หลังจากนั้นไม่กี่วันครอบครัวบริภัทชก็ต้องเปิดบ้านหลังงามเพื่อต้อนรับเพื่อนบ้านที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ใหม่โดยมีคุณเปรมและคุณกานดา นักธุรกิจผ้าทอที่ผันตัวเองมาเป็นชาวไร่พร้อมกับทรงวิทย์ลูกชาย ของทั้งคู่ที่มีอายุอารามพอๆ กับอธิปจึงทำให้เด็กทั้งสองสนิทสนมกันแทบจะทันทีที่ได้พบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปิ่มมณีที่ต้องตาต้องใจชายหนุ่มรุ่นพี่สุดหล่อตรงหน้าคนนี้ทันทีที่พบเห็นเลยก็ว่าได้
“หนูชื่อปิ่นมณีนะคะพี่วิทย์ เป็นน้องสาวของพี่ปราณค่ะ” เด็กสาวแนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มสดใส หากแต่สายตาของอีกคนนั้นกลับไม่ได้สนใจมองมาที่เธอเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เวลานี้ทรงวิทย์กำลังตกอยู่ในภวังค์เมื่อสายตาเจ้ากรรมเผลอเหลือบไปเห็นร่างบอบบางของเด็กสาวอีกคนที่กำลังเดินตามหญิงชราผ่านบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่เข้าซะก่อน ใบหน้าอ่อนหวานที่แม้จะมีหมวกผ้าสีเขียวขี้เป็ดใบเก่าคลุมใบหน้าอยู่แต่นั่นมันก็ไม่อาจปกปิดความน่ารักน่ามองของอีกฝ่ายไปได้เลยแม้แต่น้อยนิด เธอน่ารักมากและเขาอยากจะรู้จักเธอ
“เด็กคนนั้น…ใครกันเหรอครับคุณน้าชิดชบา” ชายหนุ่มไม่คิดที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้อีกต่อไป เขาเอ่ยถามพร้อมกับชี้นิ้วไปยังเด็กสาวปริศนาที่ตอนนี้เดินหายไปไกลลับสายตาด้วยความรู้สึกเสียดาย
“อ้อ นั่นวาสิตาจ๊ะ เป็นลูกสาวคนงานของที่นี่เอง ว่าแต่เราถามทำไมเหรอจ๊ะพ่อวิทย์”คุณชิดชบาตอบพร้อมรอยยิ้มเหมือนจะรู้ทันกัน
“เปล่าหรอกครับคุณน้า เธอ…น่ารักดีนะครับ” คำตอบที่เขามอบให้ชิดชบาทำเอาผู้ใหญ่หลายๆ คนถึงกลับลอบยิ้มให้ความชัดเจนต่อความรู้สึกของชายหนุ่มที่ทำตัวสมชายชาตรี จะมีก็แค่สองพี่น้องอย่างอธิปและปิ่นมณีที่กำลังรู้สึกไม่พอใจต่ออะไรบางอย่างร่วมกัน
วาสิตายกมือขึ้นปาดเหงื่อให้พ้นใบหน้าของตัวเองเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากงานที่ทำอยู่ชั่วคราวและเดินหลบมานั่งพักเหนื่อยที่ร่มไม้ต้นใหญ่ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติกลางไร้ทานตะวันสีเหลืองสด เด็กสาวจ้องมองพื้นที่นับพันๆ ไร่อย่างเพลิดเพลินตาก่อนจะสะดุ้งน้อยๆ เมื่อขวดน้ำเปล่าขวดเล็กถูกแนบเข้าที่แก้มด้านซ้ายของเธอเข้าอย่างจัง
“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานดังขึ้นก่อนดวงตากลมโตคู่สวยสีน้ำตาลอ่อนจะเงยหน้าขึ้นคนที่กำลังแกล้งกัน ก่อนจะพบว่าเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เธอไม่เคยพบมาก่อนที่กำลังส่งยิ้มอบอุ่นมีเสน่ห์มาให้กันอยู่
“ดูแล้วน้องน่าจะเหนื่อยเอาการเลยนะครับเนี่ย เอานี่ไปสิครับ พี่ให้” ทรงวิทย์เป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นพร้อมยื่นขวดน้ำในมือส่งให้ ความพึงพอใจที่เขาเคยมีก่อนหน้าบัดนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยามเมื่อใบหน้าอ่อนหวานปราศจากหมวกผ้าที่เคยคลุมครอบใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของอีกฝ่ายเอาไว้ เธอดูสวยน่ารักจนเขาไม่อยากจะละสายตาไปไหนไกล
“คุณเป็นใครเหรอคะ” วาสิตาตัดสินใจเอ่ยถามคนแปลกหน้าเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีกเลยสักคำ นอกเสียจากจ้องมองหน้ากันพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ ที่เธอเองก็บอกไม่ถูกว่ามันแปลกยังไง
“ขอโทษทีครับพี่ลืมแนะนำตัวเองไป พี่ชื่อทรงวิทย์นะครับ พอดีว่าครอบครัวของพี่เราเพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่ไร่ข้างๆ นี้เอง ต่อไปเราคงได้พบกันบ่อยๆ” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองอย่างสุภาพก่อนที่หัวใจของเขาจะเบิกบานเมื่อได้รอยยิ้มสดใสเหมือนเช่นดอกทานตะวันตอบกลับมา คนอะไรไม่ว่าจะยิ้มหรือตกใจก็ดูน่ารักน่ามองไปเสียหมดเลย
“สวัสดีค่ะคุณวิทย์” เมื่อรู้ว่าเขาคือเพื่อนบ้านคนใหม่วิสาตาจึงยิ้มตอบกลับไปให้อย่างเป็นมิตร รอยยิ้มที่ตราตรึงใจอีกคนเมื่อเห็น
“เรียกพี่ว่าพี่วิทย์เฉยๆ เถอะนะครับ น้องตาใช่ไหมครับ พอดีพี่รู้ชื่อของเรามาจากคุณน้าชิดชบาท่าน” ชายหนุ่มพูดจาน่าฟังและดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัยอะไร ทำให้วาสิตาเริ่มละความกลัวที่จะพูดคุยกับเขาไปอยู่มาก นี่นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่หญิงสาวยอมพูดคุยกับคนแปลกหน้าได้นานมากถึงขนาดนี้ เพราะปกติแล้วเธอจะไม่ค่อยกล้สพูดคุยกับใครสักเท่าไหร่นอกจากแม่และคุณหญิงชิดชบา
“ได้ค่ะพี่วิทย์” เด็กสาวตอบไปตามความต้องการของชายหนุ่ม
“ที่นี่อากาศดีจังเลยนะครับ แล้วนี่น้องตาอยู่ที่นี่นานรึยังครับ”
“ตาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดเลยค่ะ อีกอย่างอากาศของที่นี่เป็นแบบนี้ตลอดทั้งปีเลย อยู่ไปอีกหน่อยพี่วิทย์จะชอบค่ะ” หญิงสาวบอกไปตามความจริงที่ว่าตั้งแต่จำความได้เธอกับแม่ก็อยู่ที่ไร่ทานตะวันแห่งนี้มาโดยตลอดไม่เคยไปไหน ด้วยความมีน้ำใจของคุณท่านทั้งสองเธอจึงได้เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดังของจังหวัดเหมือนกับปิ่นมณีและอธิป แต่ช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนอยู่ เธอจึงเข้ามาช่วยงานในไร่เหมือนกับคนอื่นๆ แม้ว่าคุณชิดชบาท่านจะเคยสั่งห้ามแล้วก็ตาม
“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับน้องตา ตอนนี้พี่ต้องไปแล้ว เอาไว้พี่จะแวะมาหาบ่อยๆ”ทรงวิทย์เอ่ยขึ้นพร้อมบอกลาเด็กสาวเหมือนหูแว่วได้ยินเสียงร้องเรียกของมารดาที่อยู่ไม่ไกลกันสักเท่าไหร่
วาสิตาจ้องมองจนชายหนุ่มรุ่นพี่ที่อายุห่างกันไม่กี่ปีที่เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะกลับเข้าไปทำงานต่อในไร่แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวไปไหนเธอจำต้องหยุดชะงักลงไปเพราะเบื้องหน้าในตอนนี้นั้นมีร่างสูงใหญ่เกินวัยของใครบางคนยืนดักอยู่
“ไง! แอบอู้จากงานในไร่มายืนพลอดรักกับกับไอ้หน้าอ่อนนั่นพอใจแล้วรึยัง!” อธิปเอ่ยถามเสียงแข็งก่อนจะก้าวเดินเข้าไปใกล้ทำให้เท้าเล็กๆ ของหญิงสาวถอยร่นหนีเขาอัตโนมัตเมื่อสัมผัสได้ถึงความอันตรายที่กำลังคลืนคลานเข้ามาหาเธออย่างเชื่องช้าพร้อมเอ่ยตอบ…
“วาเปล่านะคะ วากับพี่วิทย์เราแค่ทักทายกันเฉยๆ ค่ะ”
“พี่วิทย์! แหม่! เจอกันแค่ไม่กี่นาทีเรียกมันว่าพี่ได้เต็มปาก ถ้านานมากกว่านี้คงไม่นัดพากันไปต่อถึงไหนต่อไหนรึไง!” เสียงที่ตวาดถามทำเอาเด็กสาวน้ำตาไหลพราก เธอกลัวเขาเสียยิ่งกว่าใคร กลัวทุกๆ สิ่งที่เขาพูดและทำต่อกันมาตลอด เขาใจร้ายกว่าน้องสาวของเขาเสียอีก ปิ่นมณีที่ว่าใจร้ายแล้วยังเทียบไม่ได้เลยกับอธิปที่ใจร้ายกว่า
“จะร้องไห้ทำไมนักหนาวะ!! ฉันมันน่ากลัวนักรึไง!” อธิปตวาดซ้ำพร้อมกระชากร่างที่กำลังร้องไห้เข้าหาตัวอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่เขากำลังหงุดหงิดจนแทบบ้าที่เห็นเธอทำตัวสนิทสนมกับคนอื่นต่อหน้ากัน แต่ทีกับเขาพอได้เจอหน้ากันทีไรก็ทำท่าทีหวาดกลัวกันให้เห็นทุกที
ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นยักษ์เป็นมารไปได้!