เริ่มงานใหม่

1250 Words
เย็นวันนั้น ฉันจัดเตรียมอาหารหลากหลายเมนูไว้ต้อนรับคนพิเศษของฉันทั้งสองคน เขื่อนและ กุ้งนาง พอทั้งสองมาถึงฉันก็จัดการจัดโต๊ะรอ "แม่ครับ" อคินที่ลงจากรถของเขื่อนก็รีบวิ่งมาที่ฉันแล้วก็สวมกอดแน่น "อื้อ..ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหมครับค่อยมากอดแม่" อคิน พยักหน้าแล้วก็เดินเข้าบ้าน ส่วนเขื่อนก็ลงจากรถแล้วเดินตามมา "วันนี้ มีเมนูอะไรกิน สมกับตำแหน่งใหม่หรือเปล่า" พอลงจากรถแล้วเขื่อนก็ถามฉันทันที "สม! แน่นอน" ฉันเน้นหนักกับน้ำเสียง ไม่นานรถอีกคันก็วิ่งมาจอด "กุ้งนาง มาพอดีเลย ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องรอนาน" ฉันพูดแล้วก็มองไปที่เพื่อนอีกคนที่กำลังจอดรถ พอกุ้งนางเดินเข้ามาฉันก็เดินนำทั้งสองมาที่โต๊ะอาหารภายในบ้าน "ลดา อุตส่าห์เรียกฉันมา เลี้ยงปลาเผาเนี่ยนะ" กุ้งนางพูดขึ้น ส่วนฉันก็ยิ้ม กุ้งนางต้องเรียกฉันว่า ลดา เพราะฉันขอร้อง ต้องแต่เปลี่ยนชื่อใหม่ เพราะฉันไม่อยากได้ยินชื่อเดิม ที่มันฝังใจกับอดีต "ปลาอย่างเดียวที่ไหนละ กุ้ง ปู มีครบแค่นี้ก็น่าจะพอไหมคะ คุณเลขา" ฉันเอ่ยแซวเพื่อนคนสวย ที่ทำงานเป็นถึงเลขาผู้จัดการของบริษัทหนึ่ง "แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว ถ้าไม่พอนะ กุ้งนางก็ต้องเป็นเจ้ามือต่อ" เขื่อนพูด "แหมๆ เข้ากันดีจริงๆ คู่นี้" กุ้งนางพูดพลางอมยิ้ม ก่อนที่เธอจะนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัว ส่วนฉันก็นั่งลงข้างๆ เขื่อน "พรุ่งนี้ใช่ไหมที่แกเริ่มงาน" "ใช่" กุ้งนางหันมาถามฉัน ฉันก็ตอบเพียงสั้นๆ พร้อมกับแกะกุ้งเข้าปาก "แม่ครับ ผมอาบน้ำเสร็จแล้วครับ" "กินรอเลยเดี๋ยวมา" ฉันหันไปบอกทั้งสอง เพราะต้องเข้าไปแต่งตัวให้ลูกชาย ถึง อคิน จะห้าขวบแต่ก็ใช่ว่าจะทำทุกอย่างเองเป็นบางอย่างฉันก็ต้องช่วยทำ จัดหาเสื้อผ้าให้ พอจัดการลูกชายเสร็จแล้ว ฉันก็พา อคิน เดินออกมา "อคิน มานั่งนี่มา" "น้ากุ้งสวัสดีครับ" อคินตัวน้อยยกมือไหว้กุ้งนาง คนที่เรียกหลานไปนั่งข้างๆ "มา น้าแกะปูให้ หรือจะกินอะไร" กุ้งนาง ถามหลานชายตัวน้อยที่นั่งข้าง อย่างเอ็นดู หลานตัวน้อยชี้นิ้วไปทางปลาเผา "เอ่อ! ลดา แกยังรับวาดรูปอยู่หรือเปล่า พอดีมีคนรู้จักเขาหานักวาด แกว่างรับไหม" กุ้งนางถามฉันพลางตักเนื้อปลาใส่จานให้อคิน "รับเหมือนเดิม ว่าแต่งานเร่งไหม ถ้างานด่วนมากจะทำไม่ทัน หรือไม่แกก็เอาเบอร์ฉันให้เขาลองโทรมาคุยก็ได้" ประโยคยาวๆ ที่ฉันตอบเพื่อน ส่วนเขื่อนก็นั่งฟัง ก่อนจะพูดขึ้น "ถ้ามันหนักไป ลดา ก็ไม่ต้องรับก็ได้นะ เรากลัวว่าจะไม่ได้พักผ่อน ไหนจะงานที่กำลังจะเริ่มที่เราไม่รู้ว่าหน้างานจะเป็นยังไง กลับมาต้องมารับงานเสริม เรากลัว ลดา จะไม่ไหว" ฉันหันไปมองหน้าเขื่อนชายหนุ่มที่เป็นห่วงเป็นใยฉันด้วยดีเสมอมา แล้วฉันก็ยิ้มให้เขา ก่อนจะตอบ "ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงหรอก เราไหว ถ้าไม่ไหวเราพักเองแหละ ดีซะอีกน้ำขึ้นรีบตัก เดี๋ยวน้ำจะลดซะก่อน" ฉันพูดแล้วก็เปรยสายตามองเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะหันมาเอาใจชายหนุ่มตัวน้อยที่เป็นแก้วตาดวงใจของฉัน ส่วนเพื่อนทั้งสอง ฉันรู้ว่าพวกเขากำลังมองฉันอยู่ ดีไม่ดีคงลอบถอนหายใจอีกด้วย หลังจากมื้อเย็นจบลง กุ้งนาง และเขื่อนก็ทยอยกันกลับ ส่วนฉันก็เก็บส่วนที่เหลือที่เพื่อนๆ ช่วยเก็บมาไว้ในครัว ทำความสะอาดไว้ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องยุ่งยากมากนัก ส่วน อคิน ฉันพาเข้านอนแล้ว ส่วนฉันเมื่อทำความสะอาดล้างจานทุกอย่างเรียบร้อยก็อาบน้ำพร้อมเข้านอนกับลูกเหมือนเดิม วันเริ่มงาน หลังจากที่ฉันตื่นเช้า ทุกเช้าฉันจะเอาอคินไปฝากบ้านแม่ ให้แม่ไปส่งหลาน เพราะฉันกลัวว่าฉันจะไปทำงานสาย อีกทั้งยังเช้าอยู่ อคิน ก็ยังไม่พร้อมที่จะไปโรงเรียนด้วย พอไปส่งลูกไว้แล้วฉันก็มุ่งหน้า มายังบริษัทใหม่ แต่อย่างว่าฉันก็เหมือนพนักงานใหม่ เริ่มงานวันแรกก็มาซะเช้า ปกติมันก็ไม่เช้าเท่าไหร่ แต่เพื่อนร่วมงาน ยังไม่มีใครมาสักคน ฉัน เข้ามาที่แผนกบุคคลเพราะไม่รู้ว่าโต๊ะทำงานอยู่ตรงไหน ต้องรอให้เขาพาไป บริษัทนี้เป็นบริษัทค่อนข้างมีชื่อเสียง เปิดมาได้ไม่นานเท่าไหร่ รู้สึกว่าเจ้าของจะเป็นคนหนุ่มไฟแรง ฉันได้ยินมาแบบนั้น ส่วนขนาดของบริษัท ก็ไม่ไหญ่มาก ไม่ได้เล็ก เอาเป็นว่าพอดีๆ มีสองชั้น ชั้นผู้บริหารจะอยู่ชั้นบนส่วนชั้นพนักงานทั่วไป จะอยู่ชั้นล่าง แต่ฉันไม่รู้ว่าหน้าที่และตำแหน่งที่ได้รับ ต้องอยู่ชั้นไหน "คุณมินลดา มาเช้าเลยนะครับ" "พอดี ว่าตื่นเต้นนะสิคะเลยมาก่อนคนอื่น" "อืม..ดีครับ เดี๋ยวผมจะพาไปห้องทำงานแล้วกัน พอดีเมื่อวานผมเอาเอกสารใบสมัครให้เจ้านายดูแล้ว ส่วนวันนี้ก็แค่เข้าพบทำความรู้จักกันไว้" "อืม...เจ้าของที่นี่ ใจดีไหมคะ" "หือ....ถามทำไมครับ คุณขุนใจดี ถึงแม้ว่าจะดูปากร้ายหน่อยก็เถอะ เดี๋ยวก็คงเจอ สายๆ ก็คงเข้า" ฉันไม่รู้ว่า ขุน ขุนอะไร แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกใจแป้ว หลังจากที่คุยกันแล้วนั้น ฝ่ายบุคคลก็พาฉันเดินขึ้นชั้นสองพร้อมกับแนะนำเพื่อนร่วมงานให้รู้จัก เขาบอกฉันว่า หัวหน้าคนเก่าลาออกเพราะเธอมีสามีเป็นชาวต่างชาติเลยย้ายถิ่นฐาน ทางบริษัทเห็นสมควรที่ต้องรับคนใหม่ ที่มีความสามารถด้านนี้โดยตรง และเขายังบอกกับฉันอีกว่าฉันโชคดีที่มาคนแรก แล้วได้เลย เพราะผลงานเข้าตา อีกทั้ง เนื้องานของฉันละเอียด ฉันเดินตามเขาแล้วก็มาหยุดที่ห้อง ห้องนึงไม่ได้ใหญ่มาก เป็นกระจกกั้นให้เห็นภายนอก "นี่โต๊ะทำงานของคุณ มินลดาครับ...พอได้ไหม หรือต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่า" ฉันส่ายหัวเล็กน้อย "แค่นี้ก็ดีแล้วค่ะ" "ส่วน เพื่อนร่วมงาน มีสี่ห้าคน ตามที่เห็นนั้นแหละครับ" ฉันหันไปมองตามสายตาของฝ่ายบุคคลที่มองออกไปอีกด้าน ตอนนี้เกือบจะเก้าโมงเข้าไปแล้ว ฝ่ายบุคคลยกแขนขึ้นมองนาฬิกาที่ข้อมือ "งั้นผมลงไปด้านล่างสักครู่นะครับ เดี๋ยวเจ้านายมา ผมจะมาตาม" "ค่ะ" เพียงเท่านั้น ฝ่ายบุคคลก็เดินลงไปส่วนฉันก็นั่งรอ เพราะยังไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไร รอแค่เขามาเรียกให้เข้าพบเจ้าของที่นี่ซะก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD