ตอนนี้ดิสในชุดสูทดำนั่งบนโซฟาจ้องหน้าต่างระบบในห้องนั่งเล่น นี่ก็เข้าวันที่สองแล้วที่เขากลับมาอยู่บ้าน
[แต้มสะสม 70 แต้ม]
50 แต้ม ได้จาการปิดดันเจี้ยน
10 แต้ม เป็นของเควสออกกำลังกายเมื่อวาน
10 แต้ม เป็นของเควสออกกำลังกายวันนี้
เขามองแต้มพวกนั้นอย่างพินิจ ตอนนี้ดิสอยากจะเพิ่มพลังโจมตี แต่ก็ไม่อยากเมินเฉยต่อความทนทานและความเร็ว
ใช้เวลาคิดสักครู่จนในที่สุดก็ตัดสินใจได้
‘เราควรทำให้ทุกอย่างมันสมดุลกัน’
ว่าแล้วดิสก็เริ่มอัพ เพิ่มแต้มให้กับพลังโจมตีไปอีก 15 แต้ม แล้กเพิ่มให้ความเร็วไปอีก 25 แต้ม แล้วปิดท้ายด้วยการเพิ่มแต้มทั้งหมดให้กับความทนทาน
ชื่อ : ดิส
พลังโจมตี : + 40
ความเร็ว : + 40
ความทนทาน : + 40
ดิสมองหน้าต่างระบบอย่างพึงใจ ตอนนี้ทุกอย่างสมดุลกันแล้ว เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าตอนนี้พลังตัวเองมันเพิ่มขึ้นขนาดไหน
แต่นี่ยังไม่ใช่เวลามาทดสอบ เขายกข้อมือซ้ายขึ้นมาดูนาฬิกาเล็กน้อย
‘เที่ยงแล้ว ใกล้เวลานัดขนาดนี้เขาคงกำลังมา’
ใช่แล้ว สาเหตุที่ดิสแต่งตัวดูดีแบบนี้ เป็นเพราะเขานัดใครบางคนไว้
ไม่นานนัก พ่อบ้านก็เดินนำชายคนหนึ่งเข้ามาที่นี่ คนๆ นั้นสวมเชิ๊ตขาวและกางเกงสเล็ก ส่วนใบหน้าถ้าไม่ตั้งใจมองคงคิดว่าเป็นผู้หญิง ดิสที่เห็นแบบนั้นก็ยกมือขึ้นสวัสดีแล้วผายมือให้อีกฝ่ายนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม
“เชิญครับ”
“ครับ”
อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับคำเชิญชวน
พอชายคนนั้นนั่งลงที่โซฟา พ่อบ้านจึงเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้คุยกันตามลำพัง
“ไม่นึกเลยนะครับว่าคุณ ‘ยานเกราะ’ จะมา คิดว่าคงยุ่งอยู่ซะอีก”
ดิสกล่าวด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อย อีกฝ่ายที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ผมไม่ปฏิเสธนัดของลูกมหาเศรษฐีแสนใจดี ที่รวยติดท็อป 1 ใน 3 ของประเทศหรอกครับ”
ดิสพยักหน้ารับคำกล่าว และใช่ คนที่เขานัดมาคือยานเกราะ พรานทมิฬผู้ที่เป็นนักจิตวิทยาการให้คำปรึกษา
ตั้งแต่เมื่อวานนี้ที่ดิสเห็นชื่อรวมถึงสังเขป เขาก็ได้ติดต่อยานเกราะไปนัดอีกฝ่ายมาคุยกับเขาที่บ้าน และบริจาคเงิน 100,000 บาทให้มูลนิธิเพื่อพรานทมิฬพิการจากการเข้าดันเจี้ยน ซึ่งเป็นของยานเกราะ โดยยังไม่ได้บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงไป
อย่าเพิ่งไปนึกถึงขั้นนั้นเลย แค่ตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายเขาก็เกร็งจะแย่แล้ว ถึงคุณยานเกราะจะดูอ้อนแอ้นบอบบาง แต่การวางตัวคำพูดคำจาดูเป็นผู้ใหญ่เอาซะมากๆ
อีกฝ่ายที่เห็นดิสเงียบไปนานเลยเข้าประเด็นทันที “ผมต้องขอบคุณดิสมากจริงๆ นะครับ ที่บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิ”
ดิสพยักหน้ายิ้มรับด้วยท่าทางเงอะงะ ยานเกราะจึงพูดต่อ “ว่าแต่วันนี้นัดผมมามีธุระอะไรรึเปล่าครับ? หรือว่าคุณอยากได้งานเลี้ยงฉลองสำหรับการบริจาคครั้งใหญ่”
ดิสส่ายหน้าพร้อมกับยกมือปัดไปมา “ไม่ใช่ครับ…”
เมื่อยานเกราะได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้ว “ถ้าอย่างงั้น วันนี้มีธุระอะไรเหรอครับ”
ดิสกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังอึก เขากังวลว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ เพราะมันค่อนข้างแปลกที่ดิสจะจ้างวานให้พรานทมิฬมาสอนเรื่องจิตวิทยาและปรับเปลี่ยนบุลคิกให้ตน ซึ่งปกติแล้วไม่มีใครทำกัน
เขามองอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ “คือผมหลับไปนานเกินไปน่ะครับ…”
อีกฝ่ายตั้งใจฟังทำให้ดิสเกร็งเล็กน้อย
“การพูดและการสื่อสารของผมมันเลยติดๆ ขัดๆ เหมือนชะงักและคิดช้าลง บุคลิกก็ค่อนข้างจะไม่น่าเชื่อถือ ดูไม่มั่นใจในตัวเอง”
ดิสว่าก่อนจะเว้นช่วงไปครู่นึง ยานเกราะที่เห็นแบบนั้นจึงใช้ช่องไฟนั้นกล่าวขึ้นมา
“ผมขอสรุปที่ผมเข้าใจนะครับ คุณกำลังรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาในสื่อสาร และดูไม่ค่อยหน้าเชื่อถือ ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ? ”
ดิสพยักหน้าเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ “ใช่ครับ”
เมื่อยานเกราะได้ยินแบบนั้นจึงกล่าวต่อ “คุณต้องการให้ช่วยอะไรครับ? ”
ดิสกลืนน้ำลายลงคอดังอึกเมื่อโดนยิ่งคำถามใส่ “เอ่อ… คุณช่วยสอนให้ผมกลายคนพูดเก่งและเป็นคนที่ดูน่าเชื่อถือมากกว่านี้ได้มั้ยครับ? ”
เมื่อยานเกราะได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้วสูง “เพราะอะไรพอจะบอกเหตุผลได้มั้ยครับ? ”
ดิสแสดงท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ เล็กน้อย “เอ่อ… ผมบอกไม่ได้จริงๆ ครับ แต่ถ้าคุณรับปากจะช่วย ผมยินดีจะจ่ายค่าจ้างตามที่คุณต้องการแน่นอนครับ”
เมื่อยานเกราะได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปครู่นึง “ก็ได้ครับ คุณไม่จำเป็นต้องเล่าก็ได้ ผมเคารพในการตัดสินใจของคุณ”
เมื่อดิสได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย “ก็ได้… หมายถึงตกลงใช่มั้ยครับ!? ”
ยานเกราะพยักหน้า นั่นทำดิสดีใจไม่น้อย มันรู้สึกโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอก
ยานเกราะที่ได้เห็นแบบนั้นจึงกล่าวต่อ “ผมขอออกตัวไว้ก่อนนะว่าผมไม่ค่อยถนัดเรื่องการสอนใคร แต่ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ ส่วนค่าจ้างขอเป็นเงินเท่าจำนวนโอนเข้ามูลนิธินะครับ”
เมื่อดิสได้ยินแบบนั้นก็รับคำทันที ‘ดูง่ายกว่าที่คิดแฮะ คุณยานเกราะเป็นคนดีมากขนาดค่าจ้างยังให้มูลนิธิเลย’
เมื่อไม่มีใครพูด ยานเกราะจึงกล่าวต่อ “งั้นผมขอสรุปนะครับ คุณต้องการจะให้ผมสอนเทคนิคการพูดคุย จากทฤษฎีทางจิตวิทยา และ ปรับบุคลิกภาพของคุณให้ดูน่าเชื่อถือ ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ? ”
ดิสพยักหน้า “ใช่ครับ”
เมื่อกล่าวจบทั้งคู่ก็ยื่นมือมาจับกันเป็นอันตกลง
“ผมจะพยายามสุดความสามารถและหวังว่าเทคนิคพวกนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อคุณนะครับ”
ดิสยิ้มให้อีกฝ่าย ‘เหลือแค่ ครูสอนการต่อสู้สินะ…’
To be continued →