ในยามเช้าของฟลอเรนซ์ เมืองที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะและความงดงาม เสียงนกร้องประสานกับลมเบาๆ ทำให้บรรยากาศสดใสยิ่งขึ้น ถนนที่ปูด้วยหินเรียบถูกตัดผ่านด้วยแสงแดดทองอร่าม อาคารสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าทั้งหลายตั้งตระหง่าน ดึงดูดสายตาผู้คนที่เดินผ่านมา
จีน เด็กหนุ่มที่มีหัวใจเต็มไปด้วยความรักศิลปะ เดินผ่านเส้นทางที่เคยเป็นความฝัน เขามาอยู่ที่นี่เพื่อค้นหาตัวตนใหม่ หลังจากสูญเสียพ่อแม่ไปจากอุบัติเหตุ เขาเลือกฟลอเรนซ์ เมืองที่มีแต่ศิลปะ และประวัติศาสตร์เพื่อหลบหนีจากความเจ็บปวดในอดีต
ทุกก้าวของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อเขาหยุดยืนหน้าโบสถ์ซานตามาเรียเดลฟิโอเร โดมที่งดงามและประติมากรรมที่ประณีตทำให้หัวใจเขาเต้นรัว ภาพของศิลปินอย่างเลโอนาร์โด ดา วินชี และไมเคิลแองเจโลปรากฏในจินตนาการ ราวกับว่าเขาได้ยินเสียงของพวกเขาเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปในโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์
“ฟลอเรนซ์…”
เขาพึมพำกับตัวเอง รู้สึกถึงพลังแห่งความฝันที่ลอยอยู่ในอากาศ
“เมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะ ทุกสิ่งในที่นี้มีชีวิต”
กลิ่นหอมของกาแฟและขนมอบยั่วยวนใจเขา ในขณะที่เสียงหัวเราะและการพูดคุยของผู้คนรอบตัวทำให้เขารู้สึกสดชื่น และขณะนั้นเขาตระหนักว่าแม้ในความเจ็บปวด ยังมีความหวังที่รอคอยเขาอยู่
จีนเดินต่อไปยังแกลเลอรีเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยภาพวาดที่สวยงาม ผลงานของศิลปินที่ยิ่งใหญ่ในอดีตทำให้เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจ เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้ถูกดึงเข้าไปในโลกของศิลปะที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ท่ามกลางเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย และความงดงามที่ฟลอเรนซ์มอบให้ จีนตระหนักว่าการเดินทางของเขาเพิ่งเริ่มต้น และเมืองนี้จะเป็นเวทีให้เขาได้สร้างสรรค์และค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเขาผ่านศิลปะที่เขาหลงใหล
เกือบสี่ปีแล้วที่จีนหนีความทุกข์ใจมาจากเมืองไทย เขาหลบหนีจากความเศร้าโศกที่เกาะกุมหัวใจ การจากไปของพ่อแม่จากอุบัติเหตุอันเลวร้ายยังคงเป็นแผลสดที่ไม่อาจเยียวยา ความเจ็บปวดนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาในหลายๆ ด้าน แต่เขาเลือกที่จะใช้เวลาในฟลอเรนซ์เพื่อค้นหาสิ่งใหม่ๆ แทนการยอมแพ้ต่อความเศร้า
ตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่นี่ จีนได้สัมผัสกับความงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลในทุกย่างก้าว ตั้งแต่ภาพวาดที่เล่าเรื่องราวในอดีต ไปจนถึงเสียงเพลงที่สะท้อนถึงความรู้สึก เขาได้เรียนรู้ที่จะใช้ศิลปะเป็นช่องทางในการแสดงออก ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงมีความคิดถึงบ้านและความทรงจำที่เจ็บปวด แต่เขาก็พบว่าศิลปะช่วยให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ในฟลอเรนซ์ ตรอกเล็กๆ ที่แสนมีเสน่ห์ถูกซ่อนอยู่ภายในเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะ ถนนแคบ ๆ ที่ปูด้วยหินเรียบซึ่งมีลวดลายเฉพาะตัว พาเราเข้าสู่โลกแห่งการค้นพบใหม่ เสียงของการพูดคุยและเสียงหัวเราะดังก้องอยู่ในอากาศ สะท้อนถึงชีวิตชีวาของผู้คนที่มาเยือน
สองข้างทางของตรอกนั้นเต็มไปด้วยร้านค้าที่มีเอกลักษณ์มากมาย ตั้งแต่ร้านขายของที่ระลึกที่ประดับด้วยงานศิลปะท้องถิ่น ไปจนถึงคาเฟ่เล็กๆ ที่มีกลิ่นหอมของกาแฟและขนมอบที่อบสดใหม่ ร้านขายพาสต้าทำมือและซอสที่มีสูตรเฉพาะที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงร้านขายไวน์ที่มีบรรยากาศอบอุ่น ให้ผู้คนได้สัมผัสกับความหลากหลายของวัฒนธรรมอาหารอิตาเลียน
แสงแดดส่องสว่างลงมา ทำให้ทุกมุมของตรอกนี้เต็มไปด้วยสีสันที่สดใส ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเลือกซื้อของที่ระลึก ขณะที่นักท่องเที่ยวหยุดถ่ายภาพคู่กับงานศิลปะที่ประดับอยู่หน้าร้าน บรรยากาศที่คึกคักและอบอุ่นทำให้รู้สึกถึงการต้อนรับจากชาวเมือง
เสียงของกีตาร์ที่บรรเลงโดยนักดนตรีข้างถนนเติมเต็มบรรยากาศให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ผู้คนที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งหินจิบกาแฟร้อนๆ พร้อมทั้งฟังเพลงอย่างเพลิดเพลิน บางคนยิ้มและพูดคุยกัน สร้างความรู้สึกเชื่อมโยงในทุกช่วงเวลา
ในขณะที่จีนยืนอยู่หน้าร้านขายงานศิลปะเล็ก ๆ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ภาพวาดที่มีสีสันสดใส ความคิดของเขาจมอยู่ในโลกแห่งศิลปะที่เต็มไปด้วยความหวังและแรงบันดาลใจ ทันใดนั้น เสียงของฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เสียงคุ้นเคยเรียกเขาเบา ๆ
“จีน!”
แซม เพื่อนสนิทของเขาแตะบ่าจีนเบา ๆ ทำให้เขาตกใจเล็กน้อย จีนหันไปพบกับรอยยิ้มสดใสของแซมที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“เฮ้! ทำไมถึงมาที่นี่?” จีนถาม พร้อมกับยิ้มตอบและรู้สึกโล่งใจที่ได้เห็นเพื่อน
“เห็นนายเดินมาตรงนี้ เลยคิดว่าจะมาหา” แซมพูดพลางมองไปรอบ ๆ “ดูเหมือนว่านายกำลังเพลิดเพลินกับงานศิลปะอยู่”
“ใช่ ฉันรักที่นี่มาก” จีนตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “มันทำให้ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวา”
“ดีจัง” แซมยิ้มอย่างเข้าใจ “ไปเดินเล่นกันเถอะ ฉันอยากจะลองขนมอร่อย ๆ ที่ร้านตรงนั้น”
จีนพยักหน้า ก่อนที่จะก้าวเดินไปพร้อมกับแซม
…………………………………………………..
“ว่าแต่นายคนนี้เป็นใคร ทำไมดูสนิทสนมกัน?”
ริคถามเสียงเข้ม ขณะมองภาพถ่ายที่ลูกน้องส่งมาให้ ในนั้นมีแซมยืนอยู่ข้างจีน กอดคอเขาแน่น ขณะยิ้มแย้มอย่างมีความสุขกลางตรอกเล็กในฟลอเรนซ์
“ดูเหมือนว่าทั้งสองจะสนิทกันมากเลยนะครับ”
ลูกน้องตอบอย่างระมัดระวัง พลางเลื่อนดูภาพที่ถ่ายไว้ใกล้ ๆ
“สนิทกัน?”
ริคซ้ำคำพูด ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เขารู้สึกถึงความหึงหวงที่เริ่มก่อตัวในใจ เขาไม่ชอบที่จะเห็นจีนแสดงออกถึงความใกล้ชิดกับคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแซมดูเหมือนจะเข้าใกล้เขามากเกินไป
“ใช่ครับ ดูเหมือนว่าจีนจะมีความสุขกับเขา” ลูกน้องพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกลาง “แต่ก็น่าสังเกตว่าเขาก็เป็นเพื่อนของจีนมานานแล้ว”
“เพื่อน?” ริคเลิกคิ้ว “ในโลกนี้มีเพื่อนแบบนี้ด้วยหรือ?”
“อาจจะเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่ดีก็ได้ครับ”
ลูกน้องตอบ แม้จะพยายามทำให้สถานการณ์ดูสบายใจ แต่ริคกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น
ริคยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างรำคาญ ใจของเขายิ่งรู้สึกหนักอึ้งเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่จีนอาจจะให้ความสนใจแซมมากกว่าที่เขาคิด
“ตามหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาให้ฉัน” ริคพูดเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความจริงจัง “ฉันอยากรู้จักแซมให้มากกว่านี้”
…………………………………………………………..
หลังจากที่ลูกน้องสองคนเดินออกไปได้สักพัก หนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขบขัน
“สงสัยคนนี้จะชอบมากเลยนะ เห็นตามมาจะอาทิตย์แล้ว”
“ไม่หรอก เดี๋ยวก็เบื่ออีก” อีกคนแย้ง พร้อมกับยักไหล่
“ปกติอยากได้ก็ลากมาเลย” หนึ่งในลูกน้องพูดขึ้น พร้อมกับหัวเราะ “คนนี้ดูจะวางแผนเข้าใกล้อยู่ไม่ใช่เหรอ”
ลูกน้องคนที่สองกล่าวต่อ “ริคดูจะเครียดมาก แถมยังหึงหวงแบบนี้อีก”
“นี่ขนาดยังไม่ได้รู้จักกันจริง ๆ นะ”
หนึ่งในลูกน้องพูดพร้อมหัวเราะอย่างขบขัน เขาหันมามองเพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะจุดบุหรี่และยิ้มให้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ดูเหมือนริคจะมีความมุ่งมั่นจริง ๆ นะ”
อีกคนตอบ ขณะที่ทั้งคู่ยิ้มให้กันด้วยความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ลูกน้องคนแรกจุดบุหรี่และหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ
“เอาเถอะ ยังไงก็รอดูได้เลยว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป”
เขาพูดเสียงเบา ขณะที่บิดกุญแจรถแล้วขับออกไปจากที่จอด เสียงของเครื่องยนต์เริ่มดังขึ้น เมื่อพวกเขาแล่นออกไป
ริคนั่งอยู่ในสำนักงานที่เงียบสงัด สายตาจ้องไปยังแฟ้มเอกสารบนโต๊ะ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยภาพของจีนและแซม ความรู้สึกซับซ้อนผุดขึ้นในใจ เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขายังไม่แน่นอน แต่เขาไม่อาจปล่อยให้มันหลุดมือไปได้
“ไม่ว่าจะต้องทำอะไร ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งของที่ฉันหมายตาไป”
ริคพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ประตูสำนักงาน ด้วยความตั้งใจที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเขา
ในขณะนั้น สาวสวยร่างอวบอัดแสนเซ็กซี่คนหนึ่งชื่อรีเบคก้าเดินเข้ามาในสำนักงาน ร่างกายของเธอถูกเสริมด้วยเสื้อผ้ารัดรูปที่เผยให้เห็นสัดส่วนชวนมอง ดวงตาสีฟ้าของเธอเปล่งประกายด้วยความมั่นใจ เธอคือคู่ขาคนประจำที่มาบำเรอริคเมื่อเขาต้องการความสนุก
“ทำอะไรอยู่คะ?” รีเบคก้าถามด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ขณะที่เดินเข้ามาใกล้
รีเบคก้า สาวผมบลอนด์ที่มีรูปร่างอวบอัด อกใหญ่ และดวงตาสีฟ้าแสนเซ็กซี่ตามแบบฉบับของสาวอิตาเลียน ยืนอยู่ตรงหน้าริค เธอเป็นคู่ขาคนประจำที่มาบำเรอเขาเมื่อเขาต้องการความสนุกสนาน แต่ตอนนี้ ริคกลับรู้สึกเฉย ๆ ต่อการยั่วยวนของเธอ
“ออกไปเถอะ รีเบคก้า” เขาพูดเสียงหนักแน่น ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เอกสารบนโต๊ะอย่างแน่วแน่
รีเบคก้าหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ดวงตาสีฟ้าของเธอแสดงความประหลาดใจและผิดหวัง เธอหวังว่าจะได้สร้างบรรยากาศที่ร้อนแรง แต่ริคกลับไม่สนใจสิ่งที่เธอนำเสนอ
“คุณแน่ใจนะ? ฉันสามารถทำให้คุณรู้สึกดีได้” เธอพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน แต่ริคก็ยังคงยืนกรานในความตั้งใจของตัวเอง
“ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ” เขาเฉยเมยตอบ ก่อนจะหันหลังให้เธอและก้าวไปที่ประตู
“ริคคะ คุณเป็นอะไรไป?” รีเบคก้าถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย เธอเห็นริคตั้งแต่แรกก็รู้ว่าเขามีบางอย่างที่ทำให้เขาดูห่างเหินและไม่สนใจ
เมื่อริคหันมามอง รีเบคก้าก็เริ่มเปลื้องผ้าอย่างช้า ๆ เธอปลดเสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายอันเซ็กซี่ของเธอทีละชิ้น เปิดเผยผิวที่เปล่งประกายและรูปร่างอันยั่วยวนให้เขาเห็น แต่ริคกลับไร้ซึ่งแรงดึงดูด แม้จะมีความงามอยู่ตรงหน้า ความคิดถึงจีนและแซมกลับทำให้เขารู้สึกไม่สนใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
“รีเบคก้า… หยุดเถอะ” ริคพูดเสียงเรียบ ดวงตาของเขายังคงนิ่งอยู่ แม้จะมีการกระทำที่ยั่วยวนใจ แต่ในใจของเขากลับมั่นคงและไม่หวั่นไหว
“ทำไมล่ะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงยั่วยวน แต่ริคกลับรู้สึกว่าเขาไม่สามารถละทิ้งความตั้งใจของตนได้
“หรือว่าคุณได้คนใหม่มาแทนฉันแล้ว?” รีเบคก้าถามเสียงต่ำ ดวงตาสีฟ้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
ริคไม่ตอบอะไร เขาเพียงหันหลังเดินออกไปจากสำนักงาน คิดในใจ ใช่ เขามีคนที่หมายตาใหม่แล้ว เด็กนั่น! เพียงแค่คิดถึงร่างบอบบางนั่น ความต้องการของเขาก็พุ่งพล่านจนลุกฮือขึ้นภายใน เขาไม่อาจละเลยแรงดึงดูดนี้ได้ แม้จะมีรีเบคก้าอยู่ตรงหน้า แต่ทุกอย่างที่เขาอยากได้กลับเป็นแค่เงาของจีน ริครู้ว่าเขาจะต้องรีบลงมือเอาเด็กนั่นมาครอบครองให้ได้ เพราะความต้องการที่บีบอัดจนแทบทนไม่ไหว เขาต้องรีบทำให้ความปรารถนาที่จะคว้าเด็กนั่นมาไว้ในอ้อมแขนให้เร็วที่สุด