อดทนหน่อยนิด มันก็แค่อีกคืนที่ต้องอดทน เดี๋ยวไม่นานทุกอย่างก็จะผ่านไป..
“เมื่อคืนฉันไม่ได้ป้องกันเลยสักรอบอย่าลืมจัดการตัวเองให้เรียบร้อย อย่าแม้แต่จะคิดปล่อยท้องเด็ดขาด! ไม่อย่างงั้นฉันเล่นงานเธอทั้งโคตรจนไม่มีที่ยืนแน่!” เขากำชับเสียงแข็งก่อนจะเดินหายออกไปจากห้องปล่อยให้เธอได้มีเวลาจัดการกับตัวเองตามลำพัง หลังจากจัดการกับตัวเองเสร็จ คนใจร้ายก็ขับรถมาส่งเธอที่บ้าน ก่อนเขาจะขับออกไปโดยไม่ทิ้งคำพูดอะไรเอาไว้ให้ได้รู้สึกเจ็บ
คะนึงนิจพาร่างกายอันบอบช้ำกลับมาที่ห้องพักซึ่งอยู่ที่ตึกเก่าด้านหลัง ทว่าเมื่อเปิดประตูเธอกลับพบเข้ากับภาพที่ทำให้ตกใจ
“พี่มิน! เข้ามาทำอะไรในห้องนิดคะ!” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ชายต่างมารดาลักลอบเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำของเขานับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าไม่มีความเกรงเลยสักนิดกลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้า ไม่กลัวกระทั่งว่า พ่อของเธอจะระแคะระคายสิ่งที่เขาคิดจะทำ
“เมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา พี่อุตส่าห์เข้ามานอนรอที่ห้องทั้งคืน...”อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่เลือกที่จะถามกลับ สายตาที่จ้องมองกันทำให้เธอต้องถอยหนี รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยทุกครั้งที่เขาพยายามเข้าใกล้
“ดูจากสารรูป คงไปนอนให้ไอ้ลมมันเอาฟรีๆ อีกแล้วใช่ไหม!” ความไม่สบอารมณ์เกิดขึ้น ในดวงตาที่จ้องมองกันหมายจะเอาเรื่อง
“พี่มิน!” เป็นนาทีที่เธอตั้งใจจะขยับหนี แต่ก็ช้ากว่าเขาที่พุ่งเข้ามากระชากแขนเธอไว้เหมือนครั้งนี้จะรุนแรงกว่าครั้งไหน
“พี่มินปล่อยนิดนะคะ!”
“จะหวงเนื้อหวงตัวไปทำไม! กะอีแค่ยอมให้พี่เอาสักทีสองทีมันคงไม่ทำให้นิดสกปรกไปมากกว่านี้หรอก!” หากเขาไม่บังเอิญไปรู้ความจริงมาว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อ ความคิดที่จะยัดเหยียดความเป็นผัวให้นังนี่คงไม่เกิดขึ้น และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ยากจะหักห้ามใจ
เขารู้สึกเกลียดจนนึกอยากทำลายมันให้ย่อยยับ โทษฐานที่มันเป็นทายาทเพียงคนเดียว ในขณะที่เขาเป็นเพียงลูกคนสวนของบ้านที่แม่เผลอไปหลับนอนด้วยเพราะความเมา เรื่องบัดซบนี่ไม่ควรเกิดขึ้น และไม่ว่ายังไงความลับนี้จะต้องเป็นความลับต่อไปอีกนาน!
“มาสิ! ยอมให้พี่เอา แล้วพี่สัญญาว่าจะทำให้นิดมีความสุข...”
“ไม่!” ถึงคราวที่ต้องสู้เธอก็สู้สุดกำลังด้วยการก้มลงไปกัดเข้าที่แขนของเขาอย่างแรง ก่อนจะพาตัวเองวิ่งออกจากห้องเมื่อสบโอกาส
“พี่ลม!” ความกลัวบวกกับอารมณ์ตกใจทำให้รีบขยับเข้าไปกอดคนที่เผลอวิ่งมาชนแน่น ไม่รู้หรอกว่าเขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แต่เธอดีใจที่เป็นเขา ก่อนจะรู้สึกปลอดภัยจริงๆ เมื่อวงแขนแกร่งวาดขึ้นมากอดเธอไว้หลวมๆ พร้อมกับคำบอกเล่าที่ดังขึ้นในนาทีต่อมา
“เธอลืมโทรศัพท์ไว้ในรถฉัน...” ปริญบอกถึงการมาของตัวเอง ทว่าสายตากลับไม่ได้ละไปจากผู้ชายตรงหน้า เหมือนจะบอกให้มันได้รู้ว่าเขามาทันที่จะได้ยินคำพูดสกปรกของมันเมื่อครู่ทั้งหมด ทุกคำ
หลายครั้งที่คนในอ้อมกอดพยายามบอกให้รู้ถึงความคิดต่ำทรามของพี่ชายต่างมารดา แต่ก็เป็นทุกครั้งที่เขาไม่ยอมเชื่อจนวันนี้ วันที่บังเอิญมาได้ยินมันพูดด้วยหูตัวเอง!
“ผมก็แค่มาทักทายหนูนิดตามประสาพี่น้องพ่อเดียวกัน ไม่ได้เหรอครับ...” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบโต้อะไร ถึงได้พาตัวเองเดินหนีไป
แต่กระนั้นก็ยังไม่วายหันกลับมามองเป้าหมายของตัวเองท่ามกลางความรู้สึกเสียดาย ไหนจะรอยที่นังตัวดีฝากไว้เมื่อครู่ อีกไม่นานนักหรอก ที่เขาจะเอาคืนจนมันร้องไม่ออก!
“ไปเก็บเสื้อผ้า!” เป็นเสียงเข้มจัดของเขาที่เรียกสายตาเธอให้หันกลับมาสบตากันอีกครั้ง
“เก็บ...ไปไหนคะ”
“จากนี้เธอต้องย้ายไปอยู่กับฉันที่บ้าน” ยิ่งได้มาเห็นกับตาตัวเอง ว่าไอ้เวรนั่นมันตั้งใจกวนประสาทกันแค่ไหน เขายิ่งปล่อยให้คะนึงนิจอยู่บ้านเฮงซวยนี่ต่อไม่ได้ อย่างน้อยก็จนกว่าวันหย่าจะมาถึง
และจนกว่าจะถึงวันนั้น..เขาจะไม่ยอมถูกสวมเขาอีกเด็ดขาด ไม่ว่าจากใครหน้าทั้งนั้น!
พ่อของเธอไม่ว่าอะไรสักคำ เมื่อสามีลากเธอเข้าไปหาท่านถึงห้องทำงานเพื่อบอกให้รับทราบว่าเขาต้องการให้เธอย้ายไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน ต่างจากอีกคนที่ร้องโวยวายขึ้นทันที ก่อนจะถูกผู้เป็นแม่ลากตัวออกไป เพราะไม่อยากให้ใครนึกสงสัยต่อท่าทีนั้นของลูกชายตน
“คิดจะเอามันไปก็ไม่ต้องส่งกลับมาคืน เพราะที่นี่ไม่ต้อนรับ!” นั่นคือคำพูดสุดท้ายของพ่อที่ดังขึ้น ก่อนที่เธอจะถูกลากออกจากบ้านหลังนั้นด้วยฝีมือของคนที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดอะไรมีแต่ความเงียบที่น่าอึดอัดเท่านั้นที่ทำหน้าที่ของมันไป
“แม่ให้เด็กจัดห้องเอาไว้ให้แล้ว อยู่ข้างๆ ห้องของลม” นางเอื้องพรว่าก่อนจะลอบมองสองคนตรงหน้าอย่างคนใช้ความคิด นางอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เลือกที่จะเก็บความสงสัยนี้ไว้ก่อน ด้วยเชื่อว่าลูกชายคงมีเหตุผลที่ทำแบบนี้
แม้จะได้รับอนุญาตให้ย้ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองสามีภรรยาก็ไม่ได้คืบหน้าไปมากกว่าที่เคยเป็น คะนึงนิจยังคงทำงานในตำแหน่งเดิมของเธอ เพิ่มเติมคือต้องทำหนักกว่าใครหลายๆ คนเพื่อชดใช้ความผิดที่เธอเคยก่อ ซึ่งเรื่องนี้หญิงสาวก็ไม่ได้ขัดข้องเพราะคิดเอาเองว่ามันสาสมแล้วกับสิ่งที่เธอทำไว้ อย่างน้อยก็อยากแบ่งเบาภาระสามีให้ได้มากที่สุดเท่าที่กำลังจะพอทำให้เขาไหว
“ผมอดิสรณ์ครับ เราเคยคุยกันแล้วครั้งหนึ่งทางโทรศัพท์” วันนี้ก็เช่นกันที่เธอต้องออกมาต้อนรับคู่รายใหม่พร้อมกับปริญสามี แต่เขากลับโยนงานตรงหน้าให้เธอรับช่วงต่อหน้าตาเฉย
“ครับ ผมจำได้ ถ้าสงสัยก็ให้ถามเธอ เธอจะเป็นคนตอบคำถามแทนผมทั้งหมด ถ้ายังไงขอตัวก่อนนะครับ ผมมีงานต้องทำ” โยนงานเสร็จก็เดินหนีไปอย่างคนไร้มารยาท เดือดร้อนคนที่จู่ๆ ต้องมารับหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ ต้องรีบหันกลับไปส่งยิ้มเพื่อเป็นการขอโทษว่าที่คู่ค้าคนสำคัญของไร่เป็นการด่วน
“นิดต้องขอโทษแทนคุณลมด้วยนะคะ”