7

1488 Words
มือเรียวลูบไล้แผงอกกว้างไปมา ดวงตาปรือเยิ้มเชิญชวนรัญจวนใจ ริมฝีปากนุ่มกดจุมพิตผิวเนื้อแห่งบุรุษเพศ พร้อมกับดูดดึงเม็ดทับทิมสีเข้มที่ยอดอกแกร่ง เสียงครางคล้ายเจ็บปวดเปล่งออกมาจากลำคอหนา หญิงสาวผลักร่างสูงเปลือยเปล่าให้นอนลงบนที่นอนกว้าง ดวงตาสบกันด้วยเสน่หาและไฟพิศวาสที่ลามเลียไปทั่วทุกอณูของผิวกาย การปรนนิบัติที่แสนเร่าร้อน อ่อนหวาน ปะปนกับความวาบหวามดำเนินไปตลอดค่ำคืนแห่งราตรีกาล “คุณต้องการอะไรไหมคะ” พาตีเมาะซึ่งเป็นเป็นคนที่สุลต่านอีซาส่งมาให้คอยดูแลปรนนิบัติมาเลย์น่า ถามหญิงสาวด้วยกิริยาอ่อนน้อม “ไม่จ้ะ ฉันไม่อยากได้อะไร” “หากคุณอยากได้อะไรบอกพาตีเมาะได้เลยนะคะ” พาตีเมาะรีบพูดด้วยความกระตือรือร้น มาเลย์น่ายิ้มหวานก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้ “พาตีเมาะจ๊ะ ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ” “อะไรหรือคะคุณ ถามมาได้เลยค่ะ เรื่องในวังแห่งนี้พาตีเมาะรู้ดีเป็นที่สุด ไม่มีอะไรเล็ดลอดสายตาของพาตีเมาะไปได้หรอกค่ะ” มาเลย์น่ายิ้มกว้างในคำพูดของพาตีเมาะ “พระราชวังแห่งนี้กว้างใหญ่มาก ส่วนใหญ่ทำด้วยทองคำ ฝ่าบาททรงเอาเงินจากไหนไปซื้อทองคำหรือจ๊ะ” มาเลย์น่าถามพาตีเมาะตรงๆ เธอคิดว่าเขาคงรวยมากที่สร้างวังใหญ่โตขนาดนี้แถมทำด้วยทองคำ แม้จะเป็นบางส่วนเท่านั้น แต่ก็บ่งบอกถึงฐานะของผู้ครองประเทศเล็กๆ เช่นนี้ได้ดี “ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะ คุณคงยังไม่รู้ว่าประเทศโมโซโรสมีแร่ทองคำ” “จริงเหรอจ๊ะ” มาเลย์น่าถามอย่างตื่นเต้น ไม่คิดว่าประเทศเล็กๆ เช่นนี้จะมีแร่ทองคำมูลค่ามหาศาลอยู่ในประเทศ “จริงค่ะคุณ” พาตีเมาะตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มาเลย์น่าจึงหายข้องใจทันที ตั้งแต่มาอยู่ในตำหนักแห่งนี้ตลอดอาทิตย์ เธอเห็นข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับตกแต่งห้อง แม้แต่ช้อนรับประทานอาหาร ล้วนแล้วแต่ทำด้วยทองคำ “คุณโชคดีนะคะที่องค์สุลต่านทรงพอพระทัย” พาตีเมาะบอกมาเลย์น่าด้วยความชื่นชม “เหรอจ๊ะ” มาเลย์น่าไม่เข้าใจคำบอกเล่าของพาตีเมาะ จึงเลิกคิ้วเรียวสวยขึ้นถาม “ฝ่าบาทมีนางในฮาเร็มเกือบห้าร้อยคนเชียวนะคะ พวกเธอเป็นหญิงสาวที่ถูกส่งมาบรรณาการให้พระองค์ องค์สุลต่านทรงได้รับบรรณาการเป็นหญิงสาวมากมาย ส่วนใหญ่ฝ่าบาทไม่ค่อยเรียกหานางในฮาเร็ม แต่ถึงเรียกก็แค่ครั้งเดียว ไม่เคยเรียกซ้ำอีก แล้วไม่มีหญิงสาวคนใดตั้งครรภ์ให้พระองค์ได้เลยค่ะคุณ” พาตีเมาะเล่าให้มาเลย์น่าฟังอย่างละเอียดโดยไม่ปิดบัง      มาเลย์น่าขมวดคิ้วเป็นปม นึกแปลกใจว่าเหตุใดสุลต่านอีซาถึงไม่ค่อยสนใจผู้หญิงสาวๆ สวยๆ เพราะนางในฮาเร็มถือว่าเป็นสมบัติของพระองค์ เธอเคยได้ยินว่าสุลต่านจะชอบสะสมผู้หญิงรวมถึงยังต้องการให้หญิงสาวในฮาเร็มปรนนิบัติอยู่เสมอยามค่ำคืนมิใช่หรือ  “ในฮาเร็มของฝ่าบาทมีผู้หญิงมากมายเช่นนี้เชียวหรือ” มาเลย์น่าถามพาตีเมาะใจนึกสงสารบรรดาหญิงสาวเหล่านั้น ชีวิตคงอยู่ได้แต่ในฮาเร็ม ไม่สามารถออกไปมีครอบครัวได้อีก เนื่องจากถือว่าเป็นสมบัติขององค์สุลต่านไปเสียแล้ว “มากค่ะ แล้วไม่เคยมีใครถูกตาต้องใจพระองค์เท่าคุณนะคะ คุณเป็นคนแรกและคนเดียวที่ได้ใกล้ชิดฝ่าบาทนานเช่นนี้ อีกไม่นานคุณคงตั้งครรภ์เป็นแน่” คำพูดแสนซื่อของพาตีเมาะทำให้มาเลย์น่าหน้าแดงซ่านด้วยความขัดเขินเล็กน้อย “แต่น่าสงสารผู้หญิงเหล่านั้นจังเลยนะจ๊ะพาตีเมาะ พวกเธอต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในฮาเร็มของฝ่าบาทตลอดไป พวกเธอคงอยากออกไปสู่โลกภายนอกบ้าง” “ผู้หญิงส่วนใหญ่ในฮาเร็มมีจุดประสงค์สำคัญคือต้องการให้ฝ่าบาทเรียกหาค่ะคุณ ผู้หญิงเหล่านั้นจึงต้องศึกษาวิธีปรนนิบัติ รวมถึงการทำอาหารและเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย หากฝ่าบาทเรียกตัว จะได้ถูกตาต้องใจพระองค์และเรียกหาอีก พาตีเมาะไม่เคยเห็นใครบ่นว่าอยากออกไปอยู่นอกวังสักคนเลยค่ะ เพราะอยู่ในฮาเร็มไม่ต้องทำงานอันใดก็มีกิน แถมต้องการอะไรมีความพรั่งพร้อมสุขสบายไปเสียทุกอย่าง” พาตีเมาะเล่าต่อให้หญิงสาวฟัง มาเลย์น่ารับฟังคำบอกเล่าของพาตีเมาะเพื่อเก็บรายละเอียด นึกถึงวรกายสูงสง่ายิ่งหน้าแดง เธอยอมรับว่าหลงรักพระองค์ตั้งแต่แรกเห็น หญิงสาวในฮาเร็มคงรอคอยให้พระองค์เรียกหา แม้ครั้งเดียวก็คงดีใจไม่น้อย หากสมัครใจเป็นคนของฝ่าบาทไปแล้ว “ฝ่าบาททรงออกว่าราชการที่ตำหนักไหนเหรอจ๊ะ ตอนฉันมาที่นี่ครั้งแรก เห็นตำหนักมากมายในพระราชวัง ยังเคยคิดว่าวันนึงจะเดินได้รอบหรือเปล่า” “ตำหนักกลางค่ะคุณ ที่นี่กว้างมาก มีหลายตำหนัก คุณอยู่ไปสักพักคงจะชินไปเองค่ะ ฝ่าบาทคงจะพาคุณไปเที่ยวชมในเร็ววัน แต่ตอนนี้พาตีเมาะเห็นทุกวันหลังจากที่ฝ่าบาทเสร็จจากการออกว่าราชกิจ ก็จะขลุกอยู่กับคุณตลอด คงอีกนานที่ฝ่าบาทจะพาคุณออกไปนอกตำหนัก” คำพูดตรงๆ ของพาตีเมาะทำให้มาเลย์น่าหน้าแดงขัดเขิน “แต่ฉันอยากออกไปเที่ยวชมด้านนอกจัง” มาเลย์น่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่ หญิงสาวเหลือบมองเก้าอี้ตัวสวยที่พนักยังทำด้วยทองคำ พลางคิดในใจว่า หากมีโจรมาขโมยของในประเทศนี้เอากลับไปสักชิ้นคงจะรวยไม่น้อย “เดี๋ยวคุณคงได้ออกไปจากตำหนักค่ะ แต่ตอนนี้ฝ่าบาทดูจะหลงคุณมาก สาวๆ ในฮาเร็มหลายคนต่างอิจฉาคุณกันทั้งนั้น” “อิจฉาฉันเหรอจ๊ะ” “ค่ะ พวกเธออยากรู้ว่าคุณทำเช่นไรฝ่าบาทถึงติดพระทัยไม่ยอมออกจากตำหนัก” มาเลย์น่ามองพาตีเมาะเล่าด้วยความสงสัยว่าพวกเธอรู้ได้อย่างไรกัน พาตีเมาะยิ้มแก้มแทบปริ แถมยังพูดต่อ...  “ฝ่าบาทสั่งความเอาไว้ว่าพรุ่งนี้จะให้คุณไปเรียนวิธีการปรนนิบัติ วรรคดี มารยาทสังคม ร้องเพลงและเต้นน่ะค่ะ พวกเธอเลยอยากเจอคุณนัก คุณคงต้องตอบคำถามกันจนไม่ทันว่าคุณทำเช่นไรฝ่าบาทถึงได้ติดใจคุณเช่นนี้” พาตีเมาะบอกหญิงสาวตามตรงเพื่อจะได้เตรียมตัวเอาไว้ “แล้วพาตีเมาะไปแอบบอกอะไรพวกเธอบ้างล่ะ พวกเธอถึงรอคอยฉันขนาดนี้” มาเลย์น่าดักคอพาตีเมาะยิ้มๆ พาตีเมาะเกาะศีรษะไปมา รู้สึกอายๆ เนื่องจากเธอเองที่เป็นคนไปบอกเล่าเรื่องความสวย ความเก่งของมาเลย์น่าให้นางในฮาเร็มฟัง จนพวกเธออยากเห็นมาเลย์น่าว่าจะสวยสักแค่ไหน ถึงทำให้องค์สุลต่านหลงใหลเช่นนี้ นางในฮาเร็มของฝ่าบาทบางคนตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะไม่เคยเห็นหญิงใดจะอยู่กับฝ่าบาทนานเท่ามาเลย์น่า บางคนสงสัยว่าหากปรนนิบัติฝ่าบาทจนติดพระทัยแบบนี้แล้ว เหตุใดจึงต้องมาเรียนรู้เรื่องต่างๆ กับพวกเธออีก แต่เป็นคำสั่งของนายเหนือหัว พวกเธอย่อมขัดพระบัญชาไม่ได้ “คุณชอบเรียนอะไรมากที่สุดล่ะคะ” พาตีเมาะแอบถามมาเลย์น่า “การร้องเพลงกับการเต้นจ้ะ ฉันเรียนตั้งแต่เด็กกับคุณยาย” มาเลย์น่ายิ้มกริ่มทันที ที่ได้ยินคำพูดจากพาตีเมาะ เวลาที่สุลต่านอีซาไม่อยู่ หากได้ทำอะไรที่ชอบจะได้หายเหงา เธออยากออกไปด้านนอก พบปะกับคนอื่นๆ บ้าง “ตั้งแต่เด็กเลยหรือคะ แบบนี้คุณก็เก่งนะสิคะ สงสัยนางในฮาเร็มคงต้องให้คุณสอนมากกว่าจะสอนคุณเสียแล้ว” พาตีเมาะมองหน้าสวยอย่างชื่นชม พร้อมกับความอยากรู้เรื่องราวของมาเลย์น่ามากยิ่งขึ้น มาเลย์น่าจึงเล่าเรื่องราวชีวิตให้พาตีเมาะฟัง อาจเป็นเพราะพาตีเมาะเป็นคนซื่อ เธอจึงไม่คิดปิดบัง แม้จะดูช่างพูดช่างเม้าท์ไปหน่อยก็ตามที แต่ดูจริงใจยิ่งนัก “โห... คุณเก่งจังเลยค่ะ” พาตีเมาะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มาเลย์น่าเล่าให้ฟังถึงครอบครัวที่ฝึกฝนเรื่องการร้อง การเต้นมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงบิดาเป็นชาวบราซิลเลี่ยนจึงได้รับสายเลือดมาโดยตรง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD