เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาเจียนออกมา ก่อนจะเดินไปล้างปากที่ซิงก์ล้างหน้าเห็นสภาพตัวเองแล้ว หน้าเธอบวมปากบวม แถมมีผื่นขึ้นอีก
เดินออกไปที่กระเป๋าค้นหาหลอดยา Epipen สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง เพื่อใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อต้นขา เธอจัดการปลดกระดุมกางเกงแล้วถอดมันออกต่อหน้าคุณานนต์ เอนตัวนอนราบไปกับที่เตียง
“คุณจะทำอะไร ผมว่าอาการคุณไม่ดีแล้วล่ะ ผมจะพาคุณไปหาหมอ” คุณานนต์ที่ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร ได้แต่ยืนงงทำอะไรไม่ถูก เพราะอาการเธอดูเหมือนไม่สบายมาก จากที่นั่งคุยกันอยู่ดีๆ หน้าเธอก็หน้าบวมเห่อขึ้นมา แล้วก็ได้ยินเธอหายใจเสียงดังผิดปกติ
“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวก็หาย” เธอชันเข่าขึ้น ก่อนจะพยายามดึงพลาสติกออกจากหลอดอีพีเพ็น แต่เพราะไม่ค่อยมีแรงจึงไม่สามารถแกะออกได้
“ทำยังไงผมช่วย นี้มันคืออะไรเหรอ”
“แกะพลาสติกออกให้หน่อยค่ะ แล้วดึงตัวล็อกสีน้ำเงินออกให้ด้วยค่ะ”
“เสร็จแล้ว” คุณานนต์ยื่นคืนให้เธอ
เธอรับมาก่อนจะกดลงไปที่ต้นขาแช่ทิ้งไว้สักพัก ก่อนจะนวดตามลงไป แล้วเธอทิ้งหลอดอีพีเพ็นลงกับเตียงอย่างหมดแรง
“คุณเป็นยังไงบ้างไปโรงพยาบาลดีกว่าไหม อยู่กับหมอจะปลอดภัยกว่า”
“เดี๋ยวฉันก็ดีขึ้น ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”
“หนาวไหมครับ ห่มผ้าดีกว่าไหม”
“ดีเหมือนกันค่ะ”
ชายหนุ่มเข้ามาดึงผ้าห่มคลุมตัวไว้ให้แล้วนั่งเฝ้าเธออยู่ข้างเตียง อาการของเธอทำให้เขาตกใจและไม่สบายใจไปพร้อมกัน ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงสีหน้าเธอก็ดูดีขึ้น เขาค่อยโล่งใจหน่อย แล้วไอ้แท่งที่เธอเสียบเข้าที่ขามันคืออะไรนะ รอเธอตื่นขึ้นมาก่อนค่อยถามเธอแล้วกัน คุณานนต์เก็บกางเกงที่เธอถอดกองไว้ขึ้นมาพับให้ เห็นแล้วก็อดคิดถึงเรื่องลามกไม่ได้ นาทีแห่งความเป็นความตาย เธอคงไม่มีเวลามานั่งเขินอายเขาหรอก แต่เขากลับบันทึกภาพสวยงามนั้นไว้ในสมองเรียบร้อยแล้ว ผิวเธอสวยขาวนวลเนียน ขาเรียวสวยที่เขาได้เห็น เธอคือผู้หญิงอายุ 33 ปีจริงเหรอ มองกี่ทีๆ ก็เหมือนสาวอายุ 25 - 26 ปีเลย อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้แต่งหน้า ทำให้เห็นผิวสวยใสตามธรรมชาติที่แท้จริงของเธอ
คุณานนต์นั่งจับมือเฝ้าเธออยู่ข้างเตียงไม่ไปไหนด้วยความเป็นห่วง ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับคนอย่างเขา
“ฉัตรคุณเป็นยังไงบ้างครับ ตอนนี้รู้สึกยังไงบอกผมหน่อย” คุณานนต์ถามอย่างร้อนใจ
“ดีขึ้นแล้วค่ะ ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะคะ ฉัตรคงทำเรื่องน่าอายออกไป”
“คุณรู้สึกดีขึ้นผมก็สบายใจแล้วล่ะครับ ผมกะว่าถ้าคุณยังไม่ตื่นจะพาไปโรงพยาบาลอยู่แล้วเชียว”
“ฉัตรดีขึ้นแล้วจริงๆ ค่ะ มันเป็นเอฟเฟกจากอาการแพ้ที่โรคประจำตัวของฉัตรค่ะ”
“แล้วคุณแพ้อะไรครับผมจะได้จำไว้”
“คุณยังจะไปต่อกับฉัตรอีกเหรอคะ ฉัตรคิดว่าคุณจะยกเลิกภารกิจเสียอีก”
“เห็นผมเป็นคนยังไง”
“Handsome” (หล่อ)
“ฮ่า ฮ่า ยังจะมามีอารมณ์ขันอีก”
“ก็มันจริงนี่ค่ะ คุณหล่อจนฉัตรวางโพรไฟล์คุณไม่ลงเลย ไม่งั้นจะตามจีบทำไมละ”
“รู้สึกตัวเองสำคัญยังไงก็ไม่รู้เนอะ”
“Absolutely you are” (แน่นอนคุณหล่อ)
“Really” (จริงเหรอ)
“Will you marry me?” (คุณจะแต่งงานกับฉันไหมคะ)
“You’ re kidding me” (คุณล้อผมเล่นใช่ไหม)
“No I’ m serious. I nearly die today, I learn i can go at anytime” (ไม่ใช่, ไม่ฉันจริงจังนะคะ วันนี้ฉันเกือบตายแล้ว และฉันก็รู้ว่า ฉันสามารถไปได้ทุกเมื่อ)
“You need to be more careful! It will never happen again I promise I will take care of you. You give me a scare” (คุณต้องระวังตัวมากขึ้น แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีก ผมสัญญา ผมจะดูแลคุณเอง, คุณทำให้ผมตกใจ)
“Thank you for being there for me. It mean a lot. (ขอบคุณนะที่อยู่ตรงนี้เพื่อฉัน มันมีความหมายกับฉันมาก)
“Your welcome. How are you feeling now?” (ผมยินดี ตอนนี้คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง)
“Much better กี่ทุ่มแล้วคะ เลยทำให้คุณเดือดร้อนเลย” (ดีขึ้นมากแล้ว)
“ตอนนี้จะสองทุ่มแล้วครับ เดือดร้อนอะไรกัน ผมไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย แค่นั่งเฝ้าคุณเฉยๆ คุณยังไม่ได้เล่าให้ผมฟังเลยว่าคุณเป็นอะไร”
“คิดว่าในอาหารน่าจะมีส่วนผสมของถั่วค่ะ ฉัตรแพ้ถั่ว ถ้ากินจะมีอาการแบบที่คุณเห็น”
“น่ากลัวเหมือนกันนะครับ แล้วไอ้แท่งที่คุณจิ้มลงบนขาคุณคืออะไรครับ”
“ยาแก้แพ้ค่ะ ฉัตรจะพกไว้ในกระเป๋าตลอดสองสามแท่งค่ะ”
“แล้วคุณเป็นแบบนี้บ่อยไหมครับ”
“ไม่ค่ะ ปกติเลขาของฉัตรจะทำหน้าที่สั่งอาหารและตรวจสอบก่อนจะให้ฉัตรกิน แต่วันนี้ฉัตรหิวเลยตะกละมากไปหน่อยก็เลยลืม และฉัตรไม่ได้เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้วค่ะ”
“ถั่วทุกชนิดเลยเหรอครับ”
“ถั่วลิสงค่ะ แต่ถ้าเป็นไปได้ฉัตรจะไม่แตะอาหารที่มีส่วนผสมจากถั่วเลย เห็นทีดินเนอร์ของเราคงเป็นหมันแล้วล่ะคะ เอาไว้กลับกรุงเทพเดี๋ยวฉัตรนัดอีกทีนะคะ แล้วอย่าบอกใครเรื่องนี้ได้ไหมคะ ไม่งั้นคุณป๋ากับคุณแม่ไม่ปล่อยให้ฉัตรไปไหนคนเดียวอีกแน่ค่ะ”