[สนามหลังคฤหาสน์ที่ดิสอาศัยอยู่]
ดิสยืนงงขณะมองรอบข้างที่เป็นสนามหญ้าหลังบ้าน เขาค่อนข้างสงสัยและตื่นเต้นว่าทำไมมิกส์ถึงพาเขาอยู่ที่โล่งๆ แบบนี้
บอดี้การ์ดเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “สงสัยอะดิว่ามันเป็นการทดสอบแบบไหน?”
ดิสพยักหน้าก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก “หวังว่ามันจะเซอร์ไพรส์สมกับที่บอดี้การ์ดระดับ AAA เป็นคนคิดนะครับ”
มิกส์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “เซอร์ไพรส์แน่ครับ เพราะผมจะสู้กับคุณ ถ้าอยากผ่านบททดสอบ คุณก็ต้องชนะผมให้ได้”
คราวนี้กับเป็นฝ่ายดิสเองที่ยิ้มออกมา “ผมต้องแก้มือสินะครับ”
มิกส์พยักหน้าก่อนจะกล่าวตอบ “ใช่ครับ เพราะครั้งก่อนคุณยังไม่มีวิชาอะไร ตอนนี้คุณเรียนรู้กับผมไปเยอะแล้ว มาทดสอบกันว่าคุณพัฒนาไปถึงไหนแล้ว”
“ที่นี่มันโล่งมากพอที่เราจะอาละวาดได้เต็มที่”
ดิสถกแขนเสื้อนักศึกษาขึ้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมายสำหรับเขานัก แต่มันก็เซอร์ไพรส์มากพอสำหรับตอนนี้ เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ยกสองมือขึ้นตั้งการ์ด
“พร้อมแล้วใช่มั้ยครับคุณหนู ใส่มาเต็มที่เลยอย่าได้ออมมือ”
ดิสที่เห็นแบบนั้นก็ยกการ์ดขึ้นมาเตรียมตั้งรับไว้เช่นกัน “เดี๋ยวจัดให้ครับ”
ถึงเขาจะพูดแบบนั้นไปก็ตาม แต่ดิสไม่แน่ใจว่าควรเอาจริงสุดฝีมือแบบที่อีกฝ่ายบอกรึเปล่า เพราะเขาไม่เหมือนกับก่อน ดิสอัพสถานะจนพลังโจมตีทะลุร้อยไปแล้ว
แต่เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง เพราะอีกฝ่ายก็เป็นถึงบอดี้การ์ดระดับ AAA เขาคงประมาทไม่ได้
เมื่อมิกส์เห็นท่าทางเหม่อลอยของดิส ก็เกิดอยากแกล้งขึ้นมา บอดี้บอดี้การ์ดหนุ่มเรียกวงเวทย์สีดำขนาดใหญ่มาปรากฏตรงหน้า ก่อนจะกระโจนง้างหมัดชกทะลุวงเวทย์และแปรเปลี่ยนให้ทั้งร่างกลายเป็นเหล็กกล้า
แต่ครั้งนี้เหมือนจะไม่ง่ายอย่างครั้งก่อน เขาฝึกมาเป็นเดือน ดิสไม่เสียท่ากับอะไรง่ายๆ แบบนี้แน่ ชายหนุ่มยกมือขึ้นรับหมัดบอดี้การ์ดตนได้อย่างไม่ยากนักพร้อมกับมองอีกฝ่ายยิ้มๆ
“เล่นทีเผลอเหมือนเดิมเลยนะครับ”
มิกส์เห็นแบบนั้นก็ยิ้มตอบ “คุณก็ขี้เผลอเหมือนเดิมเลยนะครับ”
เมื่อบอดี้การ์ดกล่าวจบก็พยายามดึงมือกลับ แต่ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก เขาเลิกคิ้วมองดิสอย่างสงสัย ทำไมอีกฝ่ายถึงมีพละกำลังเยอะกว่าครั้งก่อน
ดิสหุบยิ้มก่อนจะใช้มือข้างที่จับหมัดบอดี้การ์ดตนแน่น ออกแรงเหวี่ยงร่างมิกส์กลิ้งไปกับพื้นจนเกิดร่องดินตื้นๆ ยาวหลายเมตร
มิกส์ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นคลาน พลางกับคายเศษหญ้าออกจากปากด้วยความหงุดหงิดปนกับความอับอายเล็กๆ
ดิสกอดอกมองบอดี้การ์ดตนพร้อมกับยิ้มให้ ด้วยค่าความอัจฉริยะที่เขามี การเรียนศิลปะการต่อสู้จึงเป็นเรื่องไม่ยากนัก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทักษะเขาเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ
บอดี้การ์ดหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางปัดเสื้อที่เปื้อนเศษดิน ก่อนจะชี้นิ้วไปทางศิษย์ “เมื่อกี้ผมสะดุดหรอกน่า ไม่งั้นผมไม่ล้มหรอก”
ดิสที่ตอนนี้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเพียงแค่มองอีกฝ่ายนิ่งๆ เท่านั้น
ถึงมิกส์จะหงุดหงิดและมีอารมณ์ร่วมไปบ้าง แต่เขาก็ภูมิใจไม่น้อยที่ลูกศิษย์ทำแบบนี้กับตนได้ ดูเหมือนตอนนี้เขาต้องเอาจริงขึ้นหน่อยแล้วล่ะ
มิกส์ยกมือขึ้นชูไปข้างหน้าเรียกวงเวทย์สีดำอีกครั้ง แต่คราวนี้มันกลับหดรวมกันกลายเป็นค้อนปอนขนาดใหญ่สีเดียวกันกับวงเทย์ ลงอักขระไปทั่วด้ามจับที่ยาวพอๆ กับหอก
มิกส์ในร่างหมูเหล็กควงค้อนไปมาอย่างกับมันเบาเหมือนขนนก ดิสนิ่งมองอย่างตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
ดิสอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอีกฝ่ายจริงๆ
“เมื่อกี้คือ?”
มิกส์ที่ได้ยินแบบนั้น เลยยกค้อนขึ้นพาดบ่าแล้วเลิกคิ้ว “อยากเป็นพรานแต่ไม่รู้จัก ‘ศาสตราทมิฬ’ งั้นเหรอ?”
ดิสพยักหน้า ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องพรานทมิฬที่เขาไม่รู้อีกเนอะเลย “อะไรคือศาสตราทมิฬ มันคืออาวุธของพรานเหรอ?”
มิกส์ถอนหายใจอ่อน “จะเรียกแบบนั้นก็ได้ครับ แต่ผมต้องบอกก่อนว่าอาวุธพวกนี้น่ะ มันทำมาจากอวัยวะของมอนเตอร์ หรือไม่ก็แปรรูปมาจากสิ่งที่เราพบในดันเจี้ยน มันจะช่วยเพิ่มระดับให้พรานทมิฬได้มาก ช่วยในการล่าได้ดี และมันยังมีแรงค์ของมันเองด้วย”
“อย่างค้อนนี่ก็ทำทาจากเท้ายักษ์ ระดับของมันคือแรงค์ A ” พอมิกส์ว่าจบก็ควงค้อนไปมา “ไอ้พวกอาวุธพวกนี้แหละที่จะช่วยให้พรานทมิฬแรงค์ต่ำล้มบอสที่ระดับสูงกว่าตัวเองได้”
ดิสพยักหน้าฟังอย่างสนอกสนใจ เขาตื่นเต้นกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาก แต่ว่าเขาก็มีสิ่งที่สงสัย?
“นี่คุณถึงกับต้องใช้ศาสตราทมิฬกับผมเลยเหรอ นี่แค่การสอบเองนะ?”
เมื่อมิกส์ได้ยินแบบนั้นก็ฉีกยิ้มเล็กน้อย “บางทีข้อสอบก็ต้องสมจริงกันหน่อย…”
ดิสถอนหายใจใส่ผู้เป็นอาจารย์ตน ‘ก็ช่วยไม่ได้…’
ทั้งสองคนตั้งท่าเตรียมปะทะกันอีกครั้ง คราวนี้มิกส์เอาจริงขึ้นมาก เขาถึงขั้นที่เอาศาสตราทมิฬตอนสมัยเป็นพรานมาใช้เพื่อทดสอบดิส เขารู้ว่านายจ้างตนพัฒนาขึ้นไวมาก แล้วอยากรู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายเก่งขึ้นขนาดไหนกัน
มิกส์พุ่งง้างค้อนกระโจนฟาดไปยังอีกฝ่าย แต่ดิสก็เบี่ยงตัวหลบได้ จากค่าความเร็วของดิส การหลบหลีกอีกฝ่ายนั้นไม่ยากนัก
มิกส์ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาเหวี่ยงค้อนฟาดไปยังดิสอีกหลายรอบไม่ให้หยุดพัก
ดิสเริ่มสังเกตได้ว่า ยิ่งค้อนฟาดไปเท่าไหร่ น้ำหนักและความเร็วมันก็ยิ่งมากขึ้น จนแทบจะไล่เขาทันแล้ว
เขาเร่งสปีดมากขึ้นเพื่อหลบความเร็วค้อน ตอนนี้ดิสเริ่มแสดงความลำบากออกมาทางสีหน้า ความเร็วของศาสตราทมิฬเริ่มจะไล่ตามมาใกล้เต็มที
ดิสกัดฟันแน่น พร้อมกับหลบอย่างยากลำบาก ‘มันอะไรกันวะ… ค้อนนี่’
‘รู้งี้น่าจะอัพความเร็วเยอะๆ ’
ในที่สุดดิสก็พลาดท่าเสียที มิกส์จับจังหวะการเคลื่อนไหวได้ จึงเหวี่ยงค้อนฟาดดักทางนายจ้างตน กระแทกเข้าที่สีข้างอย่างจัง
อั่กกก!
ดิสปลิวไถลกลิ้งไปกับพื้นหญ้าหลายตลบ ก่อนจะยันกายลุกขึ้นนั่งกุมท้องด้วยอาการจุก
‘จ… เจ็บ’
เขาอัพสถานะส่วนอื่นไปเยอะก็จริง แต่ค่าความทนทายยังคงเท่าเก่า เขาพลาดไปจริงๆ เมื่อตนโดนฟาดถ้าคงสติตัวเองไว้ไม่ได้ เขาคงสลบไปแล้ว ค้อนนั่นมันยิ่งฟาดยิ่งเร็วและแรงขึ้น มันหนักกว่าหมัดของมิกส์ไม่รู้จักกี่เท่า
“ค้อนนี่ยิ่งฟาดยิ่งแรงนะลืมบอก” มิกส์กล่าวยิ้มด้วยน้ำเสียงยียวนก่อนจะกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้มาหา
ดิสกัดฟันแน่นสกัดกั้นความเจ็บปวดแล้วยันเข่าตัวเองลุกขึ้นยืน ตอนนี้ร่างกายมันร้อนผ่าวไปหมด นัยน์ตาหดเล็กสีทองส่องประกายออกมา
หลังจากอยู่กับระบบมาเป็นเดือน ดิสได้เรียนรู้หลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือเมื่อใดก็ตามที่เขาเจ็บหรือโกรธ สัญชาตญาณความอยากสู้จะตื่นขึ้น และดวงตาจะหดเล็กลงเปลี่ยนเป็นสีทองเสมอ
มิกส์รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังจะคลั่ง บอดี้การ์ดหนุ่มจับค้อนแน่นเตรียมรับมือ
ดิสที่เดือดพล่านไปด้วยความเกรี้ยวกราด ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายคอยนานนัก รีบกระโจนเข้ามาหาอย่างรวดเร็วทันที
มิกส์ง้างค้อนขึ้นสูงแล้วฟาดไปยังดิสที่พุ่งมาสุดแรงแขน หวังจะให้อีกฝ่ายหมดสติทันที
แต่ดิสกลับทำสิ่งที่ไม่คาดฝัน เขาง้างหมัดชกสวนกระแทกกับค้อนอย่างแรง!
ปักกก!
ค้อนที่ถูกกระแทกด้วยหมัดลอยขึ้นกลางอากาศด้วยแรงกระแทกที่มากกว่า มิกส์ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
มืออีกข้างดิสคว้าจับคอเสื้อบอดี้การ์ดตนแน่น ก่อนจะง้างหมัดชกไปที่หน้าของอีกฝ่ายสุดแรง
ปั่กกก!
แรงมหาศาลกระแทกเข้าอย่างจังกับเหล็กกล้า แต่มันก็ไม่แกร่งพอจะรับหมัดของดิส เหล็กกล้าบนหน้ามิกส์แตกร้าวเหมือนกระจกโดนทุบด้วยค้อนจนเห็นเสี้ยวหน้าจริงๆ ใต้หัวเกราะ
ร่างลอยละลิ่วร่วงตกพื้นดินอย่างแรงจนหมดสติไปทันที
ด้วยความบ้าคลั่งดิสยังไม่หยุดแค่นั้น เขากระโจนขึ้นร่างอีกฝ่ายก่อนจะง้างหมัดระบายอารมณ์
คงเพราะสัญชาตญาณที่บ้าคลั่ง ดิสแทบจะคุมตัวเองไม่ได้ เขากัดฟันแน่นพร้อมกับยั้งหมัดนั้นไว้ จนในที่สุดก็กลับมามีสติเต็มร้อย
เขาลุกขึ้นยืนพลางกับหายใจหอบ ตกตะลึงกับสิ่งที่ทำลงไป
‘ค่าพลังโจมตี 100 มันรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย…’
To be continued →