หลังจากเดินทางกลับมาจากประเทศเยอรมนี ภัทรเข้าไปจัดการเรื่องการลาออกจากมหาวิทยาลัยให้กับลูกสาว บิดาของแองจี้มีใบหน้าที่หล่อเหลาคมเข้ม ซึ่งลูกสาวก็ถอดแบบความคมคายของใบหน้า มาจากบิดาได้อย่างลงตัว มองในบางมุมสองคนพ่อลูกจึงมีส่วนคล้ายคลึงกันอยู่มาก
ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ถึงจะมีอายุเกือบ50ปีแล้ว แต่กล้ามเนื้อของเขายังกระชับแน่นทุกสัดส่วน เพราะหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ วันนี้เขาแต่งกายด้วยชุทสูทลำลอง เพราะมาติดต่อธุระที่สถานศึกษา ด้วยบุคลิกภาพที่สมาร์ทและมีใบหน้าที่หล่อเหลา จึงถูกเหล่านักศึกษาในคณะบริหารธุรกิจจ้องมองด้วยความสนใจ
“ใครกันเห็นมาขอพบอาจารย์กรรชัย อาจารย์ที่ปรึกษาของพวกน้องๆปีหนึ่ง สาขาการตลาด”
ที่โต๊ะที่นั่งประจำของเหล่านักศึกษาปริญญาโท สาขาการตลาด ต่างจ้องมองไปที่บุรุษวัยกลางคนผู้หล่อเหลา ทรงแดดดี้ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในยุคนี้ บรรดาสาวๆต่างจ้องมองด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มชวนฝัน
“หน้าคุ้นๆอยู่นะ เหมือนใครสักคนที่เคยรู้จัก”
นักศึกษาชายคนหนึ่งพูดขึ้น เมื่อรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายวัยกลางคน ที่สาวๆกำลังแอบชื่นชมในความสมาร์ทสมวัย
“สงสัยมากก็ไปถามอาจารย์กรรชัยเสียสิ พวกแกจะมานั่งนินทาเขาทำไมกันเสียมารยาท”
กองทัพเอ่ยปรามเพื่อนๆ ที่มาเรียนปริญญาโทด้วยกันทั้งชายและหญิง เวลามานั่งรวมกลุ่มกันทีไร ก็สรรหาแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องมาพูดคุยกัน อย่างตอนนี้ก็แอบนินทาคนอื่นจนเสียงดังให้เจ้าตัวเขาได้ยิน สังเกตได้จากผู้ชายคนนั้น กำลังหันมามองที่กลุ่มของพวกเขา
“พวกฉันแค่พูดถึงเว้ย ไม่ได้นินทา”
เพื่อนๆต่างพูดแก้ต่างให้ตัวเอง เพราะพวกเขาพูดถึงด้วยความรู้สึกชื่นชม จะเรียกว่านินทาได้อย่างไร
“ฉันนึกออกแล้วว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาเหมือนกับใคร”
เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งของกลุ่ม ที่มีความจำเป็นเลิศเพราะมีไอคิวที่สูง เขาพูดออกมาเสียงดังเมื่อจดจำได้ว่าใบหน้าแบบนี้เคยพบเห็นที่ไหน
“ใคร!!!”
เพื่อนๆต่างหันไปรอฟังว่า เพื่อนผู้ที่มีความจำดีที่สุดในกลุ่ม นึกออกว่าผู้ชายรูปหล่อที่กำลังทำให้สาวๆในคณะเสียอาการ มีหน้าตาเหมือนกับใคร
“พวกแกจำน้องแองจี้ อดีตดาวคณะปี1ได้ไหม ที่น้องทำเรื่องพักการเรียนไปเมื่อ3ปีที่แล้ว ผู้ชายรูปหล่อคนนั้นหน้าตาคล้ายน้องแองจี้คนสวยนั่นแหละ”
“เออ พอแกพูดก็ฉันก็มองเห็นว่าคล้ายเลย”
เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น เพราะเธอคลุกคลีอยู่กับการประกวดดาวเดือนของคณะ จึงจดจำใบหน้าของน้องปี1ที่สวยที่สุดได้
กองทัพรีบลุกเดินออกไปทันที เมื่อได้ยินชื่อของผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืมเธอเลย จุดหมายปลายทางของเขาคือห้องพักอาจารย์กรรชัย อาจารย์ที่มีศักดิ์เป็นคุณอาของเขานั่นเอง
ก๊อก! ก๊อก!
“เชิญ อ้าวกองทัพ มีอะไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าตาตื่นแบบนั้น”
“อาชัยครับ ผู้ชายที่สวมสูทลำลอง ตัวสูงๆหน้าตาดีๆที่เข้ามาพบอาชัยที่ห้องทำงานเมื่อสักครู่ เขาเป็นใครหรือครับแล้วมาทำอะไร”
กองทัพสอบถามออกไปด้วยน้ำเสียงร้อนรน เพราะความร้อนใจอยากรู้ความจริง ที่ติดอยู่ในใจของเขามาถึง3ปี
“อ้อ พ่อเลี้ยงภัทร เจ้าของไร่ชาศิริภัทรที่เชียงใหม่ ไร่ชาอันดับหนึ่งของประเทศ เขามาทำเรื่องลาออกจากมหาวิทยาลัยให้ลูกสาวของเขา”
“ลูกสาวของเขาชื่ออะไรครับ เพราะหน้าตาของเขาเหมือนคนที่ผมรู้จัก แต่เธอเงียบหายไป3ปีแล้ว”
“ชื่อ ภัทริตา ศิริภัทร หรือแองจี้ นักศึกษาปี1 สาขาการตลาด อาเคยเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ คุณภัทรจึงแวะมาแจ้งข่าวว่าได้มาทำเรื่องลาออกให้ลูกสาวแล้ว”
“แองจี้เป็นน้องรหัสปี1ของผม อยู่ดีๆเธอก็ขอพักการเรียนและเงียบหายไปเลย วันนี้ผมเจอคุณอาคนนั้นหน้าคล้ายแองจี้ จึงรีบมาถามให้แน่ใจครับ เพราะสงสัยไม่หายว่าเธอหายไปไหน ทำไมไม่กลับมาเรียนต่อ”
“อ้อ!! แบบนี้นี่เอง แองจี้มีปัญหาเรื่องสุขภาพเลยทำเรื่องพักการเรียน เพื่อไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ เพราะโรงพยาบาลในประเทศไทยไม่รับเคสผ่าตัดของเธอ”
“เธอป่วยเป็นอะไรครับ ทำไมไม่มีใครรู้เลย แล้วร้ายแรงถึงขั้นต้องไปผ่าตัดที่ต่างประเทศเลยหรือครับ”
“เธอป่วยด้วยอาการเนื้องอกในสมอง อยู่ในขั้นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ผ่าตัดก็อยู่ได้เพียง1ปี แองจี้นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลที่ประเทศเยอรมนีถึง3ปีเต็ม แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว เธอจึงอยากเรียนต่อที่นู่นเลย เพราะจำอะไรที่ไทยไม่ค่อยได้อยู่แล้ว”
“ป่วยหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และตอนนี้ก็จำอะไรไม่ค่อยได้หรือครับ”
กองทัพสอบถามออกไปด้วยน้ำเสียงตกใจ เพราะผู้หญิงที่เขาคิดถึงอยู่ทุกวัน เกือบเสียชีวิตจากอาการป่วย โดยที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“เนื้องอกในสมองทำให้แองจี้จดจำบางอย่างไม่ได้ ต้องค่อยๆเรียนรู้ใหม่ เธอเลยขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ คุณภัทรเลยมาจัดการธุระเรื่องลาออกให้ลูกสาวของเขา”
กองทัพถึงกับเข่าอ่อนเมื่อได้รู้ความจริงว่า ทำไมน้องรหัสของเขาจึงจากไปโดยไม่ร่ำลาใครเลย ในวันที่มีกินเลี้ยงสายรหัสทุกชั้นปี เธอก็คงรู้ตัวว่ามีอาการป่วยแล้ว จึงได้รีบเดินทางกลับบ้านจนไม่ได้อ่านข่าวสารในกลุ่ม แต่เขากลับพูดกดดันให้เธอมาร่วมงานเลี้ยง จนเกือบถูกผู้หญิงจอมเสแสร้งทำร้าย
ตั้งแต่ได้รู้ความจริงเรื่องที่ชลลี่ให้ร้ายแองจี้ กองทัพก็ถอยห่างจากเพื่อนคนนี้ จนปัจจุบันก็ไม่ได้พบปะพูดคุยกันแล้ว เพราะต่างก็เรียนจบระดับปริญญาตรี กองทัพพึ่งมาเรียนต่อระดับปริญญาโทเมื่อปีที่แล้ว เพราะก่อนหน้านั้นเขาไปฝึกงานกับพี่ชายในบริษัทของครอบครัว
5ปี ต่อมา
ร่างเพรียวระหง ทว่าอวบอัดไปทั้งตัวเดินเข้ามาในโรงพยาบาลธารนินท์ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดที่พักของเธอ
แองจี้พึ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากเรียนจบระดับปริญญาโท และบุคคลแรกที่เธอเปิดอ่านเจอในไดอารี่ แล้วอยากมาแสดงความขอบคุณก็คืออาจารย์หมอ ที่ส่งเคสผ่าตัดของเธอให้เพื่อนของเขา ทั้งยังช่วยพูดให้คุณหมอไมเคิลรับเคสที่ยุ่งยากที่สุด จนเธอได้รับการผ่าตัดและมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้
“ติดต่อขอพบคุณหมอชาญชัย แผนกโรคเกี่ยวกับสมองค่ะ”
น้ำเสียงหวานๆแจ้งกับประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล จนคุณหมอหนุ่มที่ยืนเขียนแผนงานอยู่บริเวณเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง เพราะรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียงหวานๆแบบนี้
“น้องแองจี้ ไม่เจอกันนานหลายปีเลยนะครับ”
น้ำเสียงดีใจดังมาจากผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ แองจี้จึงหันไปมองแต่ก็จดจำเขาไม่ได้
“เอ่อ เราสองคนเคยรู้จักกันหรือคะ ขอโทษนะคะคุณชื่ออะไร พอดีฉันมีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำนิดหน่อย”
แองจี้กล่าวออกไปด้วยความสัตย์จริง แววตาของเธอแสดงออกชัดเจนว่าจดจำเขาไม่ได้ และมีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำจริงๆ
“อ้อ ผมชื่อชานนท์ครับ เราเคยรู้จักกันที่ร้านอาหารที่ผมเป็นหุ้นส่วน และอาชีพหลักของผมก็เป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้”
ชานนท์รีบแนะนำตัวเองใหม่อีกรอบ จำเขาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะนับจากวันนี้เขาจะเดินหน้าทำความรู้จักกับเธอเอง
“ชานนท์หรือคะ”
แองจี้รีบหยิบไดอารี่เล่มเล็กๆขึ้นมาเปิดอ่าน เผื่อจะมีข้อมูลของคุณหมอคนนี้เขียนไว้บ้าง ดวงตากลมโตกวาดสายตาอ่านเหตุการณ์เกี่ยวกับการกินเลี้ยง เพราะจดจำได้ว่าเคยจดบันทึกไว้อย่างละเอียด
ในสมุดจดไดอารี่ของแองจี้ ได้เขียนชื่อผู้ชายที่ชื่อชานนท์ไว้จริงๆ ใบหน้าสวยหวานแย้มยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เมื่อได้พบเจอผู้มีพระคุณของเธอ ในวันที่ถูกปรักปรำว่าทำร้ายรุ่นพี่
“พี่ชานนท์ที่ช่วยแองจี้ไว้ ในวันที่ไปกินเลี้ยงสายรหัสเมื่อ8ปีที่แล้วใช่ไหมคะ”
“เอ่อ ไม่ขนาดนั้นครับพี่แค่ช่วยเป็นพยานเล็กน้อย”
ชานนท์ถือโอกาสแทนตัวเองด้วยความสนิทสนม กับผู้หญิงที่ยังอยู่ในความทรงจำของเขา ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานถึง8ปีแล้วก็ตาม เพราะเขาไม่เคยลืมใบหน้าสวยหวานนี้เลย ทั้งยังสืบหาข่าวของเธอมาโดยตลอด แต่ก็คว้าน้ำเหลวทุกครั้ง ไม่นึกว่าการมาทำงานในวันนี้ จะทำให้เขาได้พบเจอกับเธออีกครั้ง