บทที่ 1 พบเจอ
เอี๊ยด!!!
กรี๊ด!!!!
เสียงล้อครูดกับถนนพร้อมกับเสียงร่างบางของ'มาริสา'กรีดร้องอย่างตกใจ เมื่อรถที่เธอวิ่งตัดหน้าเบรกในระยะกระชั้นชิด ชนิดที่ว่าห่างกันแค่ไม้บันทัดกั้น ก็จะถึงตัวเธอ
มาริสาตัวสั่นงันงก คิดว่าตัวเองจะไม่รอดเสียแล้ว เธอมองเห็นเจ้าแมวน้อยตัวนั้น กำลังจะเดินข้ามถนนจึงเสี่ยงชีวิต วิ่งเข้ามาช่วยมัน แต่ไม่คิดว่าจะมีโซเฟอร์ตีนผี ขับรถมาเร็วขนาดนี้ แถมตอนนี้ยังเปิดรถลงมาตะคอกเสียงดังใส่เธอ
"อยากตายหรือไง ทำไมทำอย่างนี้" ชายหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วน ใส่เสื้อหนังเหมือนนักแข่งรถ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเจ้าสร้าง ก้าวลงจากรถสปอร์ตคันงามและเดินตรงมาที่สาวน้อยทันที
"ขอโทษค่ะ" สายตาเย็นเฉียบที่ส่งมา ทำให้มาริสาก้มหน้าหลบโดยอัตโนมัติ ผู้ชายอะไรน่ากลัวชะมัด แค่ยืนเฉยๆยังน่ากลัวขนาดนี้ เธอคิดในใจ พลางอุ้มเจ้าลูกแมวไว้ในอ้อมอก ตัวของมันก็กำลังสั่นเหมือนกันกับเธอ
"โอ๋ๆไม่เป็นไรนะ เรารอดแล้ว" มาริสาปลอบเจ้าแมวน้อย ก่อนจะแหงนหน้าไปบอกเขาว่า
" ขอโทษอีกครั้งค่ะ พอดีฉันเห็นแมวกำลังจะถูกรถชน เลยเข้ามาช่วยมัน" เธอเอ่ยคำขอโทษพร้อม แหงนหน้าขึ้นมองชายหนุ่มคนนั้นให้เต็มตา แต่ทว่าอีกฝ่ายยืนอึ้งอยู่กับที่ เมื่อมองเห็นใบหน้าหวานในระยะกระชั้นชิดอย่างนี้
'เอลิเซีย' ผู้ชายคนนั้นเอ่ยชื่อนี้ออกมา และยืนจ้องหน้าเธออย่างตกตะลึง
"คุณว่ายังไงนะคะ" มาริสาเอ่ยถามอย่างแปลกใจ และคำถามของเธอมันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัว
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เอลิเซีย เอลิเซียตายไปนานแล้ว และไม่มีวันกลับมา พอคิดได้อย่างนี้ ชายหนุ่มหันหลังหนีทันที แต่ยังไม่วายบอกเธอว่า
"ทีหลังจะข้ามถนน ก็ระวังหน่อยแล้วกัน" เขาบอกเธอแค่นั้น ก่อนที่ขายาวๆจะก้าวขึ้นรถ และขับออกจากบริเวณนั้นไปทันที
ทำให้สาวน้อยที่กำลังอุ้มแมวน้อยอยู่ตรงนั้น มองตามรถสปอร์ตคันหรูอย่างแปลกใจ ก่อนที่จะมองเห็นเพื่อนรัก ออกมายืนกวักมือเรียกอยู่หน้าสำนักงาน
"มาริสา มาทางนี้" พลอยใส เพื่อนสาวคนสนิทเรียกให้หล่อนเดินเข้าไปด้านใน มาริสาจึงอุ้มแมวน้อยเข้าไปด้วย พลอยใสเห็นอย่างนั้นถึงกับตกใจจนตาถลนเลยทีเดียว
"เอาแมวมาทำไม เขาไม่ให้เอาสัตว์เลี้ยงเข้ามา ไม่เห็นป้ายหรือไง" พลอยใสบอกกับเธอพร้อมชี้ให้ดูป้ายระเบียบการเข้าสำนักงาน มาริสาแหงนมองตามที่เพื่อนบอก ก่อนจะพูดเสียงอ่อยว่า
"เราเห็นมันจะถูกรถชนน่ะเลยช่วยเอาไว้ "
"ถ้าผู้จัดการมาเห็นโดนดุแน่นอน เอาไปปล่อยเถอะ" พลอยใสบอกมาริสาให้เอาแมวไปปล่อย เพราะข้างๆสนามแข่งมันเป็นป่ารกร้าง จึงมีหมาแมวจรจัดมาอาศัยอยู่เยอะพอสมควร แต่ทว่าวันนี้มาริสามาที่นี่เพื่อสมัครเป็นพริตตี้ เพราะพี่ใบเตยมาทำงานที่นีพอดี พลอยใสจึงนัดให้เพื่อนมาที่สนามแข่งหลังเลิกเรียน
"แต่ตัวนี้มันน่ารักนะ เราอยากเอากลับไปเลี้ยงที่บ้าน" มาริสามองเจ้าลูกแมวสีหม่นอย่างสงสาร เธอรู้สึกถูกชะตากับมันเป็นพิเศษ สีของมันหม่นหมองเหมือนชีวิตของเธอตอนนี้ไม่มีผิด เพราะอย่างนี้เธอถึงอยากจะเก็บมันไปดูแล
"ถ้าอย่างนั้นเอาไปฝากพี่ยามไว้ก่อนก็ได้ มีป้อมยามอยู่ตรงทางเข้าเห็นไหม สมัครงานเสร็จ แล้วค่อยเอามันกลับไป" พลอยใสแนะนำเพื่อนพร้อมกับส่ายหัว
มาริสาอุ้มเจ้าแมวน้อยที่อยากจะนำไปเลี้ยง ฝากไว้ที่ป้อมยาม ก่อนจะกลับมาหาพลอยใส แต่ทว่าชุดนักศึกษาที่เพื่อนบอกว่าแต่งตัวให้สวยที่สุด แต่งให้รัดรูปโชว์สัดส่วน กลับเต็มไปด้วยขนแมว
"ปัดขนแมวออกด้วย เดี๋ยวพี่เตยดุ" พลอยใสช่วยเพื่อนปัดขนแมวออกจากตัว มาสมัครงานเป็นพริตตี้ เสื้อผ้าหน้าผมมันต้องเป๊ะ จะใส่ชุดติดขนแมวเข้าไปหาผู้จัดการได้ยังไง
"เรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะ " หลังปัดขนแมวออกจากตัวมาริสาเรียบร้อย พลอยใสก็พาเพื่อนไปหาผู้จัดการที่ห้องพักพริตตี้ เพราะวันนี้พี่ใบเตยมาดูแลเด็กๆด้วยตัวเอง และแน่นอน ด้วยหน้าตาและรูปร่างของมาริสา ผู้จัดการบอกทันทีว่า
"พร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่"
"พรุ่งนี้เลยก็ได้ค่ะ" พี่ใบเตยถึงกับมองหน้า อะไรจะไฟแรงขนาดนั้น ยังไม่ได้ฝึกฝนอะไรกันเลย นี่ให้ข้ามขั้นตอนแคสเพราะเห็นว่าหน้าตาดี แต่ถ้าไม่ฝึก แล้วจะทำงานได้ยังไง
"หนูจะสอนเพื่อนเองค่ะ มาริสาหัวไว ฝึกแป๊บเดียวก็เป็น" พลอยใสอาสาช่วยเพื่อน
"คือริสาร้อนเงินค่ะ คุณแม่ของริสาไม่สบาย ตอนนี้นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล" มาริสาบอกผู้จัดการไปตามความจริง เรื่องที่แม่เธอป่วยและรอการรักษาอยู่ตอนนี้
"โอเค ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้มาทำงานได้เลย แต่ทุกอย่างต้องตามสเต็ป ให้พลอยใสสอนงานให้ เราพึ่งเข้ามาใหม่ มันต้องเป็นไปตามขั้นตอน"
หมายถึงว่ามันจะไม่ได้เงินเยอะแยะในทีเดียว เหมือนอย่างที่พลอยใสเคยบอกเอาไว้ เพราะทุกคนที่ได้ขนาดนั้น คือเขาทำงานมานานแล้ว แต่มาริสาพึ่งจะเข้ามาทำงาน
" ค่ะ " เธอก้มหน้ารับคำเศร้าๆ ไม่รู้ว่าอาการป่วยของแม่ จะรอตามสเต็ปได้หรือเปล่า แต่ถึงยังไงก็ดีกว่าไม่มีงานทำ
"แล้วที่มหาวิทยาลัยล่ะ" ใบเตยถามถึงการเรียนของมาริสา
"ริสาดรอปไว้ก่อนค่ะ ตอนนี้คุณแม่ไม่สบาย ริสาเลยดรอปเอาไว้ พอคุณแม่หายดีแล้ว เดี๋ยวค่อยกลับไปเรียน"
" อืม ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้มาเริ่มงานได้เลย" ผู้จัดการบอกกับเธอ มาริสาจึงร่ำลาเพื่อนและเดินออกไปรับเจ้าสีหม่น ขึ้นรถเมล์กลับบ้านทันที
เวลาต่อมา มาริสาอุ้มเจ้าสีหม่นเดินเข้าบ้านหลังเก่าอย่างเศร้าสร้อย บ้านน้อยหลังนี้ที่เธอเคยอยู่กับแม่อย่างมีความสุข ตรงมุมนั้นมาริสาเคยนอนหนุนตักแม่ทุกวัน ที่ตรงนั้นที่เธอเคยนั่งดูทีวีด้วยกันทุกวัน
แต่วันนี้ทั้งบ้านเหลือแต่ความว่างเปล่า เพราะศรีประพาป่วยหนัก ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ข้าวของในบ้านถูกขายออกไปทีละชิ้น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษา และค่าเล่าเรียนของเธอ แม้กระทั่งรถยนต์คันเก่าและเครื่องอบขนมปังขนาดใหญ่ ที่เคยใช้ทำมาหากิน มันก็ถูกขายออกไปจนหมดเกลี้ยง
"อยู่นี่นะเจ้าสีหม่น อย่าซนล่ะ อยู่กับฉันลำบากหน่อยนะ แต่เราจะผ่านมันไปด้วยกัน"
เธอวางเจ้าสีหม่นลงในเบาะอันเก่าภายในมุมหนึ่งของห้อง ก่อนจะนำอาหารเม็ดที่ซื้อติดมือมาด้วย ใส่ถ้วยเล็กๆให้มันกิน ชีวิตของมาริสาก็เหมือนเจ้าสีหม่นนี่หละ เกือบตายแต่ก็ไม่ตาย เพราะฉะนั้นเธอจะต้องอยู่และสู้ต่อไป
"ถ้าหากเรายังไม่ตาย เราก็ต้องสู้ให้ได้ใช่ไหม" เธอคุยกับแมวน้อย ที่เป็นสหายตัวเดียวในเวลานี้ และนั่งป้อนนมมัน จนกระทั่งเข้านอน
เช้าวันต่อมา
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มาริสาเดินทางไปเยี่ยมแม่ วันนี้อาการของศรีประพาไม่ดีขึ้นเลย ดูเหมือนว่าเนื้องอกมันจะมีขนาดโตจนทับเส้นประสาทในสมองของเธอ
การที่เนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้นนี้ มันทำให้ศรีประพาเริ่มขยับแขนขวาไม่ได้ หรือที่เรียกว่าเป็นอัมพาตครึ่งซีก เธอเป็นเนื้องอกในสมอง แต่ยังไม่มีเงินมาผ่าตัด
"ริสาจะหาเงินมารักษาแม่นะคะ"
"หาเงินจากไหนลูก หนูอายุพึ่งจะยี่สิบปีเอง" ศรีประพามองหน้าลูกด้วยความสงสาร อันที่จริงถ้าหากเธอไม่ล้มป่วย มาริสาคงไม่ลำบากขนาดนี้ เพราะกิจการทำขนมปังกำลังไปได้สวยเลยทีเดียว
"ริสาไปสมัครงานแล้วค่ะ งานพริตตี้ที่สนามแข่ง" เธอบอกกับศรีประพา คนเป็นแม่น้ำตาคลอ ตั้งแต่ล้มป่วยร้านเบเกอรี่ต้องปิดไป ลูกสาวคนเดียวเลยต้องลำบากออกไปหางานทำ ข้าวของในบ้านก็ต้องถูกขาย เพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาล แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังเป็นห่วงเรื่องการเรียน
"แล้วเรื่องเรียนล่ะลูก หนูจะไหวเหรอ ทั้งเรียน ทั้งทำงาน"
มาริสาหลบสายตาคนเป็นแม่ เธอไม่กล้าบอกว่าดรอปเรียนเอาไว้แล้ว กลัวศรีประพารู้แล้ว แล้วอาการมันจะทรุดลงกว่าเดิม แต่จะไม่ดรอปได้ยังไง ในเมื่อไม่มีงินจ่ายค่าเทอม
"ริสาไปทำงาน แค่เสาร์อาทิตย์ หรือไม่ก็หลังเลิกเรียนเท่านั้นค่ะ" เธอบอคุณแม่พลางหลบสายตา
"งั้นเหรอลูก ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลตัวเองนะ" ศรีประพาบอกกับลูกสาวพร้อมหลับตาลง อาการปวดหัวมันกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เธอต้องนอนโรงพยาบาลและได้รับยาแก้ปวดอย่างแรง
"เรียกหมอไหมคะแม่"
"ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็ดีขึ้น" เธอบอกกับลูกสาวพร้อมกับหลับตาลง
"ถ้าอย่างนั้น ริสาไปทำงานก่อนนะคะ" มาริสาบอกกับมารดา พลางขยับเก้าอี้ทำท่าจะลุกออกไป
"ดูแลตัวเองนะลูก" คนเป็นแม่บอกเธออีกครั้ง ก่อนจะข่มตาลง เพราะอาการปวดหัวมันกำเริบขึ้นมาเรื่อยๆ
"ค่ะริสาจะดูแลตัวเอง ริสาจะตั้งใจทำงาน หาเงินมารักษาแม่ค่ะ"
คำพูดของมาริสา ทำให้คนเป็นแม่น้ำตาไหลริน ทำไมชีวิตของพวกเธอ มันถึงได้โชคร้ายขนาดนี้
++++++++++
เปิดมาบทแรกก็รันทดเลย แต่สาบานได้ค่ะ ว่ามันคือนิยาย อีโรติกจริงๆ💦