ปล่อย

1415 Words
ปล่อย บนหอคอยสูงเสียดฟ้า เบื้องหน้าคือมุมมองลาสเวกัสที่ไม่เคยหลับใหล แสงไฟอำพันสาดส่องระยิบ ระยับราวเพชรน้ำงาม โลกในฝันที่ใครหลายคนพาตัวเองมาดื่มด่ำบรรยากาศแสนโรแมนติกยามค่ำคืน หากแต่ไม่ใช่ อลินดา สายลมแรงพัดมากระทบใบหน้า หอบน้ำตาที่รินไหลปลิวไปในอากาศ แววตาแดงช้ำมองไปยังทิวทัศน์ในมุมมองพาโนรามา ภาพตรงหน้าพร่าเลือน เธอไม่อาจกดเอาไว้ได้ ปมในใจที่ถูกกระตุ้นเตือน เกลียด ผิดหวัง เสียใจ โกรธ เจ็บใจ น้อยใจในโชคชะตา คืออารมณ์หลากหลายที่ประเดประดัง นึกเสียดายในสิ่งที่สูญเสีย หากรู้สักนิด เธอจะไม่มีวันขายตัวให้ผู้ชายที่ทำธุรกิจสีเทาเช่นภาณุภัทร เงินบาปที่เธอแลกมาด้วยการขายร่างกาย เธอเสียบ้านเพราะเงินบาป แล้วก็กำลังจะนำเงินบาปไปไถ่ถอน คือวงจรแสนสกปรกที่พาตัวเองมาเกลือก กลั้วแบบไม่ตั้งใจ ถือว่าเป็นประสบการณ์ราคาแพงที่ต้องแลกมาด้วยร่างกายและหยาดน้ำตา เจ็บอยู่ในใจเหมือนถูกบีบเคล้นจากมือมืดที่มองไม่เห็น 'ถ้าชีวิตมันบัดซบนัก ก็โดดลงไปสิ' ท่ามกลางสายลมหวีดหวิว คล้ายมีเสียงกระซิบเบาๆ อยู่ข้างหู เสียงที่กระตุ้นอยู่ในภาวะขาดสติ เธอขยับขาเข้าไปยืนชิดราวระเบียง มองไปเบื้องล่าง ไม่เห็นอะไรนอกจากแสงไฟหลากสี 'ถ้าตกลงไปแล้วจะเป็นยังไงนะ' เธอลองคิดเล่น ๆ ท่ามกลางในหัวที่เริ่มอื้ออึง สับสน เหมือนมีอะไรวิ่งวุ่น 'โดดลงไปเลย เธอจะได้หลุดพ้นจากโลกเน่า ๆ ใบนี้' เสียงนั้นเร่งเร้ามากขึ้น อลินดายืนหลับตานิ่ง แหงนหน้าสูดลมหายใจให้ลึก ห้วงอารมณ์ถูกนำพาด้วยเสียงปริศนาเย็นเยียบ 'นั่นแหละ อลินดา โลกใหม่ที่สวยงามรอเธออยู่ข้างหน้าแล้ว' เสียงที่นำพาไปสู่การหลุดพ้น ควบคุมจิตใจที่กำลังอ่อนแอให้ดำดิ่ง สองมือของเธอเกาะอยู่ที่ราวระเบียง ทำท่าจะปีนขึ้นไป "เธอคิดว่าจะได้อะไรจากการทำแบบนี้" หากแต่เสียงเข้มที่ดังมาจากข้างหลังก็ฉุดสองขาเธอเอาไว้ ดึงใจที่ดำดิ่งขึ้นมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง "ถึงกับต้องแลกด้วยความตายเลยเหรอ...อลินดา" หญิงสาวหมุนกายกลับไปมอง คนที่ทำให้เธอมาถึงจุดนี้เดินเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆ "ถ้าเธอโดดลงไป ในความสูงเช่นนี้ ยังไม่ทันที่ร่างของเธอจะกระแทกพื้น เธออาจตื่นกลัวจนลนลานตอนร่างลอยละลิ่ว เปลี่ยนใจก็ไม่ได้ เธอจะช็อกตายกลางอากาศ ไม่มีโอกาสได้แก้ตัว" "....." "เมื่อร่างเธอกระแทกพื้น หัวใจเธอจะหลุดจากขั้ว ร่างแหลกแหลว เลือดกระจายนองพื้น ตายจริงไม่มีใบชุบ หรือเธออาจไม่ตายทันที แต่เธอจะต้องนอนทรมานจากพิษบาดแผล นับถอยหลังรอลมหายใจสุดท้ายหมดลง เมื่อนั้นแหละ เธอจะคิดถึงช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอจะพยายามกระเสือกกระสนในเฮือกสุดท้ายเพื่ออยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่...มันก็สายไปเสียแล้ว" น้ำเสียงแสนเย็นเยียบแทรกเข้าไปถึงขั้วใจคนฟัง ภาณุภัทรขยับเข้าไปใกล้คนที่ยืนหันหลังพิงราวระเบียง มองเธอด้วยแววตาลึกล้ำยากสุดจะหยั่ง "น่าเสียดาย อายุเธอยังน้อย ยังสาว ยังสวย ใช้ชีวิตยังไม่ทันไรก็จะตายแล้วเหรอ" อลินดาข่มน้ำตาไม่ให้ไหล มองใบหน้าหล่อเหลาที่แสนราบเรียบ เอ่ยเสียงสั่น "คุณไม่เข้าใจลินหรอก เพราะคุณไม่เคยอยู่ในจุดที่ถูกบีบคั้นจนไม่มีทางไป" "....." "คุณคงคิดว่าลินเข้ามาในวงการนี้ ก็เพราะต้องการแค่เงินเอาไปใช้แบบสุขสบายใช่มั้ยคะ" "ถ้าเอาแบบไม่โกหก ก็มาทำเพราะต้องการความสบายกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ" เรียวปากสวยกระตุกยิ้ม คล้ายหยันให้กับตัวเอง "บ้านลินถูกยึดเพราะพ่อเอาไปจำนอง พ่อของลินติด การพนันจนหมดตัว เงินที่ถูกคนอย่างพวกคุณดูดไปเข้ากระเป๋าจนร่ำรวยไงคะ" น้ำเสียงนั้นให้อารมณ์เจ็บปวด อัดอั้น คับแค้นใจ ภาณุภัทรชะงักนิ่งไปชั่วครู่ เขาพอจะเข้าใจแล้ว ทำไมเธอถึงขาดสติกล้าเอาไวน์สาดใส่หน้าเขา ซึ่งไม่เคยมีใครกล้า ถ้าไม่บ้าระห่ำก็เสียสติ เธอสบตาเขาอย่างไม่ครั้นคร้าม มองเขาเปลี่ยนไป ในขณะที่ภาณุภัทรไล่มองไปทั่วดวงหน้าสวย ซึ่งก็ไม่รู้ทำไม ทำไมเขาถึงปล่อยให้เธอลอยนวล ไม่คิดจะทำร้ายจนเลือดตกยางออก เป็นคนแรกที่คิดลองดีแล้วไม่เจ็บตัว "ฉันเสียใจด้วยเรื่องบ้าน แต่...เธอควรเข้าใจโลกนี้เสียใหม่ ฉันทำอะไรคนเหล่านั้นไม่ได้ ถ้าพวกเขาไม่เปิดกระเป๋าเดินเข้าคาสิโน" "ใช่ค่ะ พ่อลินโลภเอง โทษใครไม่ได้ ไม่ได้มีใครลากขาไปเข้าบ่อน แต่พ่อลินเอาเงินไปให้พวกเขาเอง" เสียงนั้นให้อารมณ์ประชดประชัน แววตาสื่อถึงความอึดอัดคับแค้นใจ ตีสีหน้าปั้นปึงใส่ เขามองเธอด้วยแววตาลึกล้ำ จ้องใบหน้าสวยที่เปื้อนคราบหยาดน้ำตา "เท่าไหร่" เธอตวัดมอง นิ่งเงียบเพราะไม่รู้เขาหมายถึงอะไร "ฉันถามว่าเท่าไหร่ เงินที่เธอต้องการไปไถ่บ้าน" "จะเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ" เธอสบตากับแววตาเข้มที่ยากจะคาดเดา ท่ามกลางสายลมที่โอบกอดจนรู้สึกหนาว เขาก็เอ่ยในสิ่งที่คาดไม่ถึง "หนึ่งล้านพอไหม" "คุณคีย์...คุณพูดอะไรของคุณ" "ฉันคิดว่าฉันพูดชัดเจนแล้วนะลิน" "....." "หรือเธออยากได้บ้านใหม่" "ลินไม่ได้อยากได้อะไรทั้งนั้น บอกแล้วไงคะ แค่ต้องการเงินไปไถ่บ้านเท่านั้น" หญิงสาวรีบปฏิเสธ ข้อเสนอของเขามักจะแลกด้วยบางอย่างเสมอ แล้วเธอก็เสียศักดิ์ศรีมากพอแล้ว "ฉันจะให้คนที่เมืองไทยจัดการเรื่องบ้านให้เธอก็แล้วกัน อยากได้หลังไหนก็เลือกเอา อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวจะมีคนไปหาเธอถึงบ้าน" "คุณจะรู้ที่อยู่ลินได้ยังไงคะ" เขาเผยยิ้มร้ายกาจ มองใบหน้าที่ทำปั้นปึงด้วยแววตาซ่อนเล่ห์ "เธอคุยอยู่กับใคร...หืม...อลินดา" แทนที่เธอจะดีใจที่เขาเปย์ให้ไม่อั้น แต่กลับรู้สึกโกรธ ที่เขาคิดจะเอาเงินฟาดหัวเธอ "คุณต้องการอะไรจากการทำแบบนี้ คิดว่าลินเห็นแก่เงินขนาดนั้นเลยเหรอคะ" "ต้องการตัวเธอ" เขาตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม เรียกแววตาแสนจะเด็ดเดี่ยวให้จับจ้อง "คุณซื้อลินได้แค่ครั้งนี้เท่านั้น มันจะไม่มีครั้งต่อไป...คุณคีย์!" เธอยืนเชิดหน้า เย่อหยิ่ง เขามองคนที่ทำอวดดี อุ้งมือแกร่งยื่นไปบีบปลายคางเรียว บังคับให้หันมาสบตา "เธอเป็นของฉันคนเดียวลิน ต่อให้มีปีกบินไปได้ทั่วโลก เธอก็หนีฉันไม่พ้น!" "แต่ลินไม่ต้องการคุณ ไม่ต้องการเงินของคุณ ลินได้มาพอแล้วค่ะ แล้วก็ไม่ขออยู่ในวังวนนี้อีก!" "จะจองหองไปถึงไหน" "เราควรจบกันแค่นี้ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน!" หญิงสาวสะบัดหน้าออกจากอุ้งมือแกร่ง ผลักอกเขาให้พ้นทาง วิ่งหนีไปอย่างไม่ใยดี ภาณุภัทรหันหลังกลับไปมองคนที่ทำตัวเย่อหยิ่งใส่เขา ความปรารถนาอย่างแรงกล้าลุกโชนอยู่ในแววตาที่ไม่เคยศิโรราบให้ใคร รู้สึกสู้ชีวิตดี เขาชอบความอวดดีนั้น กระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าให้ทำงาน อินทัชเดินเข้ามาใกล้ มองไปยังทิศทางเดียวกับเจ้านาย รู้ในความปรารถนานั้น หลายสิ่งหลายอย่างบอกเขาโดยที่นายไม่ต้องเอ่ยปาก "คุณจะทำยังไงกับเธอต่อ" "ปล่อยไปก่อน" ภาณุภัทรเดินเลี่ยงมาจากตรงนั้น อินทัชมองตามแผ่นหลังกว้างแล้วลอบยิ้ม คำว่า 'ปล่อยไปก่อน' มันมีความหมายมากกว่านั้น ถ้าหากนายของเขาใช้คำนี้กับใคร คน ๆ นั้นจะไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุขอีกแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD