ชื่อ "แทนคุณ" กับ "แดนไท" แล้วทั้งคู่ก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
"อ๊ะ คุณท่านคะ สะ เสียว"
"เสียวก็ครางออกมาสิ มุณี ฉันชอบ"
"อ๊าห์ ฉันก็ชอบค่ะ อ๊ะ เอาฉันแรง ๆ เลย"
เเอดด...
ประตูห้องน้ำสีดำทมิฬแง้มออกให้เห็นร่างชายหญิง ที่กำลังปลดปล่อยอารมณ์ใคร่สวาทกันอย่างเร่าร้อน หญิงสาวหลับตาปี๋ พยายามไม่มองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ทว่าด้านหลังกลับมีชายหนุ่มอีกสองคนจ้องมองพวกเขาอยู่ เธอสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ แค่ก็ถูกฝ่ามือร้อนผ่าวปิดปากเอาไว้แน่นไม่ให้เด็กสาวส่งเสียง
"แม่ของเธอมันร่าน"
นี่คือคำพูดที่หลุดออกมาจากปาก ‘แทนคุณ’
"เธอก็คงร่านเหมือนแม่เธอสินะ"
ตามมาด้วยคำพูดของน้องชายอย่าง ‘แดนไท’
"นะ นี่มันอะไรกัน! "
แต่ก่อนที่เธอจะท้วงคำพูดพวกเขา
เสียงของคุณหญิงกลิ่นผกาก็ดังขึ้นจากประตูห้องน้ำอีกฝั่ง ทำให้คนในห้องหยุดการกระทำลงทันที คุณท่านหรือคุณแดนทัพรีบหยิบผ้ามาคุมตัวแล้วเดินตรงเข้าไปหาคุณหญิงเพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว
คุณหญิงบีบก้อนเนื้อตรงอกข้างซ้าย แล้วทรุดตัวลงไปนอนที่พื้นอย่างอ่อนแรง ลูกชายทั้งสองรีบเข้าไปช่วยอย่างไม่รีรอ ทำเอาผู้เป็นพ่อยืนชะงักเพราะทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง ส่วนแม่ของเธอก็ได้แต่ยืนยิ้มชอบใจ ที่ทำให้ครอบครัวของคนอื่นแตกแยกได้
ซึ่งเธอไม่เห็นด้วยสักนิด เธอเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้แค่อาทิตย์เดียวก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ต่อจากนี้ไป เธอจะสู้หน้าพวกเขายังไง ในเมื่อแม่ได้ทำผิดมหันต์ลงไปแล้ว
จุดจบของเหตุการณ์นั้นร้ายแรงมากจนถึงขั้นสูญเสียคุณหญิงกลิ่นผกาไป แล้วแทนที่แม่จะสำนึกผิด แต่แม่กลับเชิดหน้าชูตาตัวเองแล้วขึ้นมาเป็นคุณหญิงคนใหม่แห่ง ‘ตระกูลเกียรติศิณี’ เธอรู้สึกแย่มากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเธอยังเด็กเกินกว่าที่จะออกปากออกเสียงให้แม่หยุดการกระทำเช่นนี้
"สารเลว"
ตั้งแต่ผ่านงานศพของคุณหญิงกลิ่นผกา เด็กสาวก็จะได้ยินคำด่าคำนี้กรอกหูอยู่เป็นประจำ ตามมาด้วยคำว่า ลูกเมียน้อย นังหน้าด้าน นังร่าน ร่านเหมือนแม่ของเธอ ซึ่งตัวเธอเองก็เถียงอะไรพวกเขาไม่ได้ เพราะแม่เป็นคนผิด เธอจึงยอมเป็นคนรับผลกรรมที่แม่ก่อขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นที่คฤหาสน์หรือที่โรงเรียน เธอจะโดนรุมด่า รุมแกล้ง ทั้งที่เธอเองก็เป็นเด็กสาวที่หน้าตาสะสวย แต่กลับถูกทำร้ายไม่เว้นแต่ละวัน และคนที่สั่งก็ไม่ใช่ใครพวกเขาคือแทนคุณกับแดนไท ทั้งสองเกลียดเธอเข้าไส้ เจอหน้าแต่ละทีก็จะสรรหาคำพูดมาต่อว่าให้น้ำตาคลอ
โครม!
ครั้งนี้ก็เช่นกัน มุนินทร์ยืนเปลี่ยนผ้าอนามัยในห้องน้ำ แต่กลับถูกสาดด้วยน้ำแข็งก้อนโตจากด้านบน มันเจ็บมาก ถึงจะไม่มีแผลแต่ก้อนน้ำแข็งมันก็สามารถทำให้เธอหัวโนได้เลย ไหนจะผ้าอนามัยที่เปียกชุ่มนี้อีก
เธอจะใส่อะไรกันล่ะทีนี้ เห้อ...
"อีลูกเมียน้อยออกมาแล้ว! "
'ลูซี่' รุ่นพี่ ม. ปลาย
เดินนำเหล่าผู้หญิงแก่นกร้านสามคนเข้ามารุมล้อมเด็กสาวไม่ให้ออกไปไหน จนกระทั่งเลือดประจำเดือนไหลอาบต้นขาอ่อนลงมาเปื้อนพื้นห้องน้ำ เธอพยายามจะหยิบทิชชู่มาเช็ด แต่ก็ถูกห้ามเอาไว้ แถมยังถูกถ่ายรูปประจานอีก
"อี๋~ สกปรกชะมัด"
"เนอะ สมกับเป็นลูกคนชั้นต่ำ"
"พอใจกันหรือยัง..."
เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ปกติเธอมีความอดทนสูง แต่ครั้งนี้มันมากไป พวกเขาใจร้ายเกินไป ใครก็รู้ว่าผู้หญิงพวกนี้ยอมทำตามที่สองพี่น้องสั่งทุกอย่าง พวกเขาเป็นถึงหนุ่มหล่อประจำโรงเรียน และมีอิทธิพลมากเพราะเป็นลูกคนคนรวยระดับประเทศ มีหน้ามีตาไปทั่วโลก ถึงพ่อเขาจะทำเรื่องเสื่อมเสียแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรตระกูลเกียรติศิณีได้
"พอใจแล้ว ไสหัวไปสิ"
ผู้หญิงพวกนั้นยอมเปิดทางให้หลังจากได้รับข้อความจากสองหนุ่มแล้ว มุนินทร์เดินก้มหน้าออกมาจากห้องน้ำทั้งที่เลือดยังเปื้อนเต็มต้นขา ทำให้คนในโรงเรียนต่างพากันมองเธอด้วยสายตารังเกียจปนเหยียดหยาม รวมถึงสองหนุ่มที่ยืนกอดอกอยู่บนสแตนด์ตอนนี้ด้วย พวกเขาทำหน้านิ่งไร้อารมณ์ แต่มุนินทร์รู้ว่าลึก ๆ พวกเขากำลังพอใจที่เห็นเธอได้รับความอับอายแบบนี้
"ฮรึก ฮึก ฮือ!"
เด็กสาวหลบมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวเพียงลำพัง เธออ่อนแอเกินกว่าจะสู้พวกเขาได้ ถึงอยากจะรับผิดแทนแม่ แต่ถ้าให้ทนแบบนี้ต่อไปเธอต้องตายแน่นอน
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ เธอก็รีบตรงเข้าไปหาแม่ เพื่อขอไปเรียนต่อที่อื่น ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่ แม่เลยยื่นข้อเสนอว่าจะส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่เมื่อไหร่ที่ให้กลับมา เธอต้องกลับทันที
"ตกลงค่ะ" มุนินทร์รับข้อเสนอของผู้เป็นแม่แบบไม่ต้องคิด อย่างน้อยก็ให้เธอหนีไปจากตรงนี้ เธออดทนมาเกือบปีแล้ว มันควรหยุดเสียที
หลังจากที่ตกลงกันเสร็จ แม่ก็แจกแจงเรื่องเรียนให้เธอทุกอย่าง แม่บอกว่าท่านแดนทัพรักแม่มากเลยตามใจ ไม่นานเธอก็ได้ไปเรียนต่างประเทศ ไปแบบไม่ล่ำลาใคร แล้วก็ไม่บอกสองคนนั้นให้รับรู้ด้วย
ห้าปีต่อมา... สหรัฐอเมริกา
"อาหารได้แล้วค่ะ"น้ำเสียงหวานละมุนพูดกับลูกค้าฝรั่งตาน้ำข้าวด้วยความอ่อนน้อม ก่อนที่หญิงสาวจะยกยิ้มให้แล้วเดินจากไป ตอนนี้มุนินทร์อายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์แล้ว เธอเรียนจบหลักสูตรตามเกณฑ์พร้อมที่จะสมัครเรียนต่อ แต่ทว่ากลับมีสายเรียกเข้าโทรเข้ามากลางคัน เป็นสายของคนที่เธอไม่อยากรับที่สุดในชีวิต
[กลับมาได้แล้ว]
นี่คือประโยคคำสั่ง ไม่ใช่ประโยคคิดถึงแต่อย่างใด หญิงสาวอุตส่าห์ดีใจที่แม่ปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตตามที่ต้องการ ถึงจะต้องมาอยู่ต่างประเทศคนเดียว ก็ยังดีกว่ากลับไปอยู่ในสังคมแห่งการเหยียดหยาม เธอรู้สึกแย่ และที่สำคัญ เธอไม่อยากกลับไปรับรู้การกระทำของแม่ และไม่อยากกลับไปให้สองคนนั้นทำร้ายเธอด้วย
"ไม่กลับได้ไหม ตอนนี้นินหางานทำได้แล้ว เดี๋ยวที่เหลือนินจะส่งตัวเองเรียน แม่ไม่ต้องมารับผิดชอบแล้วก็ได้"
[ไม่ได้ แกจะมาชิ่งไม่ได้ ฉันยื่นข้อเสนอเพื่อให้กลับมา แล้วตอนนี้แกจะมาอิดออดใส่ฉันงั้นเหรอ!?]
"นินไม่ได้อิดออด แต่นินแค่ไม่อยากกลับไป"
[แก ต้อง กลับ เดี๋ยวนี้!]
แม่ตวาดเสียงใส่
ยืนยันจะให้มุนินทร์กลับประเทศไทยให้ได้ ไม่อย่างนั้นแม่จะไม่ยอมแน่
"ถ้านินกลับไป แม่จะให้นินเรียนต่อไหม? " หญิงสาวถามผู้เป็นแม่อย่างใจเย็น พยายามหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง เพราะถ้าเธอต้องกลับไปอยู่ในสังคมแบบนั้น เธอไม่มีวันเอาแน่ อย่างน้อยก็ให้เธอมีทางเลือกในชีวิตบ้าง
[แกไม่ต้องกลับมาเรียน เพราะฉันมีสิ่งที่อยากให้แกทำมากกว่าเรียนต่อ ถ้าแกทำได้ ชีวิตแกจะสบายไปทั้งชาติ ฉันก็จะสบายตามไปด้วย]
"นินอยากเรียนต่อ แต่ขอเลือกที่เรียนเอง"
[นี่แกฟังที่ฉันพูดอยู่ไหม ฉันบอกว่าไม่ต้องเรียน แกรีบกลับมาให้ไวเลย ฉันจองไฟล์บินให้แล้ว แต่งตัวให้ดูดีที่สุดด้วยล่ะ พอถึงสนามบินเดี๋ยวมีคนไปรับ แค่นี้แหละ]
แม่ออกคำสั่งเสร็จสรรพแล้วก็วางสายไป
ทิ้งให้มุนินทร์ยืนสิ้นหวังอยู่หลังร้านอาหาร
เห้อ...นี่เธอต้องกลับไปเผชิญหน้าความจริงแล้วสินะ
ความจริงที่ไม่อยากกลับไปยอมรับเลย