บทที่ 3 : คุณไม่มีสิทธิ์!

1427 Words
"ต้องให้ย้ำอีกกี่ครั้ง ว่าฉันเป็น..." "เป็นเมียเมื่อไหร่ค่อยมาสั่ง" พอถูกสวนกลับด้วยประโยคนั้น น้ำผึ้งถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเขาจะมาไม้นี้ และไม่ใช่เธอคนเดียวที่ตกใจ เพื่อนเขาเองก็ตกใจจนปลาในข้าวต้มลวกปาก "พูดจาให้เกียรติกันบ้างก็ดี" "หึ! ทำไมผมต้องให้เกียรติผู้หญิงอย่างคุณด้วย อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร ผู้หญิงที่จับผู้ชายมีอายุทำผัว ส่วนใหญ่ก็หวังทรัพย์สมบัติทั้งนั้นแหละ" "ไม่ ฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงแบบนั้น และฉันก็ไม่ได้เป็นอีตัวอย่างที่นายคิดด้วย ฉันเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะเเม่เลี้ยง สิ่งที่ต้องทำคือดูแลสามีกับลูกชายให้ดีที่สุด" "เหอะ! พูดให้ตัวเองดูดีละซิ" "ฉันพูดในสิ่งที่ฉันคิด ตอนนี้นายจะมองฉันให้แง่ลบก็ได้ แต่ยังไงนายก็ต้องเชื่อฟังฉัน ในฐานะแม่เลี้ยง" "ให้ผมเชื่อฟังคนอย่างคุณเนี่ยนะ ฝันไปเถอะ" สายตาคมกริบมองเหยียดตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะสวมชุดนักศึกษาแล้วเดินออกไปเตรียมรถหน้าบ้าน สามหนุ่มที่นั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ก็ไม่รู้จะคัดค้านยังไง ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเรื่องภายในครอบครัว ถ้าไปขัดเพื่อนมาก ๆ เดี๋ยวจะมีปัญหากัน "แม่อย่าไปถือสาคำพูดมันเลยนะครับ" บอสพูดกับเธอหลังจากที่เพื่อนพากันเดินออกไปจากบ้านหมดแล้ว "ไม่ใช่ความจริง ทำไมต้องถือสาด้วยล่ะ" ใบหน้าสวยคลี่ยิ้ม ก่อนจะส่งหยอดยากับเงินจำนวนหนึ่งให้บอส "ถึงมหาลัยแล้ว ฝากเงินให้พยัคฆ์ด้วยนะ ส่วนยาหลอดนี้ให้เขาทาที่ฝ่ามือ ช่วยลดแผลพุพองได้" "ใส่ใจดีจัง ขนาดผมเป็นเพื่อนมัน ยังไม่ทันได้สังเกตเลย" เธอก็ไม่ได้สังเกต แต่เมื่อวานเห็นคาตาต่างหาก "เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?" "อยากกินกะเพราหมูสับครับ" "งั้นเดี๋ยวแม่ทำเอาไว้ให้นะ อย่าลืมพาสามคนนั้นกลับมาด้วยล่ะ" ใช้แผนซื้อใจคนในกลุ่มน่าจะดีที่สุด ถ้าบอสกล่อมพยัคฆ์ให้กลับมาได้ อีกสองคนก็คงไม่ขัด "วางใจได้เลยครับ ผมจะพาพวกมันกลับมาเอง" เธอส่งยิ้มหวาน แล้วหยิบกระเป๋าเป้สะพายให้ชายหนุ่ม ก่อนจะเดินมาส่งหน้าบ้าน พยัคฆ์ชักสีหน้าหงุดหงิดภายใต้หมวกกันน็อก แล้วบิดรถบิ๊กไบค์ออกไปทันที "ขับรถดี ๆ นะ" เสียงหวานบอกสามหนุ่ม ก่อนที่พวกเขาจะขับรถออกไป ที่เหลือก็แค่เก็บกวาดห้องนอน (เพิ่งจัดไปเมื่อวาน วันนี้รกเหมือนเดิม) แล้วค่อยออกไปสมัครเรียนกศน. สุดท้ายก็ไปซื้อของที่ตลาดมาทำกับข้าวเย็นนี้ ยังดีที่เธอเคยทำงานร้านอาหารไทย เลยพอจำสูตรได้บวกกับรสมือดี อย่างนี้สี่หนุ่มไม่มีทางไปไหนแน่นอน (มั้ง) "พี่น้ำผึ้ง~" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักทาย ในขณะที่หญิงสาวกำลังเอาผ้าห่มในห้องนอนของพยัคฆ์มาสะบัดตรงระเบียง พอข้ามรั่วไปอีกฝั่ง เห็นเหมกำลังยืนโบกไม้โบกมือให้เธอ "อ้าว ยังไม่ไปเรียนเหรอ?" เธอถามกลับตามประสาเพื่อนบ้านคุยกัน "ยังเลยครับ ผมโดดคาบแรก" "หือ ได้เหรอ?" "ได้สิ ว่าแต่พี่ไปทำอะไรในห้องนั้น?" "อ๋อ มาทำความสะอาดห้องนิดหน่อย" "ลำบากแย่เลยนะครับ" "ไม่หรอก พยัคฆ์เป็นลูกพี่ พี่ก็ต้องดูแล" "ไม่แฟร์เลย ผมอยากมีแม่เลี้ยงแบบพี่บ้างจัง" เธอได้แต่ยิ้มแห้ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไงดี แม่เลี้ยงหมายความว่าพ่อต้องมีภรรยาใหม่ เขาโอเคงั้นเหรอ? "พี่ต้องไปแล้ว" "หว้า~ ได้คุยกันแป๊บเดียวเอง" "ไปเรียนเถอะ เดี๋ยวแม่เอาตีนะ" "ถ้าแม่ผมสวยแบบพี่ ผมจะให้ตีทั้งวันเลย" เอิ่ม...หยอดใช่ไหม เขาหยอดเธอใช่หรือเปล่า? "ผมล้อเล่นครับ อย่าซีเรียส" เหมคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร เธอก็เลยยิ้มตอบ แล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง พอจัดที่นอนเสร็จก็ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปสมัครเรียน เธอเรียกแท็กซี่มารับเพราะไม่อยากใช้รถเก๋ง ถึงคุณลุงหมอจะอนุญาตแล้วก็ตาม ส่วนตัวมีใบขับขี่เพราะเคยทำงานขับรถส่งของมาก่อน ตลอดสามปีที่ผ่านมา น้ำผึ้งทำสากกะเบือยันเรือรบจริง ๆ ทั้งโบกป้ายบ้านโครงการ ร้านอาหารไทย ทำงานแม่บ้านในโรงแรม เด็กเสิร์ฟ ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อในมินิมาร์ท ขับรถส่งของ และอีกหลาย ๆ งานที่รับจ๊อบเพิ่มเติม งานขายหน้าตา ขายเรือนร่างก็มีเสนอมา แต่เธอไม่รับเพราะกลัวว่าพ่อไม่สบายใจ "เรียนเฉพาะวันอาทิตย์..." หญิงสาวพูดพึมพำกับตัวเองหน้าศูนย์ ก่อนจะพับแผ่นเอกสารเก็บเข้ากระเป๋าแล้วเตรียมไปซื้อของที่ตลาดสด ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงเธอก็กลับมาถึงบ้าน เห็นเหมยืนรออยู่ประตูรั้วพอดี "พี่ไปซื้อของมาเหรอครับ?" ร่างสูงเข้ามาช่วยถือของทั้งที่เธอยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอให้เขาช่วยเลยด้วยซ้ำ "ไม่ต้องช่วยก็ได้ พี่เกรงใจ" "ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมยินดีช่วย" เธอมองชุดนักศึกษาที่เขาสวมใส่ เหมือนตัวเมื่อบ่ายเปี๊ยบเลย "ไม่ได้ไปเรียนเหรอ?" "ไปครับ" "อย่ามาหลอกกัน ดูการแต่งตัวก็รู้ว่าไม่ได้ไป" "พี่น้ำผึ้งเป็นผู้หญิงที่ใส่ใจมากเลยนะครับ ขนาดแม่ผมยังไม่คิดจะถามผมเลย ว่าไปเรียนหรือเปล่า" "แม่เขาอาจจะรู้อยู่แล้ว เลยไม่ได้ถาม" "ไม่หรอกครับ แม่ไม่ได้สนใจผมขนาดนั้น" คิ้วเรียงสวยขมวดติดกันด้วยความสงสัย และไม่ค่อยเข้าใจในสังคมคนรวยสักเท่าไหร่ มีเงินทองมากมาย แต่ไม่มีเวลาสนใจลูกแบบนี้เหรอ หรือว่าต้องทำงานหนักหาเงินมาให้ลูก เลยไม่มีเวลาเหมือนคุณลุงหมอ "พี่ทำอาหารเป็นด้วยเหรอครับ?" พอเห็นว่าเธอเงียบไป เขาก็หาเรื่องชวนคุยต่อ "เป็นสิ แต่เฉพาะอาหารไทยนะ" "หื้ม~ เก่งจังเลย" "อยากลองชิมไหมล่ะ?" หลุดปากชวนไปแล้ว ทำยังไงดี ลืมไปเลยว่าเขาเป็นคู่อริของพยัคฆ์ ถ้าชวนเข้าไปในบ้าน แล้วเจ้าตัวกลับมา มาหวังได้ระเบิดลงแน่ อีกอย่างเธอไม่ใช่เจ้าของบ้าน จะไปชวนคนอื่นเข้าไปข้างในสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ "เอาไว้วันหลังดีกว่าครับ ผมไม่อยากมีปัญหา" เขาพูดพลางหันไปมองรถบิ๊กไบค์ที่ขับมาจอดหน้าบ้านพอดี สี่หนุ่มถอดหมวกกันน็อกแล้วจ้องหน้าเหมอย่างเอาเรื่อง พอเหมเดินกลับเข้าบ้านไป พยัคฆ์ก็เดินตรงมาผลักไหล่บาง ทั้งที่เธอยังถือถุงใส่ของอยู่เต็มสองมือ "จะนอกใจพ่อหรือไงห่ะ!?" "พูดอะไรของนาย ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะ" "ไม่คิดแล้วไปอ่อยมันทำไม!?" "ฉันไม่ได้อ่อย ฉันเพิ่งไปซื้อของมาเนี่ย" เธอตอบกลับ พลางยกถุงของสดในมือให้เขาดูเป็นหลักฐาน สามหนุ่มที่เห็นว่าเธอถือของหนัก ก็รีบเดินเข้ามาช่วยทันที "พวกมึงไม่ต้องช่วยเลยนะ!" พยัคฆ์ห้ามปรามกลุ่มเพื่อน ก่อนจะดึงถุงใส่อาหารในมือเธอไปทิ้งถังขยะ "ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!?" "ของสกปรก ก็สมควรอยู่ในถังขยะไม่ใช่หรือไง คุณเองก็ด้วยถ้ารู้ว่าตัวเองสกปรก ก็ลงไปอยู่ในถังขยะซะ ไม่ต้องขึ้นมาอยู่ข้างบน เพราะมันจะส่งกลิ่นเหม็น!" "ใครกันแน่ที่เป็นคนส่งกลิ่นเหม็น นายทำตัวไม่น่ารัก แถมยังทำพฤติกรรมต่ำทรามใส่คนอื่นอีก หัดเก็บไปพิจารณาบ้างนะ ว่าฉันหรือนายที่สมควรลงไปอยู่ในถังขยะใบนี้!" หญิงสาวตอกกลับด้วยความโมโห บอกแล้วว่านิสัยจริงของเธอเป็นคนขี้วีน ขี้เหวี่ยงกว่าที่คิด ให้จะมายืนหงอ แล้วปล่อยให้เด็กมันด่ากราดฝ่ายเดียว คงไม่ใช่น้ำผึ้งคนนี้แน่นอน ด่ามาด่ากลับ ร้ายมา เธอก็ร้ายกลับ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD