ไร่แสงจันทร์
ฉันได้เจอกับคนที่ฉันอยากเจอมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ฉันเขาไปในเฟสบุคของพี่ณะเพื่อดูว่าคนที่ชื่อสินเป็นใครมีหน้าตายังไง รูปที่พี่ณะลงในเฟสแทบจะเป็นรูปคู่กับผู้ชายคนนี้เกือบทุกรูป พี่ณะรักเพื่อนคนนี้มากและก็คงไว้ใจมาก ถึงได้ไม่มีความระแวงไดๆแต่ทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับพี่ณะได้
“คุณมนได้มาประจำการที่นี่ 2 ปีครับ น้าแสง”
คุณกฤษชัยแนะนำตัวฉันให้เจ้าของไร่แสงจันทร์ฟัง เขาเรียกว่าน้าแสงเพราะคุณกฤษชัยเป็นลูกชายของพี่สาวของเจ้าของไร่แสงจันทร์นี้
“หรอจ่ะ...ที่นี่บรรยากาศดี หนูมนมาอยู่ที่นี่น่าจะชอบ...”
“ค่ะ อากาศที่นี่เย็นๆเหมือนที่เมืองนอกเลย ไม่ร้อนกำลังดีค่ะ...”
“ใช่จ่ะ ยิ่งถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวยิ่งเย็นสบาย คนงานในไร่ของน้าใส่เสื้อกันหนาวกันเหมือนอยู่เมืองนอกเลยละ...”
“สงสัยมนจะต้องมาบ่อยๆแล้วละคะ ถ้าที่นี่อากาศดีแบบนี้...”
ฉันยิ้มแล้วก็หันไปเหล่ตามองคนที่นั่งเงียบไม่พูดอะไรอยู่ข้างๆคุณแสงจันทร์
“ได้เลยจ่ะ อยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลยไร่แสงจันทร์ยินดีต้อนรับจ่ะ...”
“จริงหรอค่ะคุณแสง...?”
“จริงสิจ่ะ...เรียกว่าน้าก็ได้นะไม่ต้องเรียกคุณหรอกคราวหน้ามาจะได้ชิน...”
“ขอบคุณนะคะน้าแสง...แต่ว่า...”
“แต่อะไรจ่ะ...?” ฉันเหล่ตาไปมองเขาอีกรอบ
“น้าแสงยินดีต้อนรับ แล้วคุณสินสมุทรละคะยินดีต้อนรับมนด้วยหรือเปล่า...?”
ฉันพูดกระแซ๊ะเขาเขาหันมามองหน้าฉันนิ่งๆ
“แม่ผมเป็นเจ้าของไร่ครับ ไม่ใช่ผม...”
เขาพูดหน้าตานิ่งๆจนฉันรู้สึกหมั่นไส้ ในความขี้เก๊กของเขา
“งั้นมนจะมาทุกวันเลยนะคะ...?”
“เชิญครับ...”
เขาพูดจบก็นั่งทานข้าวโดยไม่พูดอะไรต่อ คนบ้าอะไรหยิ่งชะมัดแล้วยังถามคำตอบคำอีก
“อย่าถือสาไอ้สินเลยนะครับ มันก็เป็นแบบนี้แหละ”
ฉันทานอาหารเสร็จก็เดินออกมากับคุณกฤษชัย 2 คน เขาพาฉันเดินชมไปรอบๆไร่
“ปกติคุณสินเขาเป็นคนเงียบๆแบบนี้หรอคะ...?”
“เมื่อก่อนไอ้สินมันเป็นคนสนุกสนานร่าเริงนะครับ แต่อยู่ๆมันก็เปลี่ยนไปตั้งแต่มันกลับมาจากกรุงเทพฯเมื่อปีที่แล้ว...”
“เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรอคะ...?”
“มันโดนผู้หญิงทิ้งมานะครับ แล้วตอนที่มันกลับมามันก็พาลูกสาวกลับมาด้วยคนหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าแม่ของเด็กเป็นใคร...”
ฉันเดินไปกับคุณกฤษชัยและคิดตามถึงเรื่องที่พี่ณะเคยเขียนไว้ในจดหมาย
“เด็กผู้หญิงคนนั่นอายุเท่าไหร่แล้วคะ...?”
“สายใจอายุได้ขวบครึ่งแล้วครับ...น่ารักมากกกก กำลังหัดเดินหัดพูดเลย น้าแสงรักสายใจมากๆแล้วก็หวงสุดๆด้วยนะครับ...”
เด็กคนนี้คงจะเป็นลูกของพี่อ้อมสินะ แม่ของเขาคงไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองไปมีอะไรกับเมียเพื่อนจนเพื่อนต้องฆ่าตัวตายแต่แปลกจังแล้วพี่อ้อมหายไปไหนนะ
“คุณมนรอผมตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อน...”
“ได้ค่ะ...”
คุณกฤษชัยพาฉันมาเดินดูสวนกล้วยไม้ แต่เขาขอตัวไปเข้าห้องน้ำฉันจึงเดินเล่นไปเรื่อยๆในสวน
“อุ๊ย...!”
ฉันกำลังก้มดูกล้วยไม้ไปเรื่อยๆโดยไม่ได้ดูทางไปชนเข้ากับอกของใครไม่รู้ เงยหน้าขึ้นมาถึงกับตกใจ
“คุณสิน...”
เขาจ้องหน้าฉันนิ่งโดยไม่พูดอะไร เขาถอยหลังห่างจากฉัน 1 ก้าวแล้วก็เดินหลีกไปอีกทาง
“เดี๋ยวสิคะ...”
ฉันหันไปเรียกเขา เขาจึงหยุดแต่ก็ไม่ได้หันมามองฉัน
“เอ่อ...คุณสินพอจะมีเวลาว่างพามนเดินชมรอบๆไร่หน่อยได้ไหมคะ...?”
“ไม่ว่างครับ...ผมขอตัว”
“แค่แป๊ปเดียวเองก็ไม่ได้หรอคะ.?”
“....” เขายืนนิ่งไม่หันมา แต่ก็เลือกที่จะก้าวขาเดินออกไป
“แค่ 20 นาทีก็ได้ นะคะ...?”
“จะ 10 นาที หรือ 20 นาทีผมก็ไม่ว่างครับ คุณไปให้พี่กฤษพาคุณไปนู้น ผมไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น...”
เขาพูดจบก็เดินไปเลยฉันรู้สึกโมโหมากจึงวิ่งไปดักหน้าเขา
“เคยมีคนบอกคุณไหมคะว่าเวลาคุยกับคนอื่นให้หันมามองหน้าเขาด้วย ไม่ใช่พูดแต่ไม่หันมามองหน้ากันแบบนี้ มันเสียมารยาทรู้ไหมคะ...?”
“....” เขาก้มลงมามองหน้าฉันนิ่งๆ
“ฉันแค่ขอเวลาคุณแค่ 20 นาทีเอง คุณจะไม่ให้ฉันก็ไม่เป็นไร ฉันจะได้รู้ไว้ว่าคนที่นี่ไร้น้ำใจ”
“....” ฉันจ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจแต่เขาก็ไม่พูดอะไร แต่เลือกที่จะเดินผ่านหน้าฉันไป
“คุณ...”
เขาไม่หยุดเดินแถมยังเดินหนีไปหน้าตาเฉย
“คนบ้า...คนไม่มีน้ำใจ คนทุเรศ พี่อ้อมไปชอบคุณได้ยังไงนะ...”
ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก ฉันวิ่งตามเขาไปเขาขึ้นรถฉันก็เปิดประตูไปนั่งกับเขา
“ลงไป...”
“ไม่ลง...คุณไปไหนมนจะไปด้วย”
“ผมบอกให้ลงไป...”
“มนอยากเข้าไปในไร่ด้วย แค่คุณขับรถแล้วยอมให้มนนั่งไปด้วย มนจะนั่งเงียบๆไม่พูดอะไรเลย นะคะ...”
“ลงไป...”
“ทำไมคุณถึงได้ไร้น้ำใจแบบนี้นะมนแค่ขอติดรถไปด้วยแค่นั้นเอง ถ้าครบ 20 นาทีมนยอมลงกลางทางให้คุณทิ้งมนได้เลย นะคะ...?”
“....”
“นะคะคุณสิน...?”
ฉันทำสายตาอ้อนวอนเขา เขาหันมามองแต่ทำหน้านิ่งๆแล้วก็ยอมสตาร์ทรถขับออกไปแต่โดยดี ในที่สุดคุณก็ยอมแพ้ฉันแต่ใครจะยอมลงจากรถง่ายๆละ ขึ้นมาแล้วไม่มีทางลงง่ายๆหรอก
“ไร่แสงจันทร์กว้างมากเลย ทั้งหมดมีกี่ไร่หรอคะ...?”
“....” เงียบไม่ตอบ
“แล้วที่นี่ปลูกดอกไม้กี่ชนิดหรอคะ...?”
”....” ไม่มีคำตอบไดๆ
ฉันเห็นว่าเขาไม่ตอบอะไรก็เริ่มไม่พอใจ จึงเงียบไม่ถามอะไรต่อ
กริ๊งงง กริ๊งงงง สายจากแม่โทรเข้ามา
“ฮัลโหลค่ะแม่...”
“วันนี้มนตื่นแต่เช้ามาดูงานในไร่นะคะ อากาศที่นี่เย็นสบายมากเลยค่ะ ไม่ร้อนเลย ถ้าแม่มาอยู่นี่ต้องชอบแน่ๆเลย มนชอบที่นี่มากๆอยากจะอยู่ที่นี่ไปตลอดแล้วสิคะ...”
ฉันเหล่ตาไปมองเขา จะดูปฎิกิริยาเขาแต่เขาก็ดูไม่สนใจ
“เมื่อเช้ามนทานอาหารพื้นเมืองค่ะ เจ้าของไร่ที่นี่น่ารักมากๆ ต้อนรับมนดีทุกคนเลยแล้วก็ทำอาหารอร่อยสุดๆเลยค่ะ....” อยู่ๆเขาก็จอดรถจนฉันสงสัยต้องหันไปมอง
“แม่ค่ะ เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะคะ...”
ฉันวางสายจากแม่ก็หันไปมองหน้าเขา
“คุณหยุดรถทำไมคะ...?”
“ครบ 20 นาทีแล้ว คุณลงไปได้แล้ว...”
ฉันก้มดูเวลาในโทรศัพท์ก็ต้องตกใจ และยิ่งหันไปมองรอบๆไร่ที่เขาจะปล่อยให้ฉันลง
“คุณจะปล่อยให้มนลงตรงนี้เนี๊ยนะ แล้วมนจะกลับยังไงละ...?”
“ผมไม่รู้ ก็คุณบอกเองว่าถ้าครบ 20 นาทีเมื่อไหร่ ให้ผมปล่อยคุณลงตรงไหนก็ได้นี่ไงครบแล้ว...ลงไปได้แล้ว...”
“คุณจะบ้าหรอนี่มันตรงไหนของไร่ก็ไม่รู้ แล้วคุณปล่อยมนลงมนจะกลับยังไงละ...?”
“ไม่รู้...”
“คุณสิน...”
“ลงไปได้แล้ว ผมจะไปทำธุระ...”
“...”
“ผมบอกให้ลงไป...”
เขาหันมาทำหน้าดุใส่ฉัน
“ไม่ลงใช่ไหม...?”
เขาเปิดประตูรถฝั่งเขาแล้วอ้อมมาฝั่งฉันเปิดประตูแล้วดึงตัวฉันให้ออกมาจากรถ
“ปล่อยนะ คุณสิน....”
“ผมบอกให้ออกมาจากรถผมไง....”
เขาดึงตัวฉันออกแล้วเอาตัวเองยืนบังประตูไว้ไม่ให้ฉันเปิด
“ทำไมคุณถึงได้ใจดำแบบนี้ ฉันเป็นผู้หญิงนะ...”
“แล้วไง...?”
“คุณมันบ้าที่สุด...”
เขามองหน้าฉันอย่างกวนๆแล้วก็เดินอ้อมไปฝั่งคนขับ เปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งล็อกรถทันทีแล้วก็ขับออกไป
“ไอ้บ้า...ไอ้ทุเรศ...ไอ้คนไร้น้ำใจ” ฉันโมโหมากที่เขาทำกับฉันแบบนี้ ฉันจะหยิบมือถือขึ้นมาก็ต้องตกใจ
“มือถือฉันหายไปไหน...อย่าบอกนะว่าตกอยู่ในรถเขา...ไม่นะ...”
ซวยจริงๆเลยแล้วจะหาทางกลับยังไงละที่นี้
.....