คำบอกเล่าของสือเถา ทำให้เขาพอสันนิษฐานได้ คร่าวๆ ว่าคนที่มีนามว่า ‘โคว่เอ๋อ’ มีโอกาสที่จะเป็นคู่หมายของเขาได้มากที่สุด เพียงแต่สือเถาไม่รู้ว่านางแซ่อะไร รู้เพียงว่าตัวของสือเถาเรียกแม่ของโคว่เอ๋อว่าท่านป้า นางมาอยู่ที่หอนางโลมแห่งนี้เมื่อไหร่ไม่ทราบ รู้แค่มารดานางเพิ่งจากไปไม่นานนี้เอง นางต้องทำงานใช้หนี้ที่มารดาติดค้างให้กับเถ้าแก่เนี๊ย
ส่วนเหมยซานเป็นนักแสดงที่ร้าน ตอนนี้อายุสิบแปดปีแล้ว บิดามารดายังอยู่ครบ แน่นอนว่าไม่ใช่คนที่เขามุ่งเป้าแน่ สือเถา ออกไปนานแล้ว ชาในถ้วยก็จืดชืด กอปรกับอาหารว่างที่เย็น ใช่ว่าเขาไม่ชื่นชอบในรสของอาหาร แต่เป็นเพราะว่าเขากำลังใช้ความคิดทั้งคิดว่าตนเองนี่แหละที่จะเป็นคนเปิดดูสะโพกนั้นเอง อย่างน้อยเขาก็เคยยื่นเงินเสนอค่าตัวนางมาแล้ว หากไม่ใช่นางก็ใช่ว่าเขาจะเสียใจสักหน่อย การแต่งงานนะหรือ ไม่มีทาง
จวบจนยามค่ำราตรีแห่งความสุขของชายหนุ่มที่แวะเวียนเข้าออกยังหอหมื่นบุปผา ใบหน้ายิ้มแย้มของชายหนุ่มยามสาวงามมาส่งหน้าประตู ภาพนี้ทำให้คนที่ผ่านไปผ่านมาอยากจะเข้าไปลิ้มลองสัมผัสบุปผางามและเด็ดดอกมาเชยชมสักดอกหนึ่ง
แต่ใครจะรู้ว่าความรื่นเริงบันเทิงใจของฉากหน้าของหอแห่งนี้ ด้านหลังครัวยังมีสาวงามร่างเล็ก เหงื่อออกท่วมตัวง่วนอยู่หน้าเตากับเหล่าแม่ครัว เสียงโวยวายกับการเร่งอาหารแต่ละจานเพื่อออกไปบริการลูกค้าแต่ละโต๊ะ กว่าร้านจะปิดเล่นเอาคนหลังฉากเหนื่อยแทบจะหยุดหายใจ
แม่ครัวล้างถ้วยชามเสร็จต่างแยกย้ายกันหลับนอนเหลือไว้เพียงสาวร่างเล็ก โคว่เอ๋อที่งานของตนยังไม่เสร็จ นางต้องเก็บร้าน ทำความสะอาดโต๊ะ และยกถ้วยชา จานชามที่ลูกค้ากินเหลือไว้บนโต๊ะให้เสร็จสิ้นเสียก่อน มือหนึ่งปาดเหงื่อที่ไหลลงกรอบหน้า มือปัดกระโปรงก้มดูทางว่ามีขยะตามพื้นหรือไม่ นางเดินจนถึงอีกฟากหนึ่งซึ่งมีโต๊ะระเกะระกะ บางตัวยังไม่ได้เก็บ เศษอาหารกระจัดกระจายไปทั่ว นางเก็บกวาดโดยไม่บ่น ไม่ใช่ไม่อยากบ่นแต่เป็นเพราะบ่นไปใครเล่าจะมาสนใจ อีกทั้งนางไม่อยากเอาแรงที่ตนเองบ่นมาบั่นทอนกำลังกายของตนเอง นางทำงานได้สักพักจู่ ๆ มีสาวคณิกานางหนึ่งเดินตรงเข้ามา
โคว่เอ๋อ เถ้าแก่เนี๊ยเรียกหา ให้เจ้าไปที่ห้องพิเศษ” นางได้ยินก็พลันหงุดหงิด งานทางนี้ก็ยังไม่เสร็จ จะให้นางไปเก็บกวาดห้องอะไรอีก
“ทำไมต้องเป็นข้าเล่า งานนี้ก็ยังไม่เสร็จ เจ้าให้คนอื่นไปเก็บกวาดก่อนแล้วกัน”
“ได้ไงล่ะ เถ้าแก่เนี๊ยเรียกเจ้า ส่วนงานพวกนี้เถ้าแก่เนี๊ยใช้ให้คนมาช่วยกันเก็บกวาดแล้ว”
“จริงหรอ?” นางถามอย่างไม่เชื่อหู หญิงนางนั้นพลันพยักหน้ารับ และก็เข้าไปช่วยเก็บข้าวของ ยกโต๊ะ เหมือนว่าสิ่งที่นางพูดมามิได้โกหกแต่อย่างใด
โคว่เอ๋อเห็นเช่นนั้นก็เชื่อว่าคงจะจริง จึงวางมือจากงานและขึ้นไปยังชั้นสามตามที่ได้รับแจ้ง นางเดินขึ้นอย่างไม่อิดออด เพราะงานของตัวเองก็แสนจะมากมาย เมื่องานเสร็จเร็ว ตัวเองก็ได้พักผ่อนเร็วขึ้น
นางมุ่งตรงยังห้องพิเศษ ภายในห้องไร้ผู้คน แต่เห็นมีอาหารวางไว้ แต่ดูท่าทางคงจะไม่มีใครแตะแล้วเพราะดูสีอาหารจะจืดชืดเสียแล้ว นางสนใจที่ไหนกันเพราะอาหารเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือนางทั้งนั้น เพียงแต่คนยกไม่ใช่นาง
นางเดินเข้าไปเตรียมเก็บอาหารเพื่อที่จะยกลงไปเก็บ แต่ก่อนลงนางสังเกตในห้องยังคงสะอาดเรียบร้อยดี นางจึงไม่คิดจะทำอะไรมาก ระหว่างเก็บอาหารใส่ถาด ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ใครใช้ให้เจ้าเก็บอาหาร” เสียงอันเย็นชาดังขึ้นอย่างไร้สุ่มเสียงว่าผู้เป็นเจ้าของอยู่ที่ใด นางหันรอบห้องก็ไม่เจอ สักพักร่างของชายกำยำผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาจึงปรากฏกายขึ้นมาทางหน้าห้องและมาหยุดยืนข้างๆ โคว่เอ๋อ
“อาหารยังไม่ได้แตะ ไยต้องเอาไปเก็บ” ฉีเทียนเหล่ยกล่าว
“เอ่อ.. ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ ข้าเห็นอาหารมันเย็นหมดแล้ว และอีกอย่างไม่มีใครอยู่ที่ห้อง ข้านึกว่าคนที่สั่ง ไม่ชอบในรสอาหารและได้จากไปแล้ว ข้าน้อยขอโทษเจ้าค่ะ” โคว่เอ๋อ ตอบและเตรียมที่จะหมุนกายออกไป แต่ถูกเจ้าของเสียงเรียกอีกครั้ง
“จะรีบไปไหนเล่า ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า ถ้าไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครใช้เจ้าขึ้นมาห้องนี้หรอก”
“ห๊า! ท่านเรียกข้าขึ้นมา ไม่ใช่เถ้าแก่เนี้ยจูหรอกหรอ” นางทำหน้าเลิกลั่กถามอย่างประหลาดใจ
“เป็นนางที่ใช้ให้คนไปเรียกเจ้า ตามความต้องการของข้า”
“เอ่อ! คุณชายจะรับอะไรหรือเจ้าคะ อีกอย่างครัวก็ปิดแล้ว หากเป็นอาหารคงยากสักนิด ถ้าเป็นน้ำชา น้ำจัณฑ์ ข้าพอจะนำมามอบให้กับคุณชายได้”
“ทั้งหมดที่เจ้ากล่าวมา ข้ายังไม่ต้องการ ข้าอยากถามเจ้าสักเรื่องหนึ่ง หวังว่าเจ้าจะพูดความจริง”
“ถามข้า” โคว่เอ๋อยกนิ้วชี้ที่ตัวเองก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา “ข้าจะมีอะไรให้ถาม หนังสือข้าก็ไม่รู้ โลกภายนอกก็ไม่เคยเห็น อีกทั้งเรื่องชาวบ้านอย่าได้ถาม ข้าเป็นแค่คนรับใช้ จะเอาปัญญาที่ไหนมารู้เรื่องที่คุณชายจะถาม แต่ถ้าเป็นเรื่องคณิกาที่หอนี้ว่าใครสวยข้าพอจะวิเคราะห์ให้ได้นะ” นางอ้างเหตุผลเพื่อไม่อยากตอบคำถาม
“เรื่องคณิกา... เป็นเรื่องนั้นแหละที่ข้าจะถาม” เขาตอบพร้อมมองสีหน้านางอย่างหยั่งเชิง อยากรู้นักว่านางจะตอบอย่างไร
“ได้สิ แต่คำตอบมักจะไม่ได้มาง่าย ๆ หรอกนะ ท่านก็รู้ว่าข้ามีงานเยอะ และท่านเรียกข้ามามันเสียเวลางานและเวลาพักผ่อนนะ” เมื่อได้ฟังคำเขาจึงโยนถุงเงินให้ ในนั้นบรรจุถุงเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งโคว่เอ๋อกะประมาณคร่าวๆ น่าจะมากพอดูเพราะดูจากน้ำหนัก เมื่อได้ตามประสงค์ โคว่เอ๋อยกมุมปากยิ้มอย่างพอใจ ส่วนฉีเทียนเหล่ย มองอากัปกิริยานางก่อนหันหน้ามองเก้าอี้ และเดินตรงไปนั่งพลางเอ่ยวาจา
“ค่าจ้างได้แล้ว คราวนี้ก็ตอบคำถามข้า”
“ถามมาสิ ข้ารออยู่” โคว่เอ๋อหาได้สนใจมองนางเพียงหยิบเงินจำนวนนั้นขึ้นมาจากถุง มองๆ แล้วยกยิ้มพร้อมใส่มันกลับลงถุงดังเดิมหลังจากนั้นนางรีบเหน็บในเข็มขัดอย่างมิดชิด ราวกลับกลัวมันจะหายไป
“เจ้าลองบอกข้าสิว่าหญิงที่หอนี้ใครยังบริสุทธิ์บ้าง ข้าจะจ่ายราคางามให้กับนางที่ยังมิเสียพรหมจรรย์” เขาเอ่ยพร้อมสังเกตหน้านาง
“ไม่มีหรอก คุณชาย หากท่านต้องการหญิงบริสุทธิ์เช่นนั้น ท่านคงต้องให้เถ้าแก่เนี้ยหาสาวอายุราวๆ สักสิบสี่สิบห้าที่เพิ่งมาเสนอขายเรือนร่างแล้วกระมัง”
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า แต่เถ้าแก่เนี๊ยแจ้งกับข้าว่าที่นี่ยังมีสาวอยู่อีกหนึ่งนาง ที่ยังไม่เคยรับแขก เจ้าพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าเป็นใคร” คำพูดของฉีเทียนเหล่ยทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อยมองอีกฝ่ายอย่างระแวงและป้องภัย
นางเริ่มมองไปที่ประตูเพื่อหาทางหนีทีไล่ คำถามนี้แน่นอนเถ้าแก่เนี้ยจูหมายถึงนางแน่ๆ มิน่าเล่าถึงให้นางขึ้นมาเพียงคนเดียวในยามวิกาลเช่นนี้ นางพยายามข่มความกลัวในใจ และเอ่ย
“ไม่มีหรอกคุณชาย หญิงคณิกาคนไหนเล่าจะบริสุทธิ์ ท่านก็อย่าไปเชื่อเถ้าแก่เนี๊ยมากเลย นางแก่แล้วอีกอย่างนะ นางสติไม่ค่อยดีไม่แน่นะที่นางพูดอาจหมายถึงตัวนางก็เป็นได้” โคว่เอ๋อตอบคำถามพร้อมกับสองขาค่อยๆ ถอยหลังไปที่ประตูทีละก้าว เพื่อมิให้ชายตรงหน้าได้ทันสังเกตเห็น แต่ทว่ายังไม่จะพ้นประตูห้องนั้นกลับถูกปิดโดยทันที เหมือนมีใครนำโซ่มากั้นไว้เพื่อมิให้คนด้านในมีสิทธิ์ออกมา
โคว่เอ๋อใช้ความพยายามนางทั้งผลัก ถีบประตูรวมไปถึงหันไปมองชายที่อยู่ในห้องกับตน ชายเบื้องหน้าทำหน้าตายเหมือนไม่รู้ความแต่นั่นกลับเป็นการท้าทายนาง เพรานางเห็นมุมปากเขายกยิ้ม