"รถกลับมาเร็วๆ เหลืออีกห้านาที…เควสสุดท้ายแล้ว ไปเลย!" เสียงของหญิงสาวที่ร้องด้วยความตื่นเต้นภายในห้องเช่าขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของประเทศที
เจ้าของเสียงคือต้นหอมหญิงสาววัย 35 ปี มีอาชีพรับจ้างพิมพ์งานเอกสาร ซึ่งตอนนี้เธอกำลังนั่งเล่นเกม เฮ้ฟาร์มเพื่อชิงรางวัลในกิจกรรมพิเศษครบรอบ 10 ปีของเกม โดยของรางวัลเป็นเพชรในเกมจำนวน 10,000 เพชร และเหรียญทองจำนวน 1,000,000 เหรียญทอง กติกาคือให้เล่นเกมจากเลเวล 1 จนถึงเลเวล 100 ภายในกำหนดระยะเวลา 3 วัน ซึ่งตอนนี้เธอก็ทำได้ตามเงื่อนไขเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่รอรับของรางวัลที่ไปรษณีย์ในเกมจะมาส่งให้ที่ฟาร์มของเธอ
ต้นหอมใช้การเก็บเลเวลเกมโดยการผลิตของที่ใช้เวลาน้อยและเก็บเกี่ยวได้ตลอด ถ้าคลังเก็บของเต็มก็เอาไปวางขาย ส่งรถ ส่งเรือ หรือขายให้กับตัวละครที่มาเยี่ยมฟาร์มเพื่อเก็บเลเวลได้เช่นกัน จึงทำให้เธอต้องคอยเฝ้าเกมอยู่ตลอดเวลา และเพราะช่วงนี้เธอไม่มีงานพิมพ์เอกสารเข้ามาจึงทำให้มุ่งมั่นกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ เธอใช้เวลาเล่นเกมต่อเนื่องนานถึงสามวันสามคืน โดยทำแค่ดื่มน้ำและกินบะหมี่ถ้วยเท่านั้น มีพักเข้าห้องน้ำบ้างแต่ก็ใช้เวลาไปไม่นาน
และอีกเหตุผลที่ทำให้ต้นหอมทุ่มเทกับการเล่นเกมได้แบบนี้ ก็เพราะเธอเป็นเด็กกำพร้าไม่มีครอบครัวให้ต้องคอยดูแล ด้านการศึกษาเธอก็เรียนจบปริญญาตรีจากมหาลัยเปิดพร้อมกับทำงานไปด้วย และเมื่อเรียนจบก็ได้งานพิมพ์เอกสารหรือรับแปลเอกสารจากทางมหาลัย ซึ่งรายได้ก็แค่พอให้ดำรงชีพอยู่ในเมืองหลวงได้ไม่ลำบาก โดยเธอเช่าห้องเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเพื่อให้สะดวกในการรับและส่งงาน
"เฮ้อ หิวจังไปหาอะไรกินดีกว่า อ๊ะ!!" ต้นหอมที่เห็นว่าภารกิจในเกมเรียบร้อยดีแล้วก็เตรียมจะลุกจากที่นั่ง เพื่อจะอาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกิน แต่ในขณะที่กำลังจะลุกขึ้นยืนก็รู้สึกเวียนหัวเป็นอย่างมาก จนเซล้มลงไปนอนอยู่บนพื้น และตอนที่ล้มลงหัวของเธอกระแทกเข้ากับมุมของโต๊ะ แต่ก่อนที่สติของเธอจะดับลงก็ได้ยินเสียงของเกมแจ้งเตือนแล้วสติของเธอก็ดับไป
ท่ามกลางธรรมชาติที่แห้งแล้ง ชายสองคนกำลังเฝ้ามองต้นข้าวที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในทุ่งนาของหมู่บ้านด้วยท่าทางวิตกกังวล เป็นเพราะภัยแล้งที่เกิดขึ้นทำให้ข้าวในทุ่งนาเจริญเติบโตไม่ได้อย่างที่ควร ซึ่งที่นี่คือหมู่บ้านเป่ยเหอ เป็นหนึ่งในหมู่บ้านของตำบลลั่วเหอ อำเภอลั่วหนิง จังหวัดลั่วหยาง ในมนฑลเหอหนาน
"หัวหน้าหมู่บ้าน ถ้าเก็บเกี่ยวข้าวส่งไปที่ส่วนกลางหมด เมื่อไรพวกเราถึงจะได้ส่วนแบ่งอาหารกลับมา ตอนนี้เสบียงอาหารแทบจะไม่มีเหลือแล้ว ชาวบ้านต้องพากันแทะเปลือกไม้ หรือขุดรากไม้มากินเพื่อประทังชีวิต" เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น ขณะยืนมองเหล่าชาวบ้านที่กำลังช่วยกันทำงานอยู่ในทุ่งนาของหมู่บ้าน
"แล้วจะให้ฉันทำยังไง หลังเก็บเกี่ยวในทุ่งนาเสร็จก็ต้องส่งเข้าไปที่ส่วนกลาง ถ้าไม่ส่งเข้าไปพวกฝ่ายผลิตคงได้พาทหารแดงมาที่หมู่บ้านเป็นแน่" เสียงของชายอีกคนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าดังขึ้นแต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูมีอายุมากกว่าชายคนแรก
"แต่ตอนนี้ชาวบ้านแทบจะไม่มีอะไรกินกันแล้วนะ" เสียงชายคนแรกเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
"คงได้แต่ภาวนาให้ข้าวในทุ่งนาเจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี ตอนแจกจ่ายส่วนแบ่งแต่ละครอบครัวก็คงจะได้เพิ่มมากขึ้นอีกหน่อย" เสียงของชายคนที่สองเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แล้วทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบงัน
ขณะเดียวกันภายในบ้านดินหลังหนึ่ง มีร่างของเด็กหญิงตัวน้อยกำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ แต่แล้วลมหายใจสุดท้ายก็หลุดลอยออกไปจากร่างเล็ก แต่ไม่นานร่างนั้นก็กลับมามีลมหายใจขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของลมหายใจนี้ไม่ใช่เจ้าของร่างคนเดิมอีกต่อไป
"โอ๊ย!! เจ็บจัง" เสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อเจ้าของเสียงทำการขยับตัว
"หงอ้าย หลานฟื้นแล้วรึ" เสียงของผู้หญิงที่ฟังดูมีอายุดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง
ต้นหอมที่ความเจ็บปวดเริ่มลดน้อยลงกลับต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เธอพักอยู่คนเดียวในห้องเช่า แต่เมื่อกี้เธอได้ยินเสียงเหมือนมีคนพูดและเปิดประตูเข้ามา แต่ทำไมเสียงเปิดประตูห้องมันถึงฟังแปลกๆ ใครกันที่เปิดเข้าห้องของเธอมาได้ แล้วอีกฝ่ายเรียกหาใคร เธอจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นเพื่อดูสถานการณ์
แต่ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น ผนังบ้านที่ทำจากดินโคลนสีเหลืองทั้งเก่าและมีรอยหลุดร่อน หลังคาหญ้าฟางมีบางจุดที่เป็นรูโหว่จนแสงแดดส่องลงมาที่พื้นได้ แล้วหญิงชราที่อายุน่าจะสัก 50-60 ปีที่ยืนอยู่ตรงประตูไม้ไผ่สานนี้คือใคร แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรต่อไป ก็มีความเจ็บปวดสายหนึ่งเกิดขึ้นที่ศีรษะจนเธอต้องส่งเสียงร้องออกมา
"โอ๊ย!! ปวดหัว…" ต้นหอมร้องออกมาเพราะเกินจะทนกับความเจ็บปวดได้ จากนั้นก็สลบลงไปอีกครั้ง ไม่ได้รับรู้ถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นต่อจากนี้
"คุณแม่ หงอ้ายเป็นอะไรคะ?" เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากที่หน้าประตูรั้ว ตอนที่เปิดประตูรั้วเข้ามาเธอได้ยินเสียงร้องของบุตรสาวที่นอนอยู่ในห้องดังลอดออกมา
"เมื่อกี้หงอ้ายตื่นขึ้นมา ฉันยังไม่ทันได้ถามอะไร หลานก็ร้องว่าปวดหัวแล้วก็สลบลงไปอีก" เสียงของหญิงชราเอ่ยตอบกลับไป เมื่อร่างของหญิงวัยประมาณ 30 ปีที่มีฐานะเป็นลูกสะใภ้และแม่ของเด็กหญิงที่นอนอยู่เดินมาถึงหน้าห้องที่เด็กน้อยนอนอยู่
"ถ้าอย่างงั้นเราพาหงอ้ายไปหาหมออีกครั้งดีไหมคะ" เสียงของหญิงคนเดิมดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูมีความร้อนรนอยู่ในน้ำเสียง
"หล่อนก็ใจเย็นๆ ก่อนเถอะ ครั้งก่อนหมอบอกไว้แล้วว่าขอแค่ให้หงอ้ายฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ตอนนี้หงอ้ายก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว หล่อนรีบไปเตรียมทำอาหารเย็นเถอะ ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานในแปลงนาแล้ว" หญิงชราเอ่ยบอกลูกสะใภ้คนรอง
"ค่ะ คุณแม่" นางอินซื่อได้แต่เอ่ยตอบรับแม่สามี แล้วเดินไปยังห้องครัวที่อยู่ด้านหลังบ้าน แต่ก็ยังไม่วายหันมามองที่หน้าประตูห้องของครอบครัวที่บุตรสาวหลับอยู่อีกหลายครั้ง
กลับมาที่ร่างเล็กของเด็กหญิงที่นอนหลับอยู่ ตอนนี้เริ่มกลับมามีสติอีกครั้งแล้ว และตอนที่ความเจ็บปวดเกิดขึ้น เธอก็ได้รับความทรงจำบางอย่างมาด้วย
"เฮอะๆ เคยแต่อ่านมาจากในนิยาย ใครจะไปรู้แค่หักโหมมากไปก็ทำให้ได้ย้อนอดีตมาเกิดใหม่เสียแล้ว" เสียงเล็กๆ บ่นพึมพำกับตนเองเบาๆ พร้อมกับลืมตาขึ้นมองรอบๆ ตัวอย่างพิจารณา
ความทรงจำที่ต้นหอมได้รับมาก็คือตอนนี้เธอได้มาอยู่ในร่างของเด็กน้อยอายุ 10 ปีที่ชื่อหงอ้าย แซ่ฟาง และมันคงเป็นเรื่องน่ายินดีอยู่บ้าง เพราะเจ้าของร่างนี้มีครอบครัวอยู่ครบถ้วน ไม่ได้เป็นเด็กกำพร้าที่เกิดมาในสถานรับเลี้ยงอย่างตัวเธอ
แต่เหมือนความน่ายินดีจะหมดลงแค่ตรงนั้น เพราะร่างนี้อยู่ในยุค 70 ของประเทศจี ที่เป็นยุคที่ผู้คนล้วนอดอยาก และยังถูกควบคุมด้วยรัฐบาลที่เข้มงวด ห้ามค้าขาย ห้ามทำการกระทำที่เกี่ยวกับระบบทุนนิยม ทุกคนต้องทำงานเก็บแต้มแล้วนำมาใช้แลกอาหารหรือเงิน แต่อาหารก็มีน้อยจนแทบไม่เพียงพอเพราะเป็นช่วงที่ประสบภัยแล้ง และยังต้องใช้คูปองในการซื้อสินค้าต่างๆ อีกด้วย
กลับมากล่าวถึงเรื่องครอบครัวของฟางหงอ้าย โดยบ้านแซ่ฟางนี้อาศัยกันอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ ปู่กับย่าของร่างนี้มีลูก 4 คน ลูกคนโต ลูกคนรอง และลูกคนที่สามเป็นผู้ชาย ส่วนลูกคนที่สี่เป็นผู้หญิง พ่อของร่างนี้เป็นลูกชายคนรอง และทั้งหมดยังอาศัยอยู่ในบ้านขนาด 5 ห้องหลังนี้ด้วยกันทั้งหมด
โดยในบ้านมีปู่ฟางไห่กับย่าหวังซื่อ และครอบครัวลุงใหญ่ฟางไจ่กับป้าสะใภ้ใหญ่ลี่ซื่อ มีลูกทั้งหมด 3 คน ลูกชายคนโตฟางตงจิ้ง (พี่ชายใหญ่) อายุ 13 ปี ลูกชายคนรองฟางตงจื้อ (พี่ชายสาม) อายุ 11 ปี และลูกชายคนเล็กฟางตงจั้ง (น้องห้า) อายุ 5 ปี
ส่วนครอบครัวของร่างนี้มีพ่อฟางไป่กับแม่อินซื่อ ลูกชายคนโตฟางตงอวี้ (พี่ชายรอง) อายุ 12 ปี และเจ้าของร่างเป็นผู้หญิงชื่อฟางหงอ้ายอายุ 10 ปี มีลูกชายคนเล็กฟางตงอิง (น้องเล็ก) อายุ 3 ปีอีกหนึ่งคน
และครอบครัวของอาเล็กฟางไช่กับอาสะใภ้เล็กจี้ซื่อ มีลูกคนเดียวคือฟางตงชิง (พี่ชายสี่) อายุ 10 ปีเท่ากับร่างนี้แต่แก่เดือนกว่า คนสุดท้ายในบ้านคืออาหญิงฟางม่านที่เป็นลูกหลงของปู่กับย่าที่ตอนนี้อายุ 18 ปี
"เฮ้อ! นั่งเล่น เกม อยู่ดีๆ ก็ได้มาเกิดใหม่ซะอย่างงั้น" ต้นหอมที่ตอนนี้รับรู้เรื่องราวและชะตาชีวิตของตนเองแล้ว ก็อดเอ่ยรำพึงรำพันออกมาไม่ได้
แต่ทันทีที่เธอพูดจบ ก็มีหน้าจอขนาดประมาณเท่าไอแปดเด้งขึ้นมาบนอากาศตรงหน้าของเธอในทันที
"เฮ้ย!! นี่มัน...เกมฟาร์มที่เราเล่นไว้นี่" ต้นหอมร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นหน้าจออะไรบางอย่างปรากฏขึ้นมาบนอากาศ แต่เมื่อมองจนเห็นชัดเจนแล้วว่าเป็นหน้าจอของอะไรก็ร้องออกมาด้วยความแปลกใจ แต่ก่อนที่ต้นหอมจะได้ทำอะไรกับหน้าจอนั้น ก็มีจดหมายเด้งขึ้นมาบนหน้าจอเธอจึงกดเปิดอ่าน
[ขอต้อนรับผู้เล่นคนที่ 100,000,000 ของเกมเฮ้ฟาร์ม ก่อนอื่นทางผู้พัฒนาเกมต้องขอแสดงความเสียใจ เนื่องจากกิจกรรมที่ทางเราจัดขึ้นได้ทำให้ผู้เล่นหักโหมจนถึงแก่ชีวิต ทางผู้พัฒนาเกมจึงขอใช้ประโยชน์จากการที่ผู้เล่นสามารถทำเงื่อนไขเกมได้ทันกำหนดเวลา โดยขอชดเชยเป็นการส่งวิญญาณของผู้เล่นให้มาอยู่ในร่างที่สามารถเข้ากันได้เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตต่อไป
และทางเรายังได้มอบระบบเกมนี้ให้ผู้เล่นนำไปใช้งาน โดยผู้เล่นสามารถนำสิ่งของที่มีอยู่ในเกมตอนนี้ รวมไปถึงของที่ทำการผลิต เก็บเกี่ยว หรือปลูกขึ้นภายในเกมหลังจากนี้ออกไปใช้ได้ในชีวิตจริง และทางผู้พัฒนาเกมได้เพิ่มเติมความพิเศษบางอย่างเข้าไปในระบบเกมอีกด้วย โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้เล่นจะมีความสุขกับชีวิตใหม่…Suwan from Hell]
"ฮะ!! เกมสมัยนี้เขามีความรับผิดชอบขนาดนี้เลยเหรอ เล่นเกมตายเลยช่วยส่งมาเกิดใหม่ แถมให้ระบบเกมที่เอาของในเกมออกมาใช้ได้จริง แล้วยังมีเพิ่มระบบพิเศษมาให้อีก ว่าแต่ลงชื่อว่า สุวันจากนรก นี่แปลกไปไหมอะ" ต้นหอมร้องออกมาด้วยความตกใจปนแปลกใจ แต่ก็ต้องสะดุดใจกับชื่อที่ลงท้ายในจดหมาย
แต่ในเมื่อได้มาที่นี่แล้ว และคงกลับไปไม่ได้ แถมเธอเองก็ไม่ได้อยากกลับไปใช้ชีวิตอยู่เพียงคนเดียวอีก ก็ถือเสียว่าสิ่งที่ได้รับมาเป็นของรางวัลไปแล้วกัน โดยเธอตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตใหม่ให้ดีที่สุด
'ท่านสุวรรณช่างคิดยิ่งนักขอรับ คราวนี้เรื่องที่รับดวงวิญญาณผิดก็สามารถแก้ไขได้แล้ว และอีกอย่างดูท่าแล้วดวงวิญญาณนางสาวต้นหอมจะพอใจกับชีวิตใหม่นี้มากทีเดียว' เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น แต่กลับไม่มีใครได้ยินหรือเห็นตัวคนพูดเลย
'ถึงคราวนี้จะแก้ไขได้เป็นที่พอใจของดวงวิญญาณ แต่คราวหน้าเวลาไปรับดวงวิญญาณท่านปรัชญาก็ควรจะรอบคอบให้มากกว่านี้ โชคดีที่ตอนนี้ท่านพญายมบาลกำลังบำเพ็ญศีลอยู่ ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่รอดจากการถูกลงโทษไปได้ แถมยังเสียแค่พลังบำเพ็ญศีลไปห้าร้อยปีเพื่อสร้างระบบเกมนั้นขึ้นมาอย่างนี้แน่นอน' เสียงของบุรุษอีกคนดังขึ้น ซึ่งแน่นอนไม่มีใครมองเห็นหรือได้ยิน แต่ถ้าใช้ดวงตาที่ไม่ใช่ของมนุษย์จะเห็นว่ามีร่างสามร่างกำลังลอยอยู่บนหลังคาห้องที่เด็กหญิงตัวน้อยหรือร่างใหม่ที่ดวงวิญญาณต้นหอมได้มาอยู่
'ข้าทราบแล้วขอรับ ขอบคุณท่านสุวรรณที่ช่วยจัดการให้ และขอบคุณท่านยมทูตของประเทศจีด้วย ที่ช่วยหาร่างให้ดวงวิญญาณของนางสาวต้นหอม' เสียงของบุรุษคนแรกดังขึ้นอีกครั้ง
'ไม่เป็นไรท่านยมทูตจากประเทศที เรื่องนี้พอช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป ทางเราเองก็ได้วิญญาณมาเพิ่ม ถ้าอย่างไรไปดื่มน้ำชาก่อนเดินทางกลับกันเถอะ' เสียงของชายคนที่สามดังตอบกลับไป จากนั้นบนหลังคาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
**********