ตอนที่ 2 พลังที่มาเหนือธรรมชาติ

2050 Words
ตอนที่2 พลังที่มาเหนือธรรมชาติ "อ้าว....นังหนู..ตาขอโทษลืมไปว่าร่างนี้ยังเล็กอยู่...คงต้องรอให้เธอฟื้นก่อน" "ท่านตาครับทำไมพี่สาวสลบไป" "เฮ้ยย...กุมารถูมิ...ลงมาทำไมนี่" "ก็หนูเป็นห่วงท่านตานี่ครับ...เห็นไหมพอหนูไม่อยู่ ท่านตาก็ทำงานพลาดอีกแล้ว" "เธอแค่สลบไป ฉันใส่คาถาให้เธออยู่" ผ่านไปสัก 3 นาที "ท่านตา นั่นพี่สาวฟื้นแล้ว...พี่สาวสวัสดีครับ ผมชื่อภูมิ เป็นกุมารทองครับ" ‌ "ฮะ กุมารทอง...สวัสดีภูมิ...ท่านตา...แล้วสองคนนี้รู้จักกันเหรอคะ" เธอค่อย ๆลืมตา โอยย...ข้าวฟ่างเอ๋ยสติมา จงตั้งสติไว้ เมื่อกี้เหมือนมีอะไหนักๆ ตกใส่ศีรษะเธอ ท่านตารู้จักกับกุมารทองด้วย สิ่งที่ท่านตาบอกเธอ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไปแล้ว "ไม่ต้องหรอกนังหนูข้าวฟ่าง ตาขอโทษละกัน พอดีลืมไปว่าร่างนี้ยังเด็กอยู่เอาแหละลองหลับตาแล้วตั้งจิตอธิษฐานพูดตามตานะ” เธอลองทำตามที่ท่านตาบอก "จิตนะ ตรนะ ธรนะ ทิมาทานะ ธังมะทะ ท่องไปให้ครบสามรอบแล้ว นังหนูแค่เอ๋ยชื่อคนๆ นั้น เขาก็จะฟังนังหนูและควบคุมจิตเขาได้สมบูรณ์ จำไว้อย่าใช้ซี้ซั้วเด็ดขาด ใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น" "ขอบคุณจ้ะท่านตา...แล้วทำไมมือข้างซ้ายของหนูไปโดนคนอื่น พวกเขารู้สึกว่าเย็นจ้ะท่านตา" "ตากำลังจะบอกเราไง...นังหนูต้องควบคุมสติให้ดี ต้องหาเวลานั่งสมาธิอย่างน้อย1 ชั่วโมงต่อวัน แล้วมือที่เย็นกับจิตที่แข็งแกร่งมันจะควบคุมพึ่งพากันเอง เมื่อไรที่ร่างกายอ่อนแอมากๆ ความเย็นของมันจะแผ่ไปถึงผู้อื่น แต่เธอจะไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ" อ๋อเป็นแบบนี้นี่เอง น้องสมไม่ได้โกหกจริงๆด้วย "มีอะไรสงสัยอีกหรือเปล่า ตาลงมานานแล้ว" "ท่านตาแล้วหนูจะได้เจอท่านตาอีกหรือเปล่าจ้ะ” "แล้วแต่สวรรค์กำหนด ทุกอย่างที่เธอมีจงใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวแล้วถ้ามีโอกาสก็จงช่วยเหลือผู้ที่ถูกกดขี่ ข่มเหง” "หนูจะจำไว้ท่านตา...แต่ท่านตาจ๋า..ข้าวฟ่างอยากให้น้องภูมิมาอยู่ด้วยจังเลย" เด็กน้อยมองเธอด้วยความชื่นชม สายตาที่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มดีใจ "อุบ๊ะ..นังเด็กนี่...ในเมื่อเธอกล้าขอ ตาก็กล้ายกให้...แล้วกุมารถูมิล่ะ อยากอยู่กับเธอหรือเปล่า" "อยากครับท่านตาหนูอยากมีพี่สาว หนูจะเป็นเด็กดี ท่านตาสบายใจได้ครับ หนูจะเป็นที่ปรึกษาให้พี่สาวด้วย" เขาถูกชะตากับพี่สาวคนนี้มาก หรือว่าชาติก่อนเราเป็นพี่น้องกันนะ นี่เป็นความคิดของกุมารภูมิ "งั้นโชคดี ตาคงต้องไปแล้ว...วิ้ง” ทุกอย่างหายไปชั่วพริบตา กลายเป็นว่าตอนนี้เธอนั่งอยู่บนพื้นหญ้า แล้วเริ่มสว่าง "พี่สาวลุกขึ้นเถอะครับ ท่านตาไปแล้ว" กุมารน้อยยื่นมือให้จับ "ขอบใจนะภูมิ แล้วคนอื่น ๆ จะเห็นนายหรือเปล่า” "มีพี่คนเดียวที่เห็นครับ...แต่ถ้าจะให้คนอื่นเห็น ต้องได้รับอนุญาตจากพี่ก่อน" "ดีจังเลย พี่ต้องไปช่วยแม่และพี่ชาย ยังไม่มีเวลานั่งสมาธิแล้วมือข้างนี้ล่ะ" "พี่แค่ระวังไม่ให้ไปโดนสัมผัสใคร พอทำงานเสร็จก็รีบหาเวลานั่งสมาธิเลยครับ" "อื้มมม...ขอบใจนายมาก ไปกันเถอะ" "แม่จ๋า ข้าวมาช่วยแม่แล้ว มีอะไรให้ช่วยบ้างคะ" แม้นางจะทำงานหนัก แต่นางมีความสุขที่ได้ทำงาน แล้วหวังว่าสิ่งที่ทำ พ่อและแม่สามีจะเอ็นดูลูกๆนางบ้าง งานครัวและงานบ้านมีนางกับลูกๆเท่านั้นที่รับผิดชอบ รวมไปถึงซักผ้าให้พ่อแม่ฝ่ายสามี บางครั้งที่ต้องซักให้ครอบครัวพี่ใหญ่และสายใจ น้องสาวคนสุดท้องกับครอบครัวนางด้วย พวกเขาอ้างว่าไม่สบาย สองแม่ลูกจะปฏิเสธก็ไม่ได้ ทุกวันนี้ได้แต่ก้มหน้าทำงานงกๆ กลับมาคราวนี้ข้าวฟ่างจะหาวิธีช่วยแม่ ไม่ต้องซักผ้าให้ป้าสะใภ้และอาสายใจแล้ว "ไม่มีแล้วจ้ะ...วันนี้แม่ทำข้าวต้มกระดูกหมู หนูไปล้างผักชีให้แม่หน่อย” หน้าที่ซื้อของกินเข้ามาในครัว เป็นของอาสายใจน้องสาวพ่อ ฉันแอบเห็นอาสายใจซื้อขนมมาแล้วให้ลูกๆไปกินในห้องนอน ส่วนอาหารที่ซื้อมาแทบจะไม่มีสารอาหารอะไร นานๆครั้งถึงจะได้กินข้าวต้มกระดูกหมู บ้านหลังที่ฉันคุ้นเคย หลังคาบ้านทำด้วยกระเบื้อง จากสภาพแล้วก็บ่งบอกถึงอายุการปลูกสร้าง ตัวบ้านยกสูงประมาณ 2 เมตร แบ่งเป็น 6 ห้องนอน มีห้องครัวจะอยู่ท้ายสุดติดกับห้องนอนพวกเรา เวลาจะกินข้าว ป้าสะใภ้ อาสายใจ ปู่และย่า จะมาตักเอาไปกินที่ห้องใครห้องมัน ที่เหลือก็จะเป็นของครอบครอบครัวฉัน บางครั้งก็เหลือแค่น้ำแกง ฉันกลับมาคราวนี้จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เด็ดขาด "เสร็จแล้ว แม่จะไปถูบ้าน ลูกไปอยู่เป็นเพื่อนน้องเถอะ” "ไม่เป็นไรจ้ะแม่...เดี๋ยวข้าวจะตามแม่ไปด้วย แต่ขอล้างจานก่อน" "งั้นก็ตามใจลูก" ลูกสาวนางตัวเล็กแค่นี้ ตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยงานและพี่ชายเขา บางครั้งนางก็แอบหวังว่า สักวันลูกๆจะได้เรียนหนังสือเหมือนลูก ๆพี่ชายใหญ่และลูก ๆน้องสายใจ แต่วันเวลาผ่านไป ก็ไม่มีวี่แววว่าลูก ๆของนางจะได้เรียนหนังสือ ถ้าสามีกลับมาคราวนี้จะให้เขาไปขอพ่อแม่ให้ลูก ๆได้เข้าเรียนเหมือนคนอื่น อย่างน้อยพวกเขาควรมีความรู้ติดตัว จะได้ไม่โดนหลอก "ภูมิเช้านี้พวกเราอยากกินข้าวอิ่มกันทุกคน ฉันจะขอแบ่งกับข้าวไว้แล้วเอาวางข้างบนจะมีคนเห็นหรือเปล่า" "สบายมากพี่ข้าว ภูมิจะใช้ภาพลวงตาไว้ พี่ตักเสร็จแล้ววางไว้เลย จากนั้นเราออกจากห้องนี้กัน" วันนี้ถึงแม้จะทำงานเสร็จช้าฉันกับแม่ น้องชายและพี่ชายก็จะมีข้าวกินอิ่ม ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันไม่กล้าทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ถึงฉันไม่ทำ พวกเขาก็ไม่เคยเห็นครอบครัวฉันอยู่ในสายตา อาหาที่เก็บไว้ ก็สมควรแล้ว เพราะฉันและครอบครัวต้องทำงานใช้แรงเยอะไม่เหมือนที่พวกเขา กินแล้วก็นอน แม่ขวัญไม่เคยบ่นในหน้าที่เลย ห้องลุงใหญ่ ห้องอาสายใจ และห้องปู่กับย่ากวาดเศษขยะไว้หน้าห้อง แม่ขวัญและฉันจะเป็นคนมาเก็บกวาดนำขยะไปทิ้ง และถูบ้านที่เป็นห้องโถง เอาไว้สำหลับเป็นที่พวกเขานั่งเล่นกัน แต่ครอบครัวฉันไม่เคยมีโอกาสเข้าไปนั่ง ย่าอ้างว่าพวกเขาสกปรก ฉัน พี่ชายและน้องชายจะมีที่ส่วนตัวคือใต้ต้นไม้มะขามเป็นที่นั่งเล่นคุยกัน "แม่จ๋า...หนูไปช่วยพี่ชายก่อนนะจ้ะ” "ยังไหวอยู่ไหมลูก ให้แม่ไปดีกว่าลูกไปอยู่เป็นเพื่อนน้องเถอะ" แม่คงเป็นห่วงน้องสม "ก็ได้จ้ะ...พวกเราจะรอกินข้าวพร้อมแม่และพี่ชาย" นี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง น้ำกินน้ำใช้ครอบครัวฉันเป็นคนรับผิดชอบ ดีที่ทุกคนในบ้านไปอาบน้ำที่ลำธารท้ายหมู่บ้าน ไม่อย่างนั้นครอบครัวฉันคงต้องขนน้ำมาให้ทุกคนด้วย "จ้ะ" ระหว่างที่กลับมาที่ห้อง ป้าสะใภ้และอาสายใจมาตักข้าวแล้ว แต่ละคนถือชามใบใหญ่ นี่ถ้าฉันไม่ตักแบ่งไว้ คงเหลือแค่น้ำแกงที่ให้พวกเขากิน เช้านี้ทุกคนกินข้าวด้วยความอิ่มอร่อย เห็นไม่บ่อยนักที่บ้านหลังนี้จะได้กินเนื้อหมู หรือซุปกระดูกหมู พวกเรานั่งกินข้าวในห้อง ตอนกลางคืนก็จะกลายเป็นที่นอนให้พวกเราทุกคน ตอนเช้าก็เก็บผ้าห่มขึ้นไปวางชั้นบน ส่วนเสื้อผ้าพวกเราจะเก็บไว้ข้างนอกทำที่แขวนไว้ จะเรียกที่อยู่ของสี่แม่ลูกว่ากระท่อมก็ได้ ไม่เหมือนบ้านไม้หลังใหญ่ของปู่ย่าที่อยู่กับป้าสะใภ้และอาสายใจนั้นแบ่งเป็นสัดส่วน "พี่ขวัญแม่ให้มาตาม สมชายด้วยนะ” อาสายใจแวะมาบอกแม่หลังจากที่พวกเรากินข้าวอิ่มแล้ว "เดี๋ยวพี่จะตามไปจ้ะ" อาสายใจเป็นคนสวย แต่จิตใจไม่ได้สวยอย่างภายนอกที่ทุกคนเห็น "หนูขอไปกับแม่ด้วยนะจ้ะ" แม่และพี่ชายมองหน้าฉันด้วยความสงสัย "ปรกติน้องข้าวไม่อยากเจอหน้าย่าและปู่นิครับ" พี่ชายอายุ 12 ปีแล้ว แต่ด้วยความที่ทำงานหนัก เขาดูเหมือนเด็กอายุ 14-15 ปี "นะแม่...พี่ชายให้หนูไปเถอะนะ...หนูจะเป็นเด็กดี" ที่ผ่านมาปู่และย่าไม่ชอบฉัน พี่ชายและน้องชาย ฉันก็เลยพยายามไม่ให้ทั้งสองคนเห็นหน้า แต่การกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมแล้ว "ก็ได้...แล้วไม่ต้องพูดอะไร เหมือนที่ผ่านมา แม่ไม่อยากให้ลูกโดนตี...เข้าใจที่แม่พูดหรือเปล่าข้าวฟ่าง" "หนูจะพยายามจ้ะแม่ ไปค่ะพี่ชายน้องสมอยู่ในห้องนี้พี่จะรีบกลับมานะ" "ครับ...สมจะเล่นในห้องรอพี่กลับมา" "เก่งมากเด็กดี" ฉันเกือบจะเอามือข้างซ้ายลูบหัวน้องชายแล้ว เลยเปลี่ยนมาเป็นมือข้างขวามาลูบศีรษะน้องเบาๆ "ฉันจะให้เธอกับลูกชายไปเอาหาฟืนมา ใกล้จะเข้าหนาวแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็รับผิดชอบหาฟืนซะ ส่วนงานดูแลทำความสะอาดบ้าน ทำเหมือนเดิม ฉันหาคนที่จะมาทำอาหารแทน ให้บัวลอยและสายใจช่วยกัน" เมื่อสามแม่ลูกมาถึงก็ได้รับงานหนักทันที "ย่าให้ลุงใหญ่และอาเขยไปด้วยสิจ้ะ แม่หนูกับพี่ชายสองคน พวกเขาทำไม่ไหวหรอก" ขวัญเรือนรีบจับแขนลูกสาวไว้เบา ๆ เป็นการเตือน เป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่ย่าหลานเจอกัน "อีเด็กเปรตใครใช้ให้แกพูด...ชั้นสั่งอะไร แม่แกก็ต้องทำตามไม่อยากนั้นก็ไสหัวไปจากบ้านชั้นซะ" "ย่า..พวกเราอยู่บ้านเดียวกัน ก็ควรจะช่วยกันสิ" ฉันไม่มีความรู้สึกกลัวหญิงชราหน้าเกลียดคนนี้อีกต่อไปแล้ว…แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าแม่สัมผัสแขน อยากให้หยุดพูด "ใครว่าไม่ช่วย...ลุงใหญ่และอาเขยของแกไปทำงานเพื่อจะหาค่าเทอมให้ลูกเขา หน้าที่นี่ก็เป็นของพวกแกก็ถูกแล้วย่ะ" ย่าจะปกป้องลุงใหญ่และอาเขยเสมอมา "เอะอะอะไรกันแต่เช้าแม่สมร...แล้วมานั่งรวมกันที่นี่ทำไม?” คนที่เดินออกมาคือ ชายชราที่ใจร้ายที่สุด "ก็นังเด็กเปรตนี้สิ ฉันใช้แม่มันกับพี่ชายมันไปเก็บฟืน แต่มันไม่ยอม" นางสมรถอนหายใจ ทำสีหน้าเบื่อหน่ายสามแม่ลูกเต็มทน "พวกแกเลือกเอาว่าจะอยู่ที่นี่หรือจะไปเก็บฟืน...ไปสิ..รกหูรกตาชะมัด" เป็นปู่ ที่นางไม่มีความเคารพนับถืออีกเลยหลังจากฟื้นขึ้นมา อาจเป็นเพราะนางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…แล้าเขาใจร้ายแค่ไหน… กำจรอายุ 60 แล้ว เขาไม่ชอบหน้าลูกสะใภ้คนนี้รวมทั้งลูกๆเธออีกสามคน ถ้าไม่ใช่เพราะสมบัติส่งเงินมาให้ใช้ตลอด เขาจะไม่เก็บสี่แม่ลูกไว้ให้อยู่ในบ้านแน่นนอน …………
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD