ตอนที่1
รถคันหรูสีขาวถูกขับมาจอดที่หน้าบ้านที่ดูคล้ายราชวัง เมื่อรถจอดสนิทคนขับรถก็รีบลงมาเปิดประตูหลังของรถ ‘นลิน’ หญิงสาวอายุยี่สิบปลาย ๆ ลงมาจากรถพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เธอยืนมองหน้าประตูบ้านของตนด้วยความคิดถึง เธอไปเรียนต่อและทำงานที่ต่างประเทศจึงจากบ้านไปราว ๆ 6 – 7 ปี
“คุณหนูของป้ากลับมาแล้ว”
เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจหลังจากที่รู้ว่าคุณหนูของเธอจะเดินทางกลับมาวันนี้ พร้อมกับเดินเข้าไปช่วยยกกระเป๋าเดินทางเข้ามาในบ้าน
“ลินก็คิดถึงป้าน้อยมาก ๆ เลยค่ะ”
นลินพูดพร้อมเข้าไปกอดและหอมแก้มป้าน้อย แม่บ้านคนสนิทของเธอที่คอยดูแลเธอตั้งแต่เกิด
“เดี๋ยวป้าเรียกไอ้จ้อยมาช่วยคุณหนูยกของนะคะ”
“ขอบคุณค่ะป้า งั้นเดี๋ยวลินไปหาอะไรทานก่อนนะคะ ลินยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่กลับมา”
“คุณหนูจะทานอะไร เดี๋ยวป้าทำให้”
“ลินแค่อยากทานมาม่าค่ะ เดี๋ยวลินไปต้มน้ำเอง”
นลินยิ้มให้คนตรงหน้า เธอรู้ว่ายังไงก็เธอก็ไม่ได้ทำเอง และเป็นตามที่เธอคาด เพราะป้าน้อยรีบเดินเข้าครัวไปต้มน้ำให้เธอเรียบร้อยแล้ว
นลินเธอเกิดในตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย มีคนคอยเอาอกเอาใจและแทบจะไม่ต้องหยิบจับงานบ้านเองเลย ต้นตระกูลของเธอวางรากฐานมาดีตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ทำให้ลูกหลานสบายไปด้วย ครอบครัวของเธอทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และส่งออกผลไม้ นอกจากนั้นตัวเธอเองยังมีร้านเพชรเป็นของตัวเอง
“นลิน พรุ่งนี้ลูกพร้อมทำงานหรือยัง?”
เสียงของเจ้าของบ้านเอ่ยถามลูกสาวสุดที่รัก คุณประพจน์เจ้าของธุรกิจอสังหาฯ
ซึ่งเป็นที่รู้จักดีของคนในวงการที่ยกย่องให้เป็นเจ้าพ่ออสังหาฯ
“พร้อมแล้วค่ะคุณพ่อ”
นลินตอบด้วยความมั่นใจ เธอพร้อมแล้วที่จะนำวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจากมหาวิทยาลัยที่ดังที่สุดในโลก เพื่อมาช่วยดูแลกิจการของครอบครัว
สาวสวยแปลกหน้าเดินเข้ามาในห้องประชุมของบริษัท เพื่อที่จะแนะนำตัวเองให้กับทุกคนในแผนกของเธอได้รับรู้ วันนี้เป็นวันแรกในการทำงานของเธอ
“สวัสดีค่ะ ฉันนลิน นาร่า จะมาเป็นผู้จัดการใหม่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
นลินกล่าวแนะนำตัวจบก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของเธอทันทีโดยไม่สนใจที่จะความรู้จักพนักงานในแผนกของตัวเอง จะสนไปทำไมกันในเมื่อเธอไม่คิดจะสนิทสนมด้วยอยู่แล้ว ส่วนเรื่องชื่อก็ดูที่บัตรพนักงานเอาก็ได้ไม่จำเป็นต้องใช้สมองอันมีค่าของเธอมาจำให้รกสมอง
“คุณนลินคะ เอกสารที่..”
“วันหลังกรุณาเคาะประตูก่อนนะคะ”
“ข.. ขอโทษค่ะ”
ปรีดารีบวางเอกสารกองโตลงบนโต๊ะก่อนจะรีบหันตัวกลับด้วยความเกรงกลัว แต่ถูกเจ้านายเรียกไว้เสียก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“เดี๋ยว! อีกสองชั่วโมงเธอมาเอาเอกสารด้วยนะ”
“ด.. ได้ค่ะคุณน.. นลิน”
ปรีดาขานรับเสร็จก็รีบกลับไปนั่งที่โต๊ะทันที
“เป็นไงบ้างดา เจ้านายคนใหม่น่ะ” ชญานีถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเจ้านายสาวสวยคนใหม่เป็นอย่างไรบ้าง
ปรีดาส่ายหัวทันทีหลังสิ้นสุดคำถามของชญานี
“เห็นสวย ๆ แต่น้ำเสียงกับสายตาโคตรน่ากลัวเลยอะพี่นี ดาแค่ลืมเคาะประตูเอง”
“เอ้าแกนี่ ก็สมควรโดนด่า พี่ว่าคุณนลินเขาคงใจดีเหมือนหน้าตานั้นแหละ”
“โธ่พี่นี ก็คนมันลืมนี่ ดาว่านะ..”
ปรีดาทันได้พูดจบก็มีเสียงหนึ่งตะวาดแทรกขึ้น
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าก่อนเข้ามาหาฉันให้เคาะประตูก่อน พนักงานที่นี่ไม่มีมารยาทกันทุกคนเลยเหรอไงห๊ะ!”
เสียงของนลินดังลั่นทั่วออฟฟิศ ทำให้ทุกบทสนทนาต้องหยุดชะงัก
นลินหญิงสาวผู้มีความมั่นใจเดินหัวเสียออกมาจากที่ห้องทำงานของเธอ เธอกวาดสายตามองรอบ ๆ อย่างเอาเรื่อง
“ทุกคนคงจะได้ยินแล้ว ฉันขอความกรุณามีมารยาทด้วยนะคะ ถ้าไม่ ฉันไล่ออก!”
นลินพูดจบก็เดินออกจากออฟฟิศทันที ตอนนี้เธอต้องการหาที่สงบอารมณ์
“ดา พี่ขอถอนคำพูดนะว่าคุณนลินใจดี”
ชญานีเอ่ยด้วยใบหน้าเหย๋เกให้กับเหตุการณ์เมื่อครู่
“เป็นใครใหญ่มากจากไหนกันเชียว ฉันต้องทนกับหัวหน้าคนใหม่อีกนานแค่ไหนเนี้ย”
ปรีดาบ่นกับตัวเอง และคำพูดนี้แทนใจของทุกคนที่ได้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อสักครู่
นลินขับรถคันหรูออกจากบริษัทและแวะร้านกาแฟร้านโปรดของเธอเพื่อสงบสติอารมณ์
“ลาเต้เย็นกับชีสเค้กได้แล้วค่ะ”
หลังจากนลินจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วเธอก็มานั่งกินให้หายอารมณ์เสีย ของหวานเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาอารมณ์ของเธอดีที่สุด เมื่อเธอเริ่มใจเย็นขึ้นจึงเรียบไปสะสางงานที่ค้างคาต่อให้เสร็จ ถึงอารมณ์ของเธอจะมาเป็นที่หนึ่งแต่เธอก็ไม่ทำให้งานที่ได้รับมอบหมายเสียหาย
ขณะที่นลินกำลังจะเดินเข้าออฟฟิศก็มีบางคนเรียกเธอไว้ นลินหันไปมองที่ต้นเสียงด้วยท่าทีสงสัยว่าคนตรงหน้าเรียกเธอหรือเปล่า
“นี่เธอ เธอนั้นแหละ ฉันคุยกับเธอ”
“มีอะไรกับฉันหรือเปล่าค่ะคุณ…”
นลินมองหาป้ายชื่อของบริษัทแต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ห้อยป้าย ถ้าเป็นพนักงานแผนกของเธอเธอจะไม่ปล่อยไว้แน่ แต่ถึงจะไม่ใช่เธอก็สามารถจัดการได้อยู่แล้ว ตัวเธอเป็นใครล่ะ ลูกเจ้าของบริษัทไง
“เธอน่ะชื่ออะไร เป็นพนักงานใหม่เหรอ? ฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย” รวีถามสาวแปลกหน้าที่เธอไม่คุ้นหน้า
“แล้วคุณเป็นใคร? ทำไมถึงไม่รู้จักฉัน?”
เมื่อเช้าเธอก็แนะนำตัวเองไปแล้วนะ ทำไมคนตรงหน้าถึงไม่ทราบว่าเธอเป็นใคร นอกเสียจากว่าหล่อนจะไม่ได้อยู่ตอนที่เธอแนะนำตัว
“อ้อฉันรู้แล้ว เธอเป็นพนักงานใหม่ใช่ไหม..”
รวีสงสัยเล็กน้อย เพราะเธอรู้มาว่าจะมีเด็กใหม่เข้ามาในเดือนหน้า ไม่ใช่เดือนนี้เสียหน่อย หรือเธอจะฟังผิดไปเอง
หลังจากที่รวีเอ่ยถามจบจึงรีบเปลี่ยนท่าทีและน้ำเสียงเป็นขึงขังเพื่อวางมาดของผู้ที่มาทำงานก่อน หวังจะแกล้งเด็กใหม่ให้เกร็งเล่น ๆ
“อะแฮ่ม นี่เด็กใหม่ ฉันมาทำงานที่นี่ก่อนเธอ งั้นก็ถือว่าฉันอวุโสกว่า ทำไมถึงไมเคารพฉัน” รวีพูดอมยิ้ม เผลอไม่ได้ที่จะแกล้งสาวสวยตรงหน้า
นลินไม่พูดอะไรพร้อมกับจ้องหน้ารวี สีหน้าบ่งบอกว่าไม่พอใจพนักงานคนนี้เป็นอย่างยิ่ง เมื่อรวีเห็นสีหน้าดังนั้นจึงพูดต่อว่า
“โอเค โอเค ฉันแค่ล่อเล่น ฉันชื่อรวีหรือเรียกว่าวีเฉย ๆ ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” รวียิ้มให้กับนลินพร้อมยื่นมือเพื่อแสดงความรู้จักแต่ถูกนลินปัดทิ้งเสียก่อน
“รวี” นลินทวนชื่อของพนักงานสาวตรงหน้าอีกรอบ ย้ำให้ขึ้นใจประหนึ่งว่าชื่อนี้แหละจะอยู่ในบัญชีหนังหมาของเธอ
“โอ๊ะ ชื่อรวีเหมือนกันเหรอ?”
“เปล่า!” นลินพูดจบก็รีบเดินเข้าออฟฟิศทันที ไม่ปล่อยให้คู่สนทนาได้ตั้งคำถามกับเธออีก
เมื่อนลินเดินเข้าออฟฟิศ พนักงานทุกคนต่างพากันนั่งเกร็งและเงียบ เมื่อนลินเดินเข้าห้องทำงานของเธอแล้ว ทุกคนต่างพากันซุบซิบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าทันที
“ว่าไง คุยอะไรกันดูน่าสนุกกันจัง” รวีถามปรีดาและชญานี
“สนุกกับผีน่ะสิวี ดูสีหน้าฉันสองคนว่าเครียดแค่ไหน” ชญานีกล่าว
“แล้วมีไรเกิดขึ้นเหรอ ไหนเล่ามา”
“วันนี้มีผู้จัดการคนใหม่ หน้าสวยแต่นิสัยโหด เนี๊ยะไอ้ดาเพิ่งโดนด่ามาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเช้านี้เลย” ชญานีเล่า
“ใช่ ฉันเพิ่งโดนด่ามาหมาด ๆ เลย เออวี แกไปเอาเอกสารจากคุณนลินแทนฉันหน่อยสิ ฉันไม่อยากไปอ่ะ ฉันกลัว” ปรีดาส่งสายตาอ้อนวอนให้รวี
“คุณนลิน?” รวีทวนชื่อ
“เจ้านายใหม่พวกเรานั่นแหละ” ชญานีกล่าว
“เดี๋ยวฉันเข้าไปเอาให้ ตอนนี้ใช่ไหม”
“ขอบใจนะ รวีอย่าลืมเคาะประตูด้วยนะ เดี๋ยวโดนเหมือนฉัน”
“รู้แล้วน่า ฉันมีมารยาทพอ” รวีพูดพรางหัวเราะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เมื่อเคาะประตูเสร็จรวีก็เปิดประตูเข้าห้องทำงาน
“ขอโทษนะคะ วีมาเอาเอกสารของเมื่อเช้าค่ะ”
“เชิญ” นลินชี้ไปที่กองเอกสารที่เธอเพิ่งทำเสร็จหมาด ๆ
ขณะที่รวีกำลังไปหยิบเอกสาร เธอก็ได้สบตากับหัวหน้าคนใหม่
เอ๊ะ คนที่เพิ่งเจอเมื่อเช้านี้นี่
“อ้าวเด็กใหม่นี่ ทำไมถึงอยู่ในห้องนี้ล่ะ?”
“แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงมาอยู่ในห้องนี้ หืมคุณรวี”
“ฉันมาเอาเอกสารน่ะสิ เธอก็รีบออกมาได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนเจ้านายใหม่ดุเอาหรอก เห็นว่าน่ากลัวด้วยนะ”
รวีเดินไปดึงมือคนตรงหน้าให้ออกมาจากในห้องของเจ้านายใหม่ ขณะที่กำลังเปิดประตูนั้นก็มีพนักงานคนหนึ่งเข้ามาพอดี
“คุณนลินคะ บ่ายนี้มีประชุมนะคะ” เมื่อพูดจบก็เดินออกจากห้องไป เมื่อรวีได้ยินดังนี้ก็เริ่มคิดประมวลผล
‘วันนี้มีผู้จัดการคนใหม่ หน้าสวยแต่นิสัยโหด เนี๊ยะไอ้ดาเพิ่งโดนด่ามาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเช้านี้เลย’
‘ใช่ ฉันเพิ่งโดนด่ามาหมาด ๆ เลย เออวี แกไปเอาเอกสารจากคุณนลินแทนฉันหน่อยสิ ฉันไม่อยากไปอ่ะ ฉันกลัว’
‘คุณนลิน?’
‘เจ้านายใหม่พวกเรานั่นแหละ’
“นลิน… คุณนลิน!” ซวยแล้วไงไอ้วี
“คะ ว่าไงคะคุณรวี”
นลินยิ้มให้รวี รอยยิ้มบ่งบอกว่าเธอเสร็จฉันแน่!
“เอ๋ เมื่อเช้าฉันก็แนะนำตัวไปแล้วนะ นอกเสียจากว่าคุณมาทำงานสาย.. ไหนเข้างานกี่โมงขอเช็คดูหน่อยนะ”
นลินเดินไปเปิดโปรแกรมเข้าออกของพนักงานในคอมของเธอ
“อืม ก็มาเช้าดีหนิ แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าฉันไม่ใช่เด็กใหม่”
นลินค่อย ๆ เดินเข้าไปหารวี
“ว่าไงคะ ตอบสิ อย่ามั่วแต่อ้ำอึ้ง”
“เอ่อคือฉัน… ออกไปซื้อข้าวค่ะ ซื้อข้าว” เหตุผลนี้คงฟังขึ้นมั้ง แล้วใครจะกล้าบอกล่ะว่า ฉันอู้งานค่ะ ออกไปเดินเล่นแป๊บเดียว
“ออกไปซื้อข้าวเกือบสามชั่วโมงเลยเหรอ ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจนเกือบสิบโมงเนี๊ยะนะ”
นลินยืนกอดอกกรอกตามองบน ใครเชื่อก็บ้าแล้วจริงไหม?
“ค่ะ ใช่ค่ะ งั้นวีขอตัวก่อนนะคะคุณนลิน มีไรอะก็เรียกใช้วีได้นะคะ” หลังสิ้นสุดคำตอบ รวีรีบเดินออกมาจากห้อง ไม่ใช่ว่าเธอเกรงกลัวผู้จัดการคนใหม่ เพียงแต่ถ้าเธอยังขืนอยู่ต่อคงต้องคิดคำแก้ตัวอีกยาวแน่ ๆ ดูท่าแล้วเจ้านายคนสวยคงจะต้อนเธอจนจนมุมเป็นแน่
“เป็นไงบ้างวี ทำไมหายไปนานจัง” ปรีดาเอ่ยถามโดยมีชญานีนั่งคอยฟังคำตอบอยู่ข้าง ๆ ปรีดาได้แต่หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนของเธอหรอกนะ
“ก็โดนถามอะไรนิดหน่อยอ่ะ ไม่มีอะไรหรอก ทำงานต่อเถอะ”
.
.
.
“ฮัลโหลเดวิด ลินคิดถึงคุณจังเลยค่ะ”
[เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานเองนะลิน คุณติดผมเกินไปหรือเปล่า?]
“ก็ลินคิดถึงคุณจริง ๆ นี่คะ เนี๊ยะลินเพิ่งจะประชุมเสร็จ เหนื่อยมากเลย”
[เดวิดคะ ฉันชอบสร้อยเส้นนี้ค่ะ/ลินเดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะ]
“เดี๋ยวสิ นั้นเสียงใครคะ คุณต้องตอบลินมาเดี๋ยวนี้!”
[โอเค ผมอยากบอกเรื่องนี้กับคุณมาสักพักแล้ว เราเลิกกันเถอะ ผมมีแฟนใหม่แล้ว บาย]
“เดวิด เดวิด!!”
[หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้]
เมื่อได้ยินคำตอบของแฟนหนุ่มที่ตกลกจะแต่งงานกันในอีกสามเดือนข้างหน้า นลินได้แต่ยืนอึ้ง ตอนนี้โลกทั้งใบของเธอกำลังหยุดหมุน น้ำใส ๆ ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง เธอจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อจากนี้ไป