ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา ถือว่าวันนี้ลี่หรูมีใบหน้าที่สดใสมากกว่าทุกวัน
"เจ้าจะไปที่ใดกัน" แม่ทัพใหญ่เหลียนซูฉี จ้องมองไปที่ใบหน้าของน้องสาวสุดที่รักอย่างจริงจัง ถึงแม้นว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ นางจะมิได้ร้องไห้ออกมาให้กับพวกเขาได้เห็น แต่เขาก็รับรู้ได้ว่านางยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ในใจของนาง การที่นางเอ่ยปากด้วยตนเองว่าต้องการจะออกไปข้างนอก ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีสำหรับเขา เพราะมันเหมือนกับว่า นางเริ่มปรับตัวกับความเจ็บปวดนั้นได้แล้ว
"ข้าจะขอไปตรวจดูกิจการ ของตระกูลสักหน่อย เพราะว่าไม่ได้ออกไปดูนานแล้ว เผื่อว่ามีปัญหาอันใดจะได้รีบแก้ไขได้ทันที"
"อืม…ดีแล้ว ออกไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง จะได้รู้สึกดีขึ้น เมื่อพี่เสร็จธุระที่ค่ายทหารแล้ว จะตามไปรับมื้อกลางวันกับเจ้าที่โรงเตี๊ยมหนิงเจี้ยนของเราก็แล้วกัน"
โรงเตี๊ยมหนิงเจี้ยนถือเป็นหนึ่งในกิจการของตระกูลเหลียน ที่ลี่หรูเป็นผู้บริหารจัดการทั้งหมดด้วยตนเอง นางใช้ความรู้สมัยใหม่ที่มีมาพัฒนาปรับปรุงจนโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง และรสชาติอาหารที่แปลกประหลาดและเลิศรส กอปรกับบรรยากาศ ที่ถูกตกแต่งออกมาให้แตกต่างจากโรงเตี๊ยมแห่งอื่น จึงทำให้มีผู้ตบเท้าเข้ามาอย่างล้นหลาม ซึ่งโรงเตี๊ยมหนิงเจี้ยนแห่งนี้ ถือเป็นเพียงหนึ่งในกิจการที่อยู่ในความดูแลของลี่หรูที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่ยังมีกิจการอีกมากมายที่นางดูแลจัดการจนสามารถทำกำไรให้กับตระกูลจนสามารถสร้างชื่อเสียงไปทั่วแคว้นอีกหลายกิจการ
ซึ่งทักษะความรู้ความสามารถที่แปลกประหลาดของนาง ยังความแปลกใจมาให้กับคนในตระกูลเป็นอย่างมาก ก็ในเมื่อพวกเขาเลี้ยงนางมาอย่างกับไข่ในหิน เช่นนี้แล้วนางจะเอาความรู้ความสามารถพวกนี้มาจากที่ใด เมื่อถูกซักไซร้มากเข้านางจึงไม่สามารถทนเก็บมันไว้อีกต่อไป
นางจึงได้เล่าความเป็นจริงทั้งหมดให้กับบุคคลในครอบครัวได้ฟัง ตั้งแต่นางอายุได้สิบหนาว หลังจากที่พวกเขาได้รับรู้ความจริงทั้งหมด ก็ให้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก จนแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ฟัง
แต่พวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธทักษะความสามารถที่นางมีได้จริงๆ สวรรค์คงจะเมตตาประทานความทรงจำนี้มาให้กับนางตั้งแต่แรกเกิดเพื่อที่จะให้นางได้นำความรู้นี้มาใช้ในภพนี้ก็เป็นได้
ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ มีเพียงคนในครอบครัวของนางเท่านั้นที่รับรู้ พวกเขาจึงได้ไว้ใจให้นางดูแลกิจการของตระกูลทั้งหมด และผลงานของนางนั้นประจักษ์แก่สายตาของทุกคนเป็นอย่างดี…
….
โฉมสะคราญ ใบหน้างดงามล่มเมืองล่มแคว้น ที่นั่งอยู่บนชั้น 2 ของโรงเตี๊ยมหนิงเจี้ยนในตอนนี้ดึงดูดสายตาของผู้ที่ผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี ถึงแม้นว่าใบหน้าของนางจะดูเศร้าหมอง แต่ก็ไม่สามารถบดบังความงามของนางได้เลยแม้แต่น้อย
ลี่หรูนางเลือกที่จะนั่งชมบรรยากาศภายนอกเพียงลำพัง ภายในโรงเตี๊ยมของนางเอง ผู้คนที่สัญจรไปมาในละแวกนั้นไม่สามารถดึงดูดให้นางหันมาสนใจได้เลย นางกำลังจมอยู่ในภวังค์ของตัวเอง
"เปิ่นหวางก็นึกว่าเป็นสตรีโฉมงามจากตระกูลใด ที่แท้ก็คุณหนูเหลียนลี่หรูผู้ไม่เหมือนสตรีใดในใต้หล้านี่เอง"
เพียงได้ยินถ้อยคำจิกกัดนั้น ลี่หรูถึงกับคิ้วกระตุกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ บุรุษผู้นี้จะมีสักครั้งหรือไม่ ที่เมื่อพบเจอหน้านางแล้ว จะไม่กล่าววาจาหาเรื่องนางเช่นนี้
ลี่หรูจึงหันไปทำความเคารพบุรุษสูงศักดิ์ผู้นั้นตามมารยาท ถึงแม้นว่านางจะรู้สึกเกลียดขี้หน้าบุรุษผู้นี้มากเพียงใด แต่นางก็ไม่สามารถแสดงมันออกไปได้ เพียงแค่เก็บไว้ในใจเพียงเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรเขาก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์ชายของแคว้นนี้
แต่เมื่อหันไปตามทิศทางของเสียงนั้น นางก็พบว่าเขาไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่ยังมีองค์รัชทายาทเหวินเฟยฉีที่มากับเขาด้วย
"ถวายพระพรองค์รัชทายาทและองค์ชาย 9 เพคะ"
"ตามสบายเถิด เปิ่นไท่จื่อเพียงมาเปลี่ยนบรรยากาศนอกตำหนักเพียงเท่านั้น เพราะได้ยินชื่อเสียงที่ ร่ำลือกันหนาหูเกี่ยวกับโรงเตี๊ยมหนิงเจี้ยนแห่งนี้ จึงต้องการจะมาเห็นด้วยตาตนเองสักครั้ง ในเมื่อวันนี้ได้มาพบกับคุณหนูเหลียน ที่เป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีของเปิ่นไท่จื่อ ที่จะได้ให้เจ้าช่วยแนะนำสถานที่ด้วยตนเอง คงไม่เป็นการรบกวนคุณหนูเหลียนมากจนเกินไป"
กล่าวเสร็จองค์รัชทายาทก็นั่งลงข้างๆ นาง โดยที่ไม่รอให้นางตอบรับหรือปฏิเสธตนเลยแม้แต่น้อย มิเพียงเท่านั้น เขายังฉวยโอกาสหยิบจอกสุราของนางมาดื่มอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจเลยว่าการกระทำเช่นนี้นั้นถือเป็นการ ไม่สมควรอย่างยิ่ง
นั่นมิเท่ากับว่า
เขาถือโอกาสจูบนางทางอ้อมเช่นนั้นหรือ? ...
องค์รัชทายาทผู้นี้บ้าไปแล้วหรืออย่างไร
ภายใต้การกระทำที่เหนือความคาดหมายของบุรุษสูงศักดิ์ผู้นี้มิเพียงแค่ลี่หรูเท่านั้นที่ตกใจ จนตาจะถลนออกมาจากเบ้า แม้แต่องค์ชาย 9 เหวินลี่หยางเอง ก็แทบจะทำพัดในมือของตนเองหล่นลงพื้นเช่นกัน เพราะไม่คาดคิดว่าพระเชษฐาของตนจะกล้าทำเช่นนั้นต่อหน้าสาธารณชน โดยไม่กลัวซึ่งคำครหา หากมีผู้อื่นพบเห็นเข้าเช่นนี้
"เอ่อ... องค์รัชทายาทนั่นมันจอกสุราของหม่อมฉันนะเพคะ"
"อืม...ช่างหวานนัก".
แต่แทนที่เขาจะตอบคำถามนั้นของนาง เขากลับกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาอย่างหน้าไม่อาย และในคำกล่าวของเขานั้นหมายความว่าเช่นไร อะไรที่ว่าหวานนัก...
รสสุราหรือจอกชาของนาง?
"เอ่อ… สุราของที่นี่ช่างเลิศรสสมกับเป็นโรงเตี๊ยมอันดับ 1 ของเมืองหลวงใช่หรือไม่เสด็จพี่"
องค์ชายเก้าเหวินลี่หยางรีบกล่าวแก้สถานการณ์อันน่าอึดอัดใจนี้
"บรรยากาศของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ดูแล้วชวนให้รู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก"
ยังไม่ทันที่ความข้องใจในของนาง จะได้รับความกระจ่าง ลี่หรูก็ต้องมาข้องใจกับประโยคนี้ของเขาอีกครั้ง
รู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศในโรงเตี๊ยมแห่งนี้เช่นนั้นหรือ จะเป็นไปได้เช่นไรเล่า ในเมื่อการตกแต่งโรงเตี๊ยมแห่งนี้ นางได้ตกแต่งขึ้นมาโดยอาศัยความรู้สมัยใหม่ ที่ใช้ในภพเก่าของนางก่อนที่จะมาเกิดยังภพนี้
หากให้คิดตามคำพูดนี้ของเขา นั่นมันหมายความว่า เขาเคยพบ เห็นบรรยากาศเช่นนี้มาก่อนเช่นนั้นหรือ? ...
ทั้งกระจกใสที่นางคิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยอาศัยความรู้ของโลกสมียใหม่ ที่จัดทำขึ้นมาเพื่อนำมาใช้ตกแต่งให้โรงเตี้ยมของนางแตกต่างออกไปจากโรงเตี้ยมแห่งอื่น กอปรกับบรรยากาศร่มรื่นโดยยึดหลักธรรมชาติเป็นหลักเช่นนี้ ห้องแบ่งแยกห้องส่วนตัวอย่างชัดเจน และยังดนตรีบรรเลง เพลงคลาสสิคซึ่งเป็นดนตรีสมัยใหม่ ที่นางได้สอนให้กับนักดนตรีของนางได้บรรเลง เพื่อสร้างบรรยากาศให้กับโรงเตี๊ยมของนาง ยิ่งทำให้โรงเตี๊ยมของนางได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก แล้วอย่างนี้เขาจะคุ้นเคยกับมันได้เช่นไร?
มันจะเป็นไปได้เช่นไรกันเล่ามันคงไม่ใช่อย่างที่นางคิดหรอกนะ..
เขามาจากสถานที่เดียวกันกับนางเช่นนั้นหรือ…? เป็นไปไม่ได้หรอกจริงหรือไม่…
ในขณะที่ลี่หรูทำสีหน้าท่าทางตกใจ เมื่อได้ยินคำกล่าวนั้นของบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้า นัยน์ตาคมของเหวินเฟยฉีหรี่ลง เพื่อที่จะสังเกตท่าทีของนางอย่างละเอียดเช่นกัน ซึ่งเมื่อเห็นว่าสตรีตรงหน้าทำสีหน้าท่าทางตกใจเช่นนั้น เขาก็ให้ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ
เป็นอย่างที่เขาคิดไม่ผิดแน่…