โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก!
เสียงเหมือนคนกำลังตอกตะปูจนบ้านไม้สั่นสะเทือนไปทั้งหลัง
“ฮือ ๆ เกสรไม่เอ็งน่าคิดสั้นเลย ฮึก ฮือ” เสียงสะอื้นไห้อยู่ข้างกายของเธออย่างไม่รู้สาเหตุ
ขนตางามงอนกะพริบถี่ค่อย ๆ เปิดม่านตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดังโครมครามและเสียงคนร้องไห้ เธอนิ่งไปชั่วขณะ ทำไมตัวเธอถึงได้มีผ้าขาวปิดหน้า สายตาเหลือบมองที่ข้อมือมีด้ายดิบสีขาวมัดข้อมือติดกันไว้ มือทั้งสองกระพุ่มไหว้พอหลวม ๆ มีดอกไม้และเทียนอย่างละคู่เธองอมือเข้าหาตัวอย่างช้า ๆ แล้วส่องดูทางปลายนิ้ว มีเหรียญห้าบาทขนาดใหญ่อยู่ในนั้นหนึ่งเหรียญ
นี่มันคือ…การมัดตราสัง!
เธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น แต่เหมือนตัวเองหายใจไม่สะดวกเหมือนมีอะไรอุดรูจมูกเธอไว้ เอื้อมมือทั้งสองมาดึงบางอย่างออกมา มันคือเส้นใยของผลฝ้ายสีขาวที่คนเอามาอุดจมูกตอนสิ้นใจแล้ว ก่อนหน้าเธอหายใจทางปากแต่มันก็ไม่ได้รู้สึกโล่งเพราะตอนนี้มันมี…มีเหรียญอยู่เต็มโพรงปากเธอ
กชกรตัดสินใจพลิกกายนอนตะแคงแล้วคายเหรียญออกพร้อมกับสำลัก
แค่ก! แค่ก!
ทุกคนที่กำลังนั่งเฝ้าศพอยู่ตรงนั้นต่างเงียบและนิ่งฟังเสียง เสียงคนงัดฝาบ้านเพื่อนำมาทำโรงศพก็เงียบไปแล้ว
“เสียงอะไร?” ฝ้าย ผู้เป็นแม่ถามทุกคนที่นั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้วยกันหลายสิบคน ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กและส่ายหน้าพรืด
แค่ก! แค่ก!
กชกรไออีกครั้งพร้อมกับคายเหรียญในปากออกมาจนหมดก่อนที่มันจะไหลลงไปอุดหลอดลมของเธอตายเสียก่อน สองมือที่มัดอยู่ค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น ผ้าขาวที่คลุมตัวเธอไว้หลุดร่วงลงไปกองอยู่ที่เอว
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเบิกตากว้างทำเสียงแตกฮือราวกับเห็นผี
กชกรมองคนที่นั่งอยู่เต็มบ้านตาปริบ ๆ มันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนสวมเสื้อผ้าค่อนข้างล้าสมัย ผู้หญิงสวมเสื้อคอกระเช้ากับผ้าซิ่นมัดหมี่ ผู้ชายสวมโสร่งเป็นส่วนมาก สูบบุหรี่จากมวนใบตองแห้ง ผู้หญิงเลยวัยกลางคนไปแล้วส่วนมากกินหมาก
“ผะ ผี” ยายคนหนึ่งพูดขึ้น ทุกคนต่างถอยหลังกรูดไปกองรวมกันอยู่มุมหนึ่งของบ้าน เว้นแต่ชายหญิงคู่หนึ่งที่ไม่ยอมลุกไปไหน
ฝ้ายกับแสงเทียนค่อย ๆ คลานเข่าเข้าไปหาลูก มองหน้าที่เคยซีดเผือดให้เต็มสองตา ตอนนี้มันเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้างแล้ว แสดงว่าเธอเป็นคนจริง ๆ ไม่ใช่ผีสางแต่อย่างใด
“เกสร เอ็งฟื้นขึ้นมาจริง ๆ เหรอ” แสงเทียนถามลูกสาวอย่างไม่เกรงกลัว
กชกรพยักหน้าแต่ยังนั่งนิ่ง
เกสรอย่างนั้นหรือ? ชื่อเหมือนผู้หญิงคนนั้นที่เธอเคยฝันถึง
แล้วเสียงของยายคนนั้นก็ดังเข้ามาในโสตประสาทของเธออีกครั้ง
‘ถึงเวลาที่หนูจะต้องกลับไปแก้ไขชะตาในอดีตแล้ว’
แสงเทียนรีบเข้ามาแก้มัดตราสังให้ลูกสาว
เธอคายบางอย่างที่หลงเหลืออยู่ในปากออกมา มันคือยาลูกกลอนเม็ดนั้นที่ยายปริศนาคนนั้นให้มา ยกแขนซ้ายขึ้นมาดูให้แน่ใจอีกครั้ง สร้อยข้อมือที่ร้อยด้วยลูกปัดสีแดงกับกระต่ายหยกก็ยังอยู่
กชกรหลับตาลงอีกครั้ง แล้วความทรงจำของเธอในชาติภพนี้ก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอเต็มไปหมด สิ่งที่เธอฝันเมื่อคืนก่อนมันไม่ใช่ความฝันแต่มันคือความจริงที่เธอเคยทิ้งสามีและลูกเพื่อไปอยู่กับชายชู้ที่เป็นตำรวจ
ใช่ เธอรู้แล้วว่าต้องกลับมาทำอะไรที่นี่ ชาตินี้เธอชื่อเกสรอายุเท่ากับชาติปัจจุบันของเธอ เพราะชาติที่แล้วเธอตายตอนอายุยี่สิบห้าปีพอดี และคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอนี้ก็คือพ่อกับแม่ หญิงชราคนนั้นไม่ได้โกหกเธอ
กชกรลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผู้คนต่างเข้ามามุงดูเธอ
“เอ็งไม่ใช่ผีจริง ๆ ใช่ไหม” ผู้ใหญ่เซียนที่เป็นผู้ใหญ่บ้านถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง
“มะ ไม่ใช่จ้ะ”
“แล้วเอ็งไปเที่ยวไหนมา” ชาวบ้านทั่วไปมีความเชื่อว่าคนที่ตายแล้วฟื้นย่อมไปเที่ยวนรกมาก่อน
“เอ่อ…” เกสรทำหน้าเหยเก แล้วเริ่มเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นมาให้ทุกคนฟังได้อย่างแนบเนียน ชาวบ้านต่างเออออไปกับเธอ
เมื่อรู้ว่าลูกสาวฟื้นคืนชีพกลับมาจริงแล้ว แสงเทียนจึงให้ชาวบ้านช่วยกันตอกฝาบ้านกลับเข้าที่ตามเดิม ชาวบ้านต่างลือกันไปต่าง ๆ นานา แล้วแต่ความเชื่อ จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ทั้งพ่อแม่ พี่สาวคนโต และครอบครัวของพี่ชายคนรองต่างตั้งหน้าตั้งตานั่งฟังเธอเล่าเรื่อง
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะแม่” เธอจำได้ว่าเธอกินยาแก้ปวดอยู่ที่บ้านพักตำรวจในกรุงเทพฯ เพราะรู้สึกปวดศีรษะจนแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยง ๆ
“ชายบอกว่าเอ็งมีชู้ พอเขาจับได้เอ็งก็เลยชิงกินยาฆ่าตัวตายก่อน มันเป็นเรื่องจริงไหม”
กินยาฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ? มีชู้ด้วย
มุมปากบางยกยิ้มขึ้นทำมุมสี่สิบองศา