วันต่อมา...
แตงกวาตื่นนอนในตอนเช้ากดโทรศัพท์ไปขอลางานจากผู้จัดการด้วยเหตุผลลาป่วยแบบกะทันหัน เธอข้อมือเคล็ดหมอให้พักเป็นอาทิตย์เธอจึงขอลางานสักสองสามวัน ถ้าอาการพอดีขึ้นบ้างจะไปทำงานต่อ
"แตงกวาขออนุญาตลางานนะคะผู้จัดการ ข้อมือเคล็ดกะทันหันมีใบรับรองแพทย์ด้วยค่ะ ถ้าสองสามวันนี้ดีขึ้นแตงกวาจะรีบไปทำงานนะคะ"
(ไม่เป็นอะไรพักให้หายก่อน งานเราไม่มีอะไรแล้วนี่ใช่มั้ย)
"ค่ะ หนูทำเสร็จหมดแล้วค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ"
(ขอโทษทำไมไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก เอาเป็นว่าถ้าหายดีเมื่อไหร่ค่อยมา เรื่องงานเดี๋ยวให้คนอื่นทำไปก่อน)
"ขอบคุณค่ะ"
เธอกดวางสายก่อนจะเดินเข้ามาหาเพื่อนในห้องนอน ก่อนหน้านี้เธอโทรศัพท์ไปบอกคุณแม่แล้วว่าจะค้างบ้านเพื่อนสักพักหนึ่งก่อนแต่ยังไม่ได้บอกเรื่องข้อมือที่เจ็บ ตอนแรกจะไปเปิดโรงแรมนอนแต่ฟ้าใสบอกว่าให้อยู่ที่นี่สบายกว่าเยอะเลย
"ลางานยัง"
"อื้ม ลาแล้วจ้ะ ขอบคุณมากนะฟ้าใสที่ให้มาอยู่ด้วย"
ฟ้าใสยิ้มออกมาก่อนจะมองหน้าเพื่อนอย่างเป็นห่วง เรื่องข้อมือที่เจ็บต้องเกี่ยวข้องกับคุณณภัทรแน่นอนเลย แต่แตงกวาก็เป็นคนแบบนี้แหละเขาทำให้เจ็บมากขนาดไหนเธอก็เลือกที่จะไม่พูดถึงแถมยังคอยปกป้องเขาตลอด ไม่รู้ว่ารักเค้ามากหรือแค่รู้สึกผิด
"กินข้าวมั้ยสั่งออนไลน์มากินเอา"
"เอาสิ กี่บาทก็บอกนะเราเลี้ยงเอง"
ฟ้าใสส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นมาหยีผมเพื่อนเล่นอย่างหมั่นไส้ พวกคนดีนี่มันน่ารำคาญชะมัด เฮ้อ!
"ไม่ต้องยะ หารกันนั่นแหละ"
แตงกวามองตามเพื่อนไปก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วหันไปดูหน้าจอโทรศัพท์ที่มีเบอร์ของคุณณภัทรโทรเข้ามา ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วจนถึงตอนนี้เขายังพยายามโทรหาเธออยู่ ตอนนี้ไม่อยากจะคุยกับเขาไม่อย่างนั้นคงไม่พ้นทะเลาะกันอีก ให้เวลามันผ่านไปปล่อยให้เราสองคนใจเย็นกันก่อน ถึงตอนนั้นคงจะคุยกันรู้เรื่อง
ทางด้านของณภัทรจะว่าเขาไม่ได้นอนเลยก็ว่าได้เพราะจนถึงตอนนี้เขายังหาแตงกวาไม่เจอเลย เขาตัดสินใจกลับมาที่บ้านเพื่อหาคำตอบจากคนเป็นแม่ ยังไงลูกก็ต้องบอกแม่ไม่มีทางที่จะไม่รู้เด็ดขาด
คุณพิมพากับคุณณรงค์นั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขก ลูกสาวของเธอโทรมาขออนุญาตค้างที่บ้านเพื่อนหลายวันแต่ไม่ยอมบอกว่าเพื่อนคนไหน เธอดูยังไงก็แปลกมากปกติแตงกวาไม่ค้างที่อื่นอีกอย่างคุณณภัทรหวงลูกเธออย่างกับอะไร ไม่มีทางปล่อยไปค้างที่อื่นแน่มันต้องมีอะไรสักอย่าง
"หนูแตงกวาทำไมถึงไปค้างบ้านเพื่อนล่ะ ไหนคุณบอกว่าอยู่กับเจ้าณภัทรไง"
"ฉันว่าคุณลองถามลูกตัวเองเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันไม่ยอมแล้วนะคะ ลูกชายคุณเอาเปรียบแตงกวาเยอะไปแล้ว ปกติลูกสาวพิมไม่เคยไปค้างที่อื่นนี่มันผิดปกติ แล้วเมื่อคืนสองคนนั้นไปค้างคอนโดด้วยกันเช้ามายัยแตงกวาไปอยู่บ้านเพื่อนมันไม่ใช่เรื่องดีแล้ว"
คุณพิมพาเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ เธอทนมามากแล้วและถ้าครั้งนี้เขาทำอะไรลูกสาวเธออีกจะไม่ยอมแน่
"ใจเย็นก่อนคุณพิม ผมจะคุยกับเจ้าณภัทรเรื่องนี้เอง"
คุณณรงค์เอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ลูกชายรังแกหนูแตงกวามาตลอดเพราะคิดว่าวันหนึ่งเขาจะคิดได้แต่ดูนานวันเขาไม่มีทางคิดได้เลย
"น้าพิมแตงกวาโทรมาหารึเปล่า"
ณภัทรมาถึงก็เอ่ยถามทันที คุณพิมพาหันไปมองหาคุณณรงค์ก่อนจะเงียบไปไม่ตอบอะไรเพราะอยากให้คนเป็นพ่อจัดการเอง
"น้องไปค้างบ้านเพื่อนคงไม่กลับ มีอะไรรึเปล่า"
"งั้นบอกผมมาว่าค้างบ้านเพื่อนคนไหน"
"พอเถอะคุณณภัทร ไม่ต้องไปตามหาหรอกปล่อยน้องอยู่กับเพื่อนบ้าง ถ้าสบายใจคงกลับมาเองแหละแต่ถ้าไม่สบายใจคงจะอยู่ข้างนอกยาวๆล่ะมั่ง"
คุณพิมพาเอ่ยแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปทันที ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะให้แตงกวาไปอยู่ที่อื่นให้รู้แล้วรู้รอดเลย เขาจะได้รู้สึกบ้างว่าสิ่งที่ทำอยู่มันเลวร้ายขนาดไหนกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
"ผมไม่ยอมยังไงผมก็จะตามกลับมา"
"พอแล้วณภัทร"
คนเป็นพ่อเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยใจ มันจะอะไรนักหนากับผู้หญิงคนเดียว จะรักก็ไม่รักจะปล่อยก็ไม่ปล่อยจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน
"ตกลงว่าแตงกวาอยู่กับเพื่อนคนไหนพ่อ"
"ไม่รู้โว๊ย แกหัดเกรงใจคุณพิมพาบ้างอย่างน้อยก็ในสถานะคุณแม่ของหนูแตงกวา ทำอะไรลูกเค้าก็เห็นหัวแม่เค้าหน่อย เดี๋ยวพากลับไปส่งให้พ่อเค้าเลยนี่"
"พ่อว่าอะไรนะ"
เขามองหน้าพ่ออย่างสงสัย คุณณรงค์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเอ่ยตัดบทแล้วเดินหนีไปทันที
"ระวังจะเสียขอรักไปเพราะนิสัยแบบนี้ของแกเอง เตือนแล้วนะ"
คนเป็นพ่อส่ายหน้าอย่างปลงๆก่อนจะเดินออกไปทันที เขาสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะเดินออกไปทันทีแล้วให้ลูกน้องออกไปตามหาที่บ้านเพื่อนของแตงกวาทุกที่ ยังไงก็ต้องเจอกล้ามากเลยนะที่ออกมาจากคอนโดของเขาแถมยังไม่กลับบ้านอีก ชักจะเกเรใหญ่แล้วกลับมาจะลงโทษให้เข็ด
"ดราฟนายไปตามหาที่บ้านเพื่อนของแตงกวาทุกที่ หาให้เจอยังไงก็ต้องเจอ"
(ครับนาย)
เขากดวางโทรศัพท์ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าแตงกวาต้องไปทำงานอยู่แล้วนี่นา จึงตัดสินใจขึ้นไปเปลี่ยนชุดในห้องนอนก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถแล้วเดินทางไปที่โชว์รูมทันที เมื่อมาถึงก็สั่งให้เลขาไปเรียกแตงกวามาหาเขาที่ห้องทำงาน ไม่นานเธอก็เดินกลับมาหาพร้อมกับคำตอบที่ทำให้เขาอึ้งไป
"ผู้จัดการแผนกบอกว่าคุณแตงกวาลาป่วยค่ะ เห็นว่าข้อมือเคล็ดไม่สามารถทำงานได้"
"ข้อมือเคล็ดอย่างนั้นเหรอ"
เขานิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด เมื่อวานเขาโกรธที่เธอยุ่งกับโทรศัพท์จึงปัดมือเธอออก อย่าบอกนะว่าเขาทำรุนแรงไปจนเธอเจ็บข้อมืออ่ะ
"อะไรวะบอบบางชะมัดทำเบาๆเอง"
เขาทุบโต๊ะทำงานอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันไปมองเลขาที่เหมือนจะสะดุ้งกับการกระทำของเขา
"ออกไปได้ล่ะ"
"ค่ะท่านประธาน"
เลขารีบเดินออกไปทันทีไม่ว่าใครก็ไม่อยากอยู่ใกล้เขาในเวลาที่มีอารมณ์โกรธแบบนี้ ณภัทรกุมขมับตัวเองด้วยความเครียดหนัก นี่เขาทำแรงกับเธอไปอย่างนั้นเหรอ ไม่สิใครใช้ให้อ่อนแอเองล่ะ...ช่วยไม่ได้