นางสังเกตเห็นอยู่แล้วว่าเขาแต่งกายดี ภูมิฐานไร้ที่ติ ต้องเป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่ที่ใดสักแห่งมิหนำซ้ำนางยังไม่เห็นว่าเขาจะไม่เจริญหูเจริญตาแม้แต่น้อย นางอาจจะเพลิดเพลินกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็เป็นได้
โอ้... ไม่นะ นี่นางกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ได้ ๆ จะปล่อยเป็นเช่นนี้ไม่ได้ โคว่เอ๋อ! สุดท้ายนางจึงเอ่ยปากขึ้น
“ท่านต้องเป็นปีศาจแน่ ๆ” นางพูดด้วยความพิศวงกับตัวเองอย่างมากที่จู่ ๆ เอ่ยประโยคเช่นนี้ขึ้นมาให้เขาได้ยิน ส่วนฉีเทียนเหล่ยนั้นก็ไม่รู้ว่าตัวเขาเองทำอะไรให้นางมีความคิดเช่นนั้น แต่ถึงกระนั้นเขายังใจดีตอบคำถามเมื่อครู่ของนาง
“หลายต่อหลายคนเชื่อเช่นนั้นว่าข้าคือปีศาจ”
“อย่างน้อยท่านก็น่าจะปฏิเสธ” นางหรี่ตามองไปที่ใบหน้างามของอีกฝ่าย
“ทำไมเล่า?” เขารู้สึกขบขันไปกับคำพูดของนาง และก็ยังคิดจะเอ่ยถามถึงสาเหตุ
“เพราะ... เพราะว่า...โอ้ย!! ช่างมันเถอะ” นางยังหาคำอธิบายนั้นไม่ได้หรือต่อให้หาได้ก็ล้วนลำบากใจที่จะเอ่ยออกมา
โคว่เอ๋อพยายามที่จะลุกขึ้นจากตักของเขาแต่แขนแกร่งของฉีเทียนเหล่ยยังคงรัดแน่นอยู่ที่เอวจนเจ้าของร่างจำต้องผินหน้าไปมองเขาโดยหรี่ตามากยิ่งขึ้น เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่านางไม่พอใจเอามาก ๆ แต่ตัวเขายังคงยิ้มกว้าง
“ท่าน...ข้าจะบอกอะไรให้นะ และฟังให้เข้าไปยังสมองของท่านกลวงๆ ด้วยว่าท่านเลือกผิดคนแล้ว ข้ามิได้ขายเรือนร่าง”
“เช่นนั้นหรอกรึ ข้านึกว่าคนที่นี่ขายเหมือนกันหมด อีกอย่างข้าก็ให้สนนราคาอย่างดีเสียด้วย”
“แค่เศษเงินไม่กี่ตำลึงของท่านนี่น่ะเหรอที่เรียกว่าราคาดี แล้วอีกอย่าง...” นางถูกขัดจังหวะด้วยเสียงอีกเสียงที่ร้อนรน
“คุณชายข้าพบแล้วขอรับ อ๊ะ! ขอโทษขอรับ” เสียงนั้นหายไปทันทีเมื่อคนที่ตามหามาอยู่บนตักของชายที่ตนกำลังจะนำความมารายงาน
“ไสหัวไป!”
“ขอรับ” ว่าแล้วผู้ที่วิ่งมารายงานที่ไม่ได้มองตาม้าตาเรือก็เร้นกายหายไปโดยไว แต่ในใจกลับคิด ท่านอ๋องก็เจอนางยืนอยู่ตรงหน้า เขาคงไม่ต้องรายงานแล้วกระมัง
โคว่เอ๋อหันไปมองตามเสียงที่ได้ยินและหันกลับมามองชายที่รั้งเข็มขัดนางอยู่ แต่สิ่งที่เห็นคือใบหน้าของเขาเข้าใกล้นางอย่างมากจนแทบจะติด ห่างกันแค่ฝ่ามือกั้นเท่านั้น
โคว่เอ๋อใช้เวลาเพียงพริบตาในการคิดว่าขณะนี้นางกำลังถูกหมิ่นเกียรติของตนอย่างเลวร้ายที่สุด โดยที่นางมิได้เต็มใจเลยสักนิด หน้าตาของนางนั้นมิได้สะสวยปานล่มเมืองที่จะดึงดูดชายให้เข้าหาด้วยความหลงใหล แต่การกระทำของเขาที่แทบจะเข้ามาจุมพิตนาง นั้นไม่เท่ากับว่าเขากำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนางหรอกหรือ นางจะยอมไม่ได้เด็ดขาด
ไม่นานเมื่อคิดได้ นางจึงผลักเขาให้พ้นตัว ตอนนี้แขนที่รัดโคว่เอ๋อเอาไว้จึงคลายออก ทำให้นางลุกขึ้นด้วยท่าทีไว้ตัวมากขึ้นเท่าที่นางจะทำได้ นางบรรจงวางเงินที่เขาไว้บนตักนางลงบนโต๊ะและหมุนตัวออกเพื่อที่จะเดินจากไปทางเดิมที่ตนเข้ามา เพราะนางไม่อยากจะมีเรื่องราว และไม่ต้องการจะทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องที่ตัวเองมิได้ก่อนขึ้น
ทว่าสองขาเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว นางหันมาทางเขาอีกครั้งทำให้ฉีเทียนเหล่ยงุนงงและหลงคิดว่าเงินยี่สิบตำลึงคงดึงดูดใจนางเป็นแน่ เขายกมุมปากขึ้นยิ้มน้อยๆ และเอ่ยขึ้น
“ทำไม? เปลี่ยนใจแล้วรึ ข้ายินดีจ่ายเพิ่มนะ” เขาสัพยอกพร้อมส่งแววตาเจ้าเล่ห์หากแต่ต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินคำปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าอีกครั้ง
“เปล่า... ข้าลืมไปว่าท่านคงอิ่มแล้ว ข้าเดินมาเก็บถ้วยชาม งานข้ายังมีอีกมาก ข้าแนะนำนะเวลานี้ดึกมาก สมควรพักผ่อนได้แล้ว” ว่าแล้วนางก็ถือถาดที่มีถ้วยชามอาหารเดินจากไป