ศินารายกมือปิดปากแน่น เธอย่นคอหดและแอบเบ้ปากใส่ฟาเบียน คนๆ นี้ไว้ใจได้ที่ไหน หากเขาบ้าขึ้นมาปล้ำจูบเธอ เธอก็เสียจูบ!! ให้เขาฟรีๆ อีกนะสิ...ชิ!!
อเดลกลั้นยิ้ม เขาได้ยินเสียงฟาเบียนข่มขู่ผู้หญิงคนนั้นแว่วๆ เดี๋ยวนี้หนุ่มนักรักอย่างฟาเบียนสิ้นลาย จนกระทั่งต้องขู่ผู้หญิงแล้วรึ!! แหมๆ เรื่องมันน่าสอดมือเข้าไปยุ่งด้วยชะมัด นานๆ จะเห็นไอ้คนหน้าตายมีปฏิกิริยา มันฉุนเฉียวเหมือนผู้หญิงหมดประจำเดือน แล้วแม่สาวนัยน์ตาใสแจ๋วนั่นก็น่าสนน้อยเมื่อไร เขาไม่ได้พูดเล่น เขาอยากวาดรูปเธอจริงๆ มันเหมือนมีแรงบันดาลใจผุดขึ้นมาแบบปุบปับ
“เอ้า!! กินสะ ขู่เขามาก ระวังคอแห้ง”
เบียร์เย็นเฉียบในกระป๋องทรงกลม อเดลเปิดฝาและยื่นส่งให้เพื่อนรัก
“หุบปากเอ็ด!! กำลังอารมณ์ไม่ดี...ห้ามถามถึงยัยนั้นด้วย...ไม่-มี-คำ-ตอบ”
ฟาเบียนพูดโพล่งออกไป เขาไม่เปิดโอกาสให้อเดลสักนิด ก็เขารู้ว่าไอ้หมอนี่มันเคยยอมแพ้ที่ไหน มันอยากรู้มันก็ต้องขวนขวายรู้จนได้
“ตามใจ...ไม่บอกก็ไม่บอก...”
หนุ่มเจ้าเล่ห์พยักหน้าหงึกหงัก เขาทำเป็นไม่สนใจ แต่แอบตะล่อมถามขณะที่ดื่มเบียร์ด้วยกัน และบางครั้งฟาเบียนมันหลุด เขาเก็บรายละเอียดได้มากพอดู…
รู้สึกว่าหล่อนจะชื่อศินารา และไอ้ฟาเบียนมันจับตัวมาขังไว้ เรื่องอะไรนั้นต้องขยายต่อ...
“หน้ายังเด็กอยู่เลย อายุเท่าไรแล้วว่ะ ระวังข้อหาพรากผู้เยาว์นะโว้ย”
เสียงเตือนของเพื่อนทำให้ฟาเบียนสะดุด เขาหมุนควับกลับไปพิจารณาศินาราอีกครั้ง
“ศิริน อายุเท่าไรแล้ว?”
ชายหนุ่มตะโกนถาม แต่สิ่งที่ได้รับคือความเงียบ หญิงสาวปิดปากส่ายใบหน้าเดี๊ยะๆ จนเขาเริ่มโมโห
“พูดไม่เป็นหรือไง...แล้วจะปิดปากตัวเองทำไมล่ะ”
ศินาราโกรธจนลมในหูลั่นวิ้งๆ เขาขู่เธอ ห้ามไม่ให้เธอพูด แล้วยังจะมาย้ำถามทำไม...
“ก็คุณไม่ให้ฉันพูดนี่...ใครจะกล้าเดี๋ยวก็โดนจูบ!!” หญิงสาวตะโกนสวนกลับมา หางเสียงแผ่วเบาแต่พอจะจับใจความได้ และไอ้คนข้างตัวก็ได้ยิน มันยกมือปิดปาก แต่มันกำลังหัวเราะจนไหล่สั่น
“โทษทีลืม...”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาด้านหลังศีรษะแกร๊กๆ แก้เก้อ
“ชิ!!..คนบ้า” หญิงสะบัดค้อนจนคอแทบเคล็ด อีตอนให้เธอหุบปากนะขู่เสียงเขียว แต่อีตอนขอโทษนี่เสียงเบ๊าเบายังกับมอดแทะเปลือกไม้
เอาสิเหมือนผัว เมียกระเง้ากระงอดกันเลย...แล้วไอ้คนโคตรหยิ่งอย่างฟาเบียนนี่ มันขอโทษคนอื่นเป็นด้วยหรือ? แถมคนที่มันขอโทษก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร หรือว่าสำคัญหว่า...
“อ้าวๆ ตกลงอายุเท่าไรศิริน ผมจะโดนตำรวจจับไหม ไอ้ข้อหาพรากผู้เยาว์นะมันหนักไม่ใช่เล่นนา”
“25 ฉันอายุ 25 ไม่ใช่เด็ก!!” หญิงสาวแยกเขี้ยวให้ เธอตอบเสียงเคร่ง แลบลิ้นใส่ฟาเบียนด้วย ที่เขาหาว่าเธอเป็นแค่เด็กสาว
“ใครจะรู้ หน้าอ๊อนอ่อน...”
เสียงบ่นอุบอิบ แต่ริมฝีปากหนาหยักกับแยกยิ้ม เขาสบายใจหลายเปราะ หล่อนไม่ใช่เด็กแล้วก็พร้อมใช้งาน...
“เมื่อไรจะปล่อยตัวฉันไปสะที ฉันอยากกลับบ้าน!!”
ศินาราบ่นเบาๆ เธอรู้ว่าต่อให้โวยวาย ผู้ชายใจร้ายคนนั้นก็ไม่คิดจะปล่อย แต่ก็ดีกว่านั่งเฉยๆ ขอระบายความอึดอัดออกมาบ้าง หรือบางทีคนที่มาใหม่อาจจะช่วยเหลืออะไรได้บาง แม้เขาจะเป็นคนรู้จักของฟาเบียน
“เมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละ ไม่รู้จะบ่นหาอะไร รู้ๆ อยู่ว่าผมไม่คิดจะปล่อย...นั่งกินนอนกินให้ผมหาเลี้ยงนั่นแหละดีแล้ว”
“ไม่!! อยากกลับบ้าน มีคนรอฉันอยู่นะ...คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!!”
หญิงสาวตวาดเสียงเขียว เธอลุกขึ้นยืนจังก้า
“ใคร!! ใครรอเธอ ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร?”
ฟาเบียนตวาดก้อง เขาถลาเข้าไปหาศินารา พรางจับแขนเธอทั้งสองข้างแล้วเขย่าแรงๆ จนร่างกายของเธอสั่นพั่บๆ
ริมฝีปากอิ่มบิดเบี้ยว ฟาเบียนเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก ก็พ่อ แม่ พี่ น้องรอเธออยู่ แล้วไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร?
“พอได้แล้ว!! ฉันเวียนหัวจะอ้วก...ฉันไม่ใช่ตุ๊กตานะคุณ จับเขย่าอยู่ได้”
เธอพูดเสียงตะกุกตะกัก เมื่อลำตัวสั่นคลอนเพราะแรงเหวี่ยงโยน
“อย่ามาเฉไฉ เธอยังไม่ตอบนะศิริน ว่าไอ้คนที่รอเธอมันเป็นใคร ‘แฟน’ เธอเหรอ?”
ฟาเบียนกัดกรามจนขึ้นเป็นสันนูนๆ เขาเค้นเสียงถามและหากไม่ได้คำตอบ เธอเจ็บตัวแน่...ยัยดื้อด้านเอ๋ย!!
“คุณจะบ้าเหรอ!! พ่อ แม่พี่น้อง ก็ต้องรอฉันนะสิ...ฟง...แฟนอะไรฉันไม่มีหรอก แค่เรียนอย่างเดียวก็แทบแย่...ไม่มีเวลาคิดเรื่องไร้สาระหรอกน่า”
เธอบิดมุมปากก่อนตอบ พลังการเขย่าของฟาเบียนรุนแรงจนเธอเกือบแหวะ เขาเห็นเธอเป็นกาแฟเชคหรือไง? เขย่าอยู่ได้...
“ก็ดี...ไม่มีนะดีแล้ว”
เหมือนหมอกหนาทึบสลายลงไปในพริบตา ฟาเบียนคลายมือ และปล่อยศินาราให้เป็นอิสระในที่สุด เขาทำหน้ากึ่งบึ้ง กึ่งยิ้ม ก่อนจะเดินกลับไปทรุดนั่งข้างอเดล ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เขารู้ดีว่าไอ้เวรอเดลกำลังสนใจอยากรู้
“อะไรอ่ะ ผีเข้าหรือไง?”
หญิงสาวบ่นอุบเธอยกมือขึ้นลูบเรียวแขน มีรอยแดงช้ำเพราะเขาจับบีบเต็มแรง จนความเจ็บยังไม่คลายหายไป
“สนใจเธอเหรอ?”
อเดลลองแยบๆ ดู และมันได้ผล ฟาเบียนชะงักไปนิด เขารีบปรับสีหน้าก่อนจะตอบ แต่เผอิญเขาจับสังเกตอยู่และมองเห็นเข้าพอดี
“สนบ้า บออะไรว่ะ...อย่าพูดพล่อยๆ ยัยนั่นเป็นขโมย ผมจับได้ แล้วก็กำลังเค้นคออยู่ หล่อนไม่ยอมรับความจริง...ปากแข็งชะมัด” ชายหนุ่มพูดเสียงนิ่ง พยายามไม่แสดงพิรุธออกมาให้เพื่อนรักเห็น ไม่ได้สนโว้ย!! แต่อยากได้...
“ฉันไม่ใช่ขโมย...อย่ามายัดเหยียดความผิดให้ฉันนะ...ฉันเก็บได้ๆ บอกรอบที่ร้อยแล้วมั้ง”
เสียงตะโกนสอดดังมาจากมุมห้อง ทิศที่ศินารานั่งอยู่ อเดลมองผ่านไหล่ของฟาเบียน เจ้าหล่อนกำลังแยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ ในข้อหาที่ฟาเบียนกำลังกล่าวหาอยู่
“เรื่องเป็นไงว่ะ งง?”
“จำแหวนที่ผมสั่ง Cartier ได้ไหม? มันหายไป...แล้วมันไปอยู่กับหล่อน...ไม่ใช่ขโมยจะเอาไปได้ไง!!”
ฟาเบียนหันไปถลึงตาใส่ศินารา เขาตอบอเดลเสียงนิ่งๆ
“ไม่มีหลักฐานว่าเธอขโมยใช่ไหม? ถามแคทเทอรีนแล้วเหรอ”
“ถามแล้ว แคทบอกว่ามันหายไป”
“มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอขโมยนี่หว่า มันหายไป... แคทเทอรีนอาจจะไปวางลืมไว้ที่ไหนก็ได้”
“เหอะๆ คุณคนนี้เขายังฉลาด...แล้วก็มีเหตุผลมากกว่าคุณเสียอีกนะคะ แม่แคท แม่แคด อะไรนั่นไม่ได้ลืมหรือวางทิ้งไว้หรอกค่ะ หล่อนโยนทิ้งถังขยะ!! ตรงที่ฉันนั่งอยู่พอดี...ฉันก็แค่เก็บมา...แล้วก็กำลังจะเอามาคืน แต่ดันถูกคนไม่มีเหตุผลจับตัวมาเสียก่อน...แถมยังโยนข้อหาผิดๆ ให้เสียอีก...ตลกล่ะ”
ศินาราตะโกนสวน เธอแยกเขี้ยวให้ฟาเบียน มือเรียวเล็กกำแน่น อารมณ์เดือดพล่านที่ถูกลิดรอนอิสรภาพ
“ผมบอกว่าให้หาหลักฐานมา จะมาพูดลอยๆ อย่างนี้ใครจะเชื่อ”
ชายหนุ่มยังคงดื้อแพ่ง จะให้ปล่อยหล่อนไปง่ายๆ ได้ไง เขายังไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการเลย
“คุณกักตัวฉันไว้แบบนี้ ฉันจะไปหาหลักฐานได้ไง...”
ศินาราพูดอย่างเหลืออด จะให้เธอหาหลักฐานมาจากไหน ก็ถูกคุมขังอยู่แต่ในห้องแบบนี้ ถึงจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่มันขาดซึ่งอิสรภาพ...
อเดลขมวดคิ้ว ตกลงเพื่อนรักเขาต้องการอะไร? จับผู้หญิงคนนี้ไว้เพื่อ...ในเมื่อแหวนก็ได้คืนมาแล้ว หรือจุดประสงค์ของฟาเบียนอยู่ที่อย่างอื่น ปฏิกิริยาบางอย่างมันบ่งบอก แล้วเขาก็พอจะเดาออก ตกลงแคทเทอรีนที่ว่าแน่ยังตกกระป๋อง เมื่อเจอผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้
“ชื่ออะไรน่ะ จะได้เรียกถูก...”
เขาหมดความสนใจฟาเบียน หันไปให้ความสนใจหญิงสาวแทน และมันสร้างความขุ่นใจให้กับเจ้าของห้องที่หน้าหงิกหน้างอลงทันที เมื่อศินาราให้ความสนใจพูดคุยยิ้มแย้มกับอเดลมากกว่าตัวเอง