เสียงของรถยูวีสีดำหลายคันดังขึ้นเมื่อมันจอดลงที่โกดังขนาดใหญ่ กลิ่นของน้ำมันและเหล็กเปลี่ยนเป็นกลิ่นอายที่คุ้นเคยในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยความเงียบเหงาและความลึกลับ ไฟฟ้าในโกดังสลัวสลัว ทำให้เกิดเงาที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างน่าสงสัย
เมื่อประตูรถเปิดออก ชายฉกรรจ์ในชุดดำเริ่มก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว ทุกคนมีท่าทางมั่นใจและเป็นมืออาชีพ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำ การเคลื่อนไหวของพวกเขาเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ตรวจสอบพื้นที่!”
เสียงหนึ่งตะโกนออกมา เขาสั่งการด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ทุกคนพยักหน้าและแยกย้ายกันไปตรวจสอบบริเวณรอบๆ ขณะที่บางคนเริ่มยกกล่องและอุปกรณ์ออกจากรถ
โกดังนี้เป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ซึ่งใช้ในการทำธุรกิจที่ไม่เปิดเผย จึงไม่แปลกที่การเฝ้าระวังจะเข้มงวดและมีการเคลื่อนไหวที่แอบซ่อนอยู่ในเงามืด ความตึงเครียดในอากาศทำให้ทุกอย่างดูน่ากลัวและเต็มไปด้วยความคาดเดาไม่ได้
เสียงเหล็กกระทบกันและเสียงพึมพำของการสื่อสารระหว่างกันทำให้บรรยากาศในโกดังรู้สึกเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยเงามืดของความลับที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ การประสานงานกันของชายฉกรรจ์ทำให้รู้สึกถึงการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในมุมหนึ่งของโกดัง ริคยืนอยู่เงียบๆ เขาจับตามองการเคลื่อนไหวของลูกน้องด้วยสายตาเยือกเย็น ใบหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ แต่ความเข้มแข็งที่อยู่ในแววตาทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงอำนาจที่เขามี ริคคือหัวหน้าที่ไม่เคยยอมให้ใครข้ามเส้นที่เขาวางไว้ ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา และวันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
“ปืนพวกนั้นอยู่ที่ไหน!”
ริคตะโกนเสียงดัง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและความกดดันที่เข้มข้น เขาเดินไปที่โต๊ะกลางโกดังที่มีเอกสารและอุปกรณ์กระจัดกระจายอยู่ และสายตาของเขาจับจ้องไปที่ลูกน้องที่ดูอึดอัดใจ
“บอส… เรากำลังค้นหาอยู่ครับ”
หนึ่งในลูกน้องรีบตอบเสียงสั่น ขณะเขาเหลือบมองไปที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่กำลังค้นหาอย่างกระวนกระวาย ความตึงเครียดในอากาศหนาแน่นขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าความล้มเหลวในการหาปืนเหล่านั้นหมายถึงผลกระทบที่ร้ายแรง
เสียงซ้อมในโกดังดังก้องไปทั่ว ขณะที่ชายคนหนึ่งยืนอยู่กลางห้องอย่างไร้เรี่ยวแรง เลือดไหลอาบทั่วใบหน้าของเขา ทำให้ตาของเขาปิดสนิท ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ ร่างของเขาสั่นเทา ข้อมือที่ถูกมัดแน่นกับเสาไม้ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้
“บอกฉันว่าอยู่ไหน!”
เสียงที่ดุเดือดของริคดังขึ้น เขาเดินเข้าไปใกล้ชายคนนี้ด้วยท่าทีที่น่ากลัว ร่างใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยอำนาจและความกลัว
“ผะ… ผมไม่รู้!”
ชายคนนั้นตอบเสียงแหบแห้ง ก่อนที่จะคายคำตอบที่เต็มไปด้วยความสับสน ริคไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น เขาเพียงแค่ต้องการข้อมูลเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้
“หยุดการซ้อม! เราต้องการข้อมูล ไม่ใช่ชีวิต!”
ริคตะโกนสั่งเสียงดัง ทุกคนในโกดังหยุดชะงัก เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เสียงกระซิบของลูกน้องจะดังขึ้น
“บอสครับ เขาอาจจะรู้เรื่องที่เราไม่รู้…”
หนึ่งในลูกน้องพูดอย่างระมัดระวัง แต่ริคไม่รอให้ใครพูดจบ
“ยังไม่พอ!”
ริคตะโกนออกมา ดวงตาของเขาเปล่งประกายความโกรธจัด “ฉันต้องการข้อมูล!” เสียงของเขาดังขึ้นทำให้ทุกคนในโกดังรู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“ครับ บอส!”
หนึ่งในลูกน้องตอบอย่างขวัญหนีดีฝ่อ ขณะที่พวกเขายังคงดำเนินการซ้อมต่อไป ริคยืนอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง สังเกตการณ์ทุกอย่างด้วยความสนใจ ความโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกพอใจ และเขาเชื่อว่าการทรมานนี้จะทำให้ชายที่ถูกซ้อมพูดความจริงออกมาในที่สุด
“ผม… ผมไม่รู้…”
ชายคนนั้นพูดเสียงสั่น สายตาของเขายังเบิกกว้างด้วยความกลัว ริคขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ และหันไปบอกลูกน้อง
“เพิ่มความรุนแรงเข้าไปอีก!”
“ไปจับครอบครัวมันมา”
ริคย้ำคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและมั่นคง
“ฉันต้องการให้มันรู้ว่าความลำบากของมันไม่ใช่เรื่องเดียวที่มันจะต้องเผชิญ”
เขาพูดต่อไป ขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความโหดเหี้ยม
ริคหันมามองชายคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา "นายคิดว่าการบอกจะช่วยอะไรได้? ชีวิตนายอยู่ในมือฉันแล้ว" เสียงของเขาดังกังวานไปในโกดัง มีความดุดันแฝงอยู่ในน้ำเสียงที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกถึงความคุกคาม
“ถ้านายต้องการให้นี้จบลง… บอกฉันว่าใครที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ริคขยับเข้าไปใกล้ ชายที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าและเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำสั่นระริก "เพราะถ้านายไม่บอก ฉันจะทำให้ชีวิตของคนที่นายรักเป็นนรก"
"ยะ อย่า ครับ ผม ผม บอก บอกแล้ว" เสียงของชายที่ถูกซ้อมดังออกมาด้วยความหวาดกลัว แสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลในขณะที่เขาถูกจับอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ เขาพยายามพูดอย่างสงบ แม้ว่าเสียงของเขาจะสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวและเจ็บปวด
“พะ พวก D'Angelo (ดิอังเจโล) ครับ” ชายที่ถูกซ้อมพูดเสียงสั่น ขณะเขารู้สึกว่าหมดทางเลือกแล้ว คำตอบของเขาดังออกมาพร้อมกับความหวาดกลัวที่ชัดเจนในน้ำเสียง ริคเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มเย็นชา
“อเล็กซ์ ดิอังเจโล แกเองใช่ไหม?”
ริคพูดเสียงต่ำแฝงไปด้วยความโกรธแค้น
……………………………………………………………
จีนรู้สึกถึงความเงียบงันที่รายล้อมเขาในคฤหาสน์หลังใหญ่ แม้สถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยความหรูหราและงดงาม แต่กลับสร้างความรู้สึกอ้างว้างลึก ๆ ในหัวใจของเขา เขาเดินออกจากห้องนอน ผ่านโถงทางเดินที่ประดับด้วยโคมไฟคริสตัลและผนังที่ตกแต่งด้วยภาพวาดสีน้ำมัน เมื่อแต่ละก้าวสะท้อนเสียงเบา ๆ บนพื้นหินอ่อนที่เย็นเฉียบ จีนอดคิดไม่ได้ว่าความงามเหล่านี้เป็นเพียงฉากหน้า ที่ปิดบังความเหงาอันซ่อนเร้น
เขาเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา โซฟาหนังขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง เตาผิงหินอ่อนถูกตกแต่งไว้อย่างดี แม้แต่ที่นี่ก็ไม่มีใคร จีนรู้สึกเหมือนบ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวท่ามกลางความงาม
เมื่อออกมาจากตัวบ้านหลัก จีนเดินไปยังเรือนริมหน้าผาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว เส้นทางที่ทอดตัวลงไปสู่เรือนนี้ลัดเลาะผ่านสวนหย่อมที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตร แต่ยิ่งเขาก้าวเดินไปใกล้ริมหน้าผา ความเงียบก็ยิ่งถาโถมเข้ามา เสียงของทะเลสาบที่กระทบกับโขดหินเบื้องล่างแผ่วเบา สายลมที่พัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ พาเอาความเย็นยะเยือกมาปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขา
เมื่อจีนมาถึงเรือนริมหน้าผา เขามองออกไปยังทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่ไพศาล ทะเลสาบสีฟ้าใสทอดยาวไปจรดขอบฟ้า แต่ทิวทัศน์ที่งดงามกลับไม่ได้ทำให้ความเหงาของเขาบรรเทาลง กลับกัน มันยิ่งตอกย้ำถึงความอ้างว้างในจิตใจของเขา จีนรับรู้ได้ว่าตัวเขาเองอาจจะไม่มีทางหลุดพ้นจากอาณาจักรที่เหมือนกับกรงทองนี้ ไม่ว่าจะไปทางใด เขายังคงติดอยู่กับริค คอนติ เสมอ
ยิ่งริคไม่อยู่ ความเงียบในคฤหาสน์ยิ่งชัดเจนจนทำให้จีนรู้สึกถึงความอ้างว้างที่ล้อมรอบตัวเขา เขาเดินไปตามระเบียงที่ทอดยาวเหนือหน้าผา ลมเย็นจากทะเลพัดผ่าน แต่ไม่อาจคลายความสับสนในใจได้ ทุกอย่างรอบตัวดูยิ่งใหญ่และงดงาม แต่กลับสร้างความรู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้โดยไม่มีทางหนี
“ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้?”
ภาพของริคยังคงตามหลอกหลอนเขา ริคไม่ได้แค่จับตัวเขามา แต่ยังสอนให้เขารู้จักความรักในแบบที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัส ความรักที่เกินกว่าความสัมพันธ์ธรรมดาระหว่างชายกับหญิง ความรู้สึกนั้นเป็นสิ่งที่โลกภายนอกอาจบอกว่าเข้าใจและยอมรับ แต่สำหรับจีน การได้เผชิญหน้ากับมันจริงๆ ด้วยตัวเองทำให้เขารู้สึกแตกต่าง มันเป็นการกระทบกระแทกทั้งจิตใจและร่างกายที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยง
“ถ้าเพียงแต่ฉันสามารถลืมเรื่องนี้ได้…”
เขาพูดเบาๆกับตัวเอง ขณะที่สายลมพัดผ่านร่าง ทำให้เขารู้สึกถึงความเย็นใจที่แทรกซึมเข้ามา
การสัมผัสจากริคไม่ใช่แค่ทางกาย แต่เป็นการเปิดเผยหัวใจและความรู้สึกของเขาอย่างลึกซึ้ง ริคปลุกเร้าให้จีนรู้สึกถึงความปรารถนาที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ จนถึงตอนนี้ จีนยังไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าริคได้เปลี่ยนบางสิ่งในตัวเขาไปแล้ว
ยิ่งริคไม่อยู่ ความเงียบงันก็ยิ่งตอกย้ำว่าจีนคงไม่สามารถหนีจากความรู้สึกนี้ได้ ไม่ว่าจะพยายามต่อต้านแค่ไหน เขารู้สึกถูกดึงดูดไปกับสิ่งที่ริคทำ ทั้งความอ่อนโยนและความลึกลับที่แฝงในสัมผัสของริคยังคงตามหลอกหลอนเขา แม้ว่าเขาจะอยากหนีไปจากที่นี่ แต่ความจริงก็คือ…ไม่มีทางหนีจากริคและสิ่งที่เขาได้ทำกับหัวใจของจีนได้เลย
ขณะนึกถึงความรู้สึกที่ถูกปลุกขึ้นในคืนที่ริคโน้มตัวเข้ามาใกล้ จูบเขาอย่างร้อนแรง ริมฝีปากของริคสอดคล้องกันอย่างลงตัวกับความปรารถนาของเขา ขณะที่มือของริคลูบไล้ไปตามผิวกาย ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกไฟเผา ริคที่โน้มตัวเข้ามาใกล้ ลิ้นของเขาเลียวนรอบริมฝีปากของจีนอย่างนุ่มนวล ทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ความรู้สึกเหมือนถูกไฟเผาที่แผดเผา ทำให้เขาหายใจไม่ออก จีนยังจำได้ว่าลิ้นของริคขบกัดเบาๆ ที่ริมฝีปากเขา ทำให้เขาต้องการมากกว่านั้น ความร้อนแรงนั้นสาดซัดเข้าใส่หัวใจของเขา สร้างความรู้สึกที่ลึกซึ้งและน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน
“บ้าเอ๊ย… ทำไมคุณถึงอยู่ในหัวฉันตลอดเวลา?”