ตอนที่4ครั้งแรกที่ใช้พลังรักษาคน
ตั้งแต่หน้าที่ทำกับข้าวเป็นของอาสายใจ…ฉันและแม่ไปเอาข้าวที่ห้องครัว จะเหลือน้ำแกงและผักไว้ เนื้อไก่ไม่เคยตกถึงท้องพวกเราเลย
"แม่จะห่อข้าวไปด้วยเหรอจ๊ะ?"
"ใช่จ้ะ..ฟืนที่แม่เจอมันอยู่ไกลมาก ถ้าไปแค่ครึ่งวัน แม่และพี่ของลูกจะผ่าฟืนได้น้อย"
"แล้วแม่ห่อข้าวกับอะไรจ๊?" ฉันเห็นแม่ห่อข้าวกับใบตอง แล้วหยิบเกลือใส่กระปุกไม้ไผ่ ไม่ใช่ว่าแม่จะกินข้าวกับน้ำมะขามอีก ฉันจำได้ว่าเป็นซุปน้ำที่อร่อยมากเวลากินกับข้าว บ่อยครั้งที่กับข้าวไม่เหลือให้พวกเรา ก็จะกินกันแบบนี้ ขั้นตอน (น้ำเปล่า+ มะขาม+เกลือใส่กระบอกไม้ไผ่แล้วคนให้เข้ากัน) แม่ทำให้พวกเรากินบ่อยๆ
"เมื่อวานพี่ชายลูกเจอรถด่วน (หนอนสีขาวที่อยู่ในไม้ไผ่ ) วันนี้คงเป็นอาหารเที่ยงแล้วแม่จะเก็บไว้ให้ข้าวและน้องด้วยนะลูก” แม่ก็คือแม่ นางเป็นสตรีรักลูกยิ่งกว่าชีวิต จนเมื่อพี่ชายและน้องเล็กตาย ผู้หญิงตรงหน้าถึงกับตรอมใจตาย ข้าวฟ่างจะไม่มีวันให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม ฉันจะรักษารอยยิ้มของแม่ไว้เอง
"แม่กับพี่ชายกินให้อิ่ม ๆเลยจ้ะ ข้าวอยู่บ้าน ก็มีอาสายใจทำอาหารให้อยู่แล้วไม่ต้องห่วงพวกเรานะจ๊ะ”
"พี่ชายลูกคงยอมหรอก…..ตั้งแต่เมื่อวานแล้วเขาบอกอยากให้น้อง ๆได้กินก่อนเขาเสียอีก แต่แม่กลัวว่าพวกลูกจะรอแม่กินข้าวก็เลยรีบกลับมา" เมื่อวานนี้ ถ้านางไม่กลับมา ลูกๆจะได้กินข้าวหรือเปล่า เมื่อวานต้องก่อไฟเพื่อเผาปลาาทูเอง
"งั้นเย็นนี้ข้าวและน้องจะรอกิน...แม่จ๋า...แม่อนุญาตให้ข้าวไปหาปู่ทิดใช่ไหม"
"ถ้าลูกคิดว่าจะช่วยท่านได้ก็ไปเถอะจ้ะ"
"ขอบคุณจ้ะแม่...ข้าวจะพาน้องไปด้วย" เมื่อวานฉันบอกแม่และพี่ชายว่า ขออ้างชื่อทั้งสองคนหน่อย ก็ฉันอยากช่วยปู่ทิดเพื่อตอบแทนที่เคยให้เงินพ่อ หลังจากที่แม่กับพี่ชายออกไปหาฟืนแล้ว
"ภูมิ สม ไปกันเถอะ" ทั้งสามออกจากบ้านไปสัก 7 โมงเช้า เวลานี้ชาวบ้านออกไปทำงานกันหมดแล้ว หรือบางคนไปหาของกินในป่า จะเหลือไว้แต่คนแก่และเด็กเล็กๆอย่างพวกเราที่ไม่ได้ไปโรงเรียน
บ้านปู่ทิดอยู่ไกลกว่าบ้านลุงสมานอีก ข้าวฟ่างถือกระบอกไม้ไผ่ในนั้นเป็นแค่น้ำเปล่า ขอแค่มือข้างซ้ายได้สัมผัสโดนตัวปู่ทิด อากาท่านน่าจะดีขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้โอกาสจากสวรรค์กลับมา จะลองใช้พลังที่ได้มา
"ปู่ทิด...ปู่ทิด พวกเราขอเข้าไปนะจ๊ะ” เธอและน้องมายืนที่หน้าประตูบ้านของท่าน
"เอ้า...ข้าวฟ่าง นั่นน้องชายเธอเหรอ มาหาปู่ทิดมีอะไรหรือเปล่า" พี่คมที่ดูแลปู่ทิดนั่นเอง
"สวัสดีพี่คม ข้าวอยากมาเยี่ยมปู่ทิดจ้ะ"
"งั้นเหรอ เข้ามาสิ เข้ามานั่งก่อน พี่จะไปบอกท่านก่อน" พี่คมน่าจะอายุมากกว่าพี่ชายฉันสัก 2 ปี ไม่นานเขาก็มาตามพวกเรา
"เข้าไปได้" ฉันและน้องนั่งที่ระเบียงบ้าน ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในบ้านหลังใหญ่ สะอาดสะอ้าน จัดของเป็นระเบียบเรียบร้อย
"สวัสดีจ้ะปู่ทิด ข้าวและน้องชายมาเยี่ยมปู่ทิด” เด็กชายสมก็ไหว้ปู่ทิดตามพี่สาวอีกคน ส่วนภูมิไม่มีใครเห็นเขา
เด็กสองคนนี้เป็นลูกของสมบัติและขวัญเรือน ทั้งคู่ไม่รู้ทำเวรกรรมอะไรไว้ สมบัติต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงคนทั้งครอบครัว ส่วนขวัญเรือนและลูกๆเป็นมือเป็นเท้าให้ครอบครัวพ่อสามี ชาวบ้านที่นี่เขารู้กันหมด แต่เพราะความปากจัดของนางสมร ชาวบ้านเอือมระอาไม่อยากเข้าไปยุ่ง ถ้าไม่มีพ่อเด็ก ๆ เขาอยากรู้จริงๆว่า พวกมันจะเป็นยังไง ส่วนเงินที่กำจรมายืมไป เขาคิดว่าไม่ได้คืนและทำใจได้แล้ว
"ไหว้พระเถอะลูก...นั่นน้องคนเล็กสินะ...โตเร็วเหมือนกันนะเรา...แล้ววันนี้แม่และพี่ชายไปไหนล่ะ"
"แม่และพี่ชายไปตัดฟืนจ้ะปู่ทิด"
"อืม..แล้วปู่กับย่าเราไม่ว่าหรือที่เดินมาเที่ยวตั้งไกล"
"เอ่อ...ปู่กับย่าไม่สนใจพวกเราหรอกจ้ะ...ปู่ทิดเมื่อวานแม่และพี่ชายเจอสมุนไพรมา พวกเรานำไปต้มมาให้ปู่ทิด แล้วนี้เป็นน้ำเอาไว้นวดจ้ะ” ข้าวฟ่างหยิบของสองอย่างขึ้นมาจากย่ามเก่าๆ
"อืม..ขอบใจ มันเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่พออายุมากขึ้น ร่างกายก็ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ไหนเอามาสิ”
ข่าวที่เขาไม่สบายแพร่กระจายไปทั่ว เพราะลูกชายและลูกสะใภ้หาหมอเก่งๆมารักษาแต่ก็ไม่หาย แล้วนับประสาอะไรกับสมุนไพรที่เด็กน้อยตั้งใจเอามาให้เขาละ แต่เขาไม่อยากให้เด็กสองคนนี้เสียน้ำใจ ลองกินดูก็ไม่เสียหายอะไร
"ปู่ทิดลองบอกอาการด้วยได้ไหมจ๊ะ…คือหนูจะนวดให้ถูกจุด เอ่อ หนูเคยนวดให้แม่บ่อยๆจ้ะ" ฉันกลัวว่าปู่ทิดจะไม่ยอมให้แตะตัวท่าน
"รู้สึกจุก แน่นหน้าอก บางครั้งก็ปวดหน้าอกจนขยับตัวไม่ได้ แม้แต่กลืนน้ำลายยังเจ็บ ทำให้ไม่อยากกินอะไรเลย"
"งั้นปู่ทิดดื่มน้ำนี้ก่อนนะจ๊ะ แล้วหนูจะเอาน้ำสมุนไพรทาบริเวณที่ปู่บอก"
เขาเห็นสายตามุ่งมั้ง จริงใจและตั้งใจของเด็กน้อย จึงเอากระบอกน้ำมาดื่มแล้วนอนลง ส่วนน้องชายนั่งดูพี่สาวเทน้ำลงบนฝ่ามือ แล้วค่อยๆแตะตรงที่ปวดนั้น
ตอนที่เขาดื่มน้ำเข้าไปมันก็รู้สึกเฉยๆ พอเด็กสาวเอามือมาแตะตรงที่ปวด ความเจ็บปวดทรมานที่เคยมีมาตลอดเริ่มหายไป เหมือนน้ำเย็นที่ค่อยๆแทรกซึมผ่านเข้าไปถึงข้างในที่เคยเจ็บ ผ่านไป 15 นาทีความทรมานที่เป็นมา 3 ปีนี้หายเป็นปลิดทิ้ง เป็นไปได้ยังไง ขนาดหมอเส็งที่รู้สมุนไพรทุกอย่าง ยังรักษาเขาไม่ได้เลย ม่านตาคนแก่ขยายตัวเล็กน้อย แต่ในใจกลับตื่นเต้นมากกว่า เขาไม่ต้องทรมานอีกแล้ว ที่น่าตกใจกว่านั้นร่างกายเหมือนจะฟื้นฟูสภาพกลับมากระฉับกระเฉง
"ปู่ทิดรู้สึกดีขึ้นหรือเปล่าจ๊ะ” ในใจเธอเต้นตึก ตัก ตึก ตัก เพราะเป็นครั้งแรกที่ใช้พลังที่ได้รับมา
"อืมม...ขอบใจมากหนูข้าว 3 ปีมานี้ฉันทรมานจากการเจ็บปวดข้างในโดยไม่รู้ต้นเหตุ ตอนนี้เหมือนจะหายปวดหมดแล้ว ขอบใจแม่และพี่ชายหนูด้วย แล้วเราสองคนก็อยู่กินข้าวเที่ยงกับฉันที่นี่" กำจรปล่อยให้หลานสาวหลานชายอดอยากขนาดนี้เลยหรือ เด็กทั้งคู่ตัวเล็กและผอมแห้ง เขาสงสารครอบครัวนี้มาก บ่อยครั้งที่ได้ฟังเพื่อนบ้านเล่าเรื่องที่ทั้ง 4 คนได้รับการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นปู่และย่าพวกเขา
"ขอบคุณจ้ะปู่ทิด...แต่ปู่ไม่ต้องบอกใครนะจ๊ะ ว่าได้สมุนไพรจากครอบครัวหนู คือหนูและพี่ชายตั้งใจว่าจะเก็บเอามาทำขายเพื่อเก็บเงินเรียนหนังสือจ้ะ” ฉันวางแผนไว้เมื่อวานหมดแล้ว น้องชายก็พยักหน้าด้วย
"ฉันเข้าใจพวกเธอนะ สบายใจได้ บางครั้งก็อยากไปถามหาความยุติธรรมจากกำจรและสมรเลย มีที่ไหนหลานคนอื่น ๆ ได้เรียนหนังสือ แต่พอเป็นลูกของสมบัติกับขวัญเรือนก็ไม่ได้เรียนและใช้งานพวกเธออย่างกับขี้ข้า” ท่าทางปู่ทิดไม่พอใจที่ปู่กับย่าปฏิบัติกับพวกเขาเลย
"ปู่ทิดจ้ะ หนูจะต้มยาให้ปู่อีก 2 ครั้ง แล้วจะเอามาให้ปู่เวลาเดิม อย่างวันนี้”
"ได้สิ...หรือจะให้คมมันไปเอาที่บ้านก็ได้“
"ไม่ได้จ้ะ...หนูไม่อยากให้ปู่กับย่ารู้เรื่องนี้"
"งั้นก็ตามใจ คม…เข้ามาหน่อย...ไปบอกแม่มาลัยให้ทำกับข้าวเผื่อเด็กสองคนนี้ด้วย"
คมกับแม่มาอาศัยใบบุญปู่ทิด พวกเขาสองแม่ลูกเป็นญาติห่างๆของภรรยาปู่ทิดที่เสียไปแล้ว ทั้งสองคนลงมาจากดอยตั้งใจจะมาหางานทำ แต่เจอกับปู่ทิด ท่านเลยให้เขามาอยู่ข้างกาย ให้แม่เป็นคนดูแลทำความสะอาดบ้านและทำอาหารให้ท่าน
"นั่นห้องเก็บของ เหมือนจะมีหนังสือเก่าๆด้วย เธอกับน้องเข้าไปดูสิ มันถูกเก็บไว้นานแล้ว ฉันว่าจะเอาไปเผาทิ้ง"
"อย่านะจ๊ะปู่ทิด...หนูอยากได้มาก..ขออนุญาตเข้าไปดู ไปเถอะน้องสม" ท่าทางดีใจเหมือนได้เจอของมีค่า ทำให้ปู่ทิดแปลกใจ เด็กแค่นี้จะอ่านหนังสือได้ด้วยเหรอ
"เอาสิ..นั่นเป็นหนังสือที่ลูกชายฉันเอามาอวดว่าหลานฉันเรียนเก่ง ได้ที่ 1 ของห้อง มีทั้งสมุดหนังสือ เลือกเอาตามสบาย"
เขาไม่ได้เดินสะดวกสบายแบบนี้มานานเท่าไรแล้ว ต้องขอบใจข้าวฟ่าง ในใจปู่ทิดรู้สึกว่าเป็นหนี้เด็กสาวและครอบครัวเธอไปแล้ว
"พี่ข้าวมีรูปภาพด้วย สีสวยจังเลย สมขอเอากลับบ้านได้ไหมครับ" น้องชายดีใจกับหนังสือนิทานอีสป ที่มีปกสวยงามหลายเล่ม
"ปู่ทิดอนุญาตแล้วนิ...พี่อยากหาเผื่อพี่ชายด้วย ภูมิช่วยฉันหน่อยสิ"
"พี่ข้าว นี่สร้อยสำหรับเก็บของครับ"
"ฮะ มีแบบนี้ด้วยเหรอ นายยกให้พี่เหรอภูมิ"
"ครับ...พี่ใส่ไว้ที่คอเลย มันจะสื่อกับพี่โดยใช้จิตสื่อถึงกัน และใส่ของได้ทุกอย่าง"
"ดีจังเลย ขอบใจนะภูมิ แต่พวกเรากองหนังสือไว้ตรงนี้ก่อน ต้องไปบอกปู่ทิดว่ายังไม่ต้องทิ้ง ค่อยทยอยเลือกเล่มที่น่าสนใจ"
"ครับ" ทั้งสามใช้เวลาอยู่ในห้องเก็บของเกือบเที่ยงวัน ข้าวฟ่างคิดว่าหนังสือเหล่านี้เป็นสมบัติของล้ำค่ามากๆ มีหลากหลายให้อ่าน เธออยากอ่านทุกเล่มเลย
"น้องข้าวฟ่าง น้องสม ท่านให้มาเรียกไปกินข้าวครับ"
"ขอบคุณพี่คม ไปกินด้วยกันสิจ้ะ” เธอเห็นชายหนุ่มหันหน้าไปอีกทาง
"พี่กินข้าวกับแม่ในครัวครับ" เป็นแบบนี้นี่เอง
“โอ้โห...หอมจังเลยครับพี่ข้าว"
"เป็นยังไงล่ะ..ถ้าสนใจเล่มไหนก็หยิบเอาไปได้นะ ลูกชายและหลายชายฉันไม่เอาแล้ว ไม่รู้จะเอามาทำไมรกบ้านเปล่าๆ"
"ปู่ทิดหนูกับน้องอยากอ่านทุกเล่มเลย แต่พวกเราไม่มีที่เก็บจ้ะ หนูขอปู่ทิดอย่าเพิ่งทิ้งได้ไหม”
"โอ้ว...เรื่องแค่นี้เอง ได้ๆ เอาแบบนี้ เธอ พี่ชายและน้องชายจะมาอ่านเมื่อไรก็ได้ ฉันจะบอกแม่มาลัยไว้"
"ขอบคุณจ้ะ...ถ้าหนูจะเอาไปก่อนสักสองสามเล่มปู่ทิดจะว่าอะไรไหมจ๊ะ”
"จะว่าอะไรเล่า เอาไปหลายๆเล่มก็ได้ ว่าแต่พวกเธอไม่ได้เรียนหนังสือแล้วอ่านหนังสือได้ยังไง"
"คือพี่ชายสอนพวกเราจ้ะ ลูกชายลุงสมานเป็นเพื่อนกับพี่ชายหนู เวลาเขากลับมาที่หมู่บ้าน พี่ชายจะไปนอนกับเขาอาศัยให้เขาสอนหนังสือให้ แล้วพี่ชายมาสอนพวกเราอีกที"
"อ๋อ..ดี ดี…มา เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นเสียก่อน กินข้าวเถอะ"
"ขอบคุณจ้ะ,ขอบคุณครับ" ทั้งสองคนก้มหน้าทานข้าว ที่ชีวิตนี้ไม่เคยได้กินกับข้าวที่อร่อยแบบนี้มาก่อน ป้ามาลัยทำกับข้าวอร่อยมาก
อีกอย่างพวกเขาไม่เคยได้นั่งกินข้าวบนโต๊ะมาก่อน ป้ามาลัยทอดไข่เจียว ตำขนุนกับแคบหมู แกงไก่ใส่หัวปลี มีแต่เนื้อไก่ ไข่เจียวสีเหลืองเพิ่งได้กินครั้งแรก แกงหัวปลีก็อร่อยมากๆ ทั้งสองคนเติมข้าว 2 รอบ ส่วนปู่ทิดเขากินได้เยอะกว่าวันอื่น ๆ เห็นเด็กน้อยที่กำลังซดน้ำแกงและกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่เหลือข้าวสักเม็ดบนจาน ทำให้เขากินข้าวอร่อยตามไปด้วย
"ขอบคุณปู่ทิดนะจ๊ะ เดี๋ยวหนูและน้องเก็บจานไปล้างเอง ปู่ทิดไปพักผ่อนเถอะ"
"ยกไปไว้ในครัวเลย ให้แม่มาลัยทำเถอะ พวกเธอจะไปดูหนังสือไม่ใช่หรือ"
ถ้าให้สองคนนี้ล้างจาน พวกเขาจะยืนถึงอ่างล้างจานหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่พวกเขาคงเคยทำเป็นประจำแล้วมั้ง เขาเห็นข้าวฟ่างเอาเก้าอี้สั้นมาวาง แล้วเธอขึ้นไปยืนเพื่อล้างจาน ไม่นานได้ยินเสียงแม่มาลัยมาร้องห้าม ตามด้วยคม แต่เธอล้างจานเสร็จแล้ว
"สวัสดีจ้ะป้ามาลัย กับข้าวที่ป้าทำอร่อยมากๆ หนูและน้องกินจนหมด ไม่เหลือสักนิดเดียว”
"สวัสดีครับป้ามาลัย พวกเราเพิ่งเคยกินไข่เจียวครั้งแรก มันอร่อยมากๆครับ ขอบคุณนะครับ"
คำพูดและท่าทางใสซื่อจริงใจของเด็กน้อย ทำเอาป้ามาลัยน้ำตาซึม ทำไมนางจะไม่รู้ ความไม่เท่าเทียมที่ผู้ใหญ่ในบ้านนั้นไม่มีให้พ่อแม่ของเด็กๆรวมทั้งพวกเด็กสามคนนี้ เธอได้แต่ยิ้ม จุกจนพูดไม่ออก