ศิตาจ้องมองความงดงามของฌาร์มไม่วางตา ตั้งแต่ดวงหน้าไปจนถึงเนินอกอันได้รูป หลังจากเรือนร่างนั้นถูกปลดเปลื้องอาภรณ์ รอยยิ้มอายๆ ที่ได้เห็นทำให้ศิตายิ่งหลงใหลในตัวหญิงสาวที่ดูแสบ แต่แอบใสซื่อในบางครั้ง
“ฌาร์มสวยมากนะ รู้ไหม” ศิตาบอกและค่อยๆ บรรจงทาบทับริมฝีปากไปที่ริมฝีปากของฌาร์มที่ออดอ้อนคลอเคลีย จนศิตาไม่อยากจะออกห่างเลย ฝ่ามืออุ่นๆ ที่รูปไล้ไปที่แผ่นหลังทำให้ร่างกายอบอุ่น อันที่จริงต้องบอกว่าอบอุ่นไปถึงหัวใจมากกว่า ศิตารู้สึกเหมือนเป็นการปลอบโยนจากคนที่มีจิตใจดี ซึ่งค่อยๆ ลูบไล้อย่างแผ่วเบา ขณะจูบคลอเคลียอย่างอ่อนหวานและค่อยๆ ร้อนแรงขึ้น แววตาที่จ้องมองด้วยความใสซื่อเหมือนที่บอกว่าตัวเองชอบในตัวศิตามากกว่า ความรู้สึกผิดได้ผุดขึ้นมาทำให้ความใกล้ชิดชะงักงัน แต่แววตาอ่อนโยนของฌาร์มได้ดึงศิตาออกมาจากความรู้สึกผิดเมื่อสักครู่
“เป็นอะไร คุณซีนดูแปลกๆ นะ” ฌาร์มถามคนที่เริ่มมีน้ำตาคลอเมื่อได้ยินฌาร์มพูดออกมาน้ำเสียงนั้นมีแสดงความห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยม
“เสื้อผ้าไม่มี ก็ต้องแปลกล่ะ” ศิตาบอกแล้วยิ้มน้อยๆ เคลื่อนตัวไปจูบที่เนินอกของฌาร์มและดูดดื่มจนทำให้รู้สึกรุ่มร้อน จนคิดว่าร่างกายจะแตกสลายเสียให้ได้ ฌาร์มเริ่มหายใจแรง เมื่อจุมพิตจากริมฝีปากอบอุ่นทาบทับไปที่บริเวณหน้าท้องจากแผ่วเบาสลับกับหนักหน่วง ร่างกายรู้สึกอ่อนปวกเปียกทันที เมื่อมือของศิตาเอื้อมมาคลึงเคล้าและขยำอยู่ที่เนินอก เสียงครวญแผ่วเบาฌาร์มเปล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว คนได้ยินถือเป็นการยั่ว ยวนจึงเคลื่อนตัวมาจุมพิตอย่างร้อนแรง จนคนตั้งรับหายใจหายคอแทบไม่ทัน ฌาร์มขยับตัวลุกขึ้นนั่ง โดยศิตาคุกเข่ายอมให้เล้าโลมด้วยจุมพิตที่ค่อยๆ ทาบทับไปบนเรือนร่าง และมาหยุดออดอ้อนอ่อนหวานด้วยการดูดดื่มอยู่ที่จุดสัมผัสเล็กๆ บนเนินอก ซึ่งทำให้ศิตาถึงกับต้องบิดกายไปตามความรู้สึกที่แผ่ซ่านไปทุกอณูบนร่างกาย มือของศิตาปัดปายไปที่เนินอกของฌาร์มและเริ่มบีบรัดขยำขยี้ไปตามความรู้สึกเช่นเดียวกับที่ตัวเองได้รับ ศิตาค่อยๆ เคลื่อนตัวลงมาจูบฌาร์มอย่างดูดดื่ม สัมผัสที่ตอบรับทำให้ไฟในร่างกายเหมือนโดนเชื้อถาโถมปะทุจนลุกโชน ศิตาเผลอกัดเบาๆ ไปที่ริมฝีปากของ ฌาร์มที่ยิ้มน้อยๆ เมื่อศิตาจูบปลอบโยนไปบริเวณที่ตัวเองกัดไปเมื่อสักครู่ ร่างกายถูกสัมผัสไปในทุกสัดส่วนของกันและกัน ความรักกำลังแทรกเข้าไปในเรือนร่างของทั้งสองที่ค่อยๆ เคลื่อนตัว เพื่อให้สัมผัสที่กำลังแทรกซึมได้มอบความรู้สึกดีๆ ให้กันและกัน ร่างกายขยับเคลื่อนไหวเป็นจังหวะคล้ายดั่งสองสาวกำลังคลอเคลียอยู่บนฟลอร์เต้นรำ ด้วยจังหวะแผ่วเบาพลิ้วไหวจนกระทั่งร้อนแรงดุจเปลวไฟที่กำลังถาโถมเข้าไปในเรือนร่างของกันและกัน ความรักคลอเคลียอย่างอ่อนหวาน หลังจากร่างกายได้รับสัมผัสที่รู้สึกได้ทั้งสองฝ่ายว่าใช่ความรัก ร่างกายที่รัดเกร็งตระกองกอดกันและกันเอาไว้ ศิตาล้มตัวลงนอนทาบทับอยู่บนตัวของฌาร์มที่หอบหายใจรวยระริน ขณะที่ยังตระกองกอดศิตา ซึ่งขยับเอาใบหน้าแนบไว้กับเนินอกของฌาร์ม เสียงการเต้นของหัวใจที่ได้ยินช่วยให้หัวใจของศิตาค่อยๆ สงบลง จนรู้สึกได้ว่าสองหัวใจเต้นอยู่ในจังหวะเดียวกัน ศิตาจูบเบาๆ ไปที่เนินอกเปลือยเปล่าของ ฌาร์ม ซึ่งกระชับอ้อมกอดเล็กน้อย โดยไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งหลับไป
“ซีนรักฌาร์มนะ” ศิตาคิดอยู่ในใจก่อนจะหลับไปด้วยความกังวล
ก้าวหน้ากดส่งข้อความถึงฌาร์ม หลังจากมาถึงร้านกาแฟในตอนเช้าเหมือนเมื่อวาน แต่เจ้าของร้านมาสาย โดยไม่ได้สั่งอะไรกับแป๋วแหววไว้ ฌาร์มหยิบโทรศัพท์มาดูพร้อมกับดูเวลาและอ่านข้อความด้วย แต่คนที่นอนหลับตาพริ้มทับอยู่บนตัวได้ดึงดูดให้วางโทรศัพท์กลับลงที่เดิม เพราะอยากใช้ช่วงเวลาอย่างนี้อยู่กับศิตานานๆ
“ตัวอุ่นและนุ่มกว่าที่นอนอีกนะ” ศิตารำพึงออกมาเบาๆ เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ของฌาร์มเตือนว่ามีข้อความดังขึ้น
“นอนทั้งวันเลยไหมล่ะ ฌาร์มอยากอยู่กับคุณซีนนานๆ” ฌาร์มบอกความรู้สึกของตัวเอง ศิตาจึงเบียดตัวเข้าหาให้มากกว่าเดิม
และจูบเบาๆ ไปที่ปทุมถันของคนที่หัวเราะคิกคักออกอาการเขินอายให้เห็น
“ไว้วันหยุดได้ไหมล่ะ” ศิตาบอกคนที่ทำหน้ามุ่ยเหมือนไม่พอใจ
“ทำไงได้ล่ะ ชอบนักธุรกิจก็แบบนี้แหละ แต่ขออยู่ด้วยอีกหน่อยนะ ไปสายๆ ได้ไหมซีน” ฌาร์มเรียกศิตาโดยไม่มีคำว่าคุณนำ
หน้า เจ้าของชื่อยิ้มๆ แนบใบหน้าอยู่กับเนินอกเปลือยเปล่าที่แสนอบอุ่น
“ดีจัง เบื่อจะเป็นคุณซีน ได้เป็นซีนเฉยๆ เสียที” ศิตาหัวเราะเล็กๆ
“ก็สนิทกันแล้วนี่ ถ้าเรียกคุณอยู่แสดงว่าไม่สนิท” ฌาร์มพูดยิ้มๆ
“อะไรเพิ่งจะมาสนิท ซีนสนิทกับฌาร์มตั้งแต่ตอนอาบน้ำด้วยกันแล้วนะ สนิทช้าไปไหมเนี่ย” ศิตาเงยหน้ามาพูดต่อว่า แต่ยังคง
ยิ้มสวยๆ อยู่
“เป็นแฟนกับฌาร์มไหม” ฌาร์มพูดเสียงดังฟังชัด จ้องมองคนที่ทำ ท่าคิดจนทำให้เกิดความกังวลใจว่า บางทีอาจจะเร็วไปสำหรับคนที่มีรอยยิ้มจางลง
“ไม่ล่ะ ซีนขอบชามข้าว ไม่ได้ฌาร์มชื่อที่เขียนสวยๆ สักหน่อย”
“แสดงว่าไม่ตกลง ถ้าอย่างนั้น ฌาร์มจะรอซีนมาขอเป็นแฟนเองเพราะฌาร์มจะรีบตกลงทันที” ฌาร์มจูบเบาๆ ไปที่ริมฝีปาก
เรียวบางอยากบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับการบ่ายเบี่ยงนัก เพราะรู้ดีว่า ออกจะเร็วเกินไปซึ่งศิตาคงยังไม่มั่นใจในตัวคนที่เป็นเด็กกว่าอย่างฌาร์ม
“ชาติหน้าโน่นแหละ” ศิตาหัวเราะเล็กๆ แนบใบหน้าเข้ากับเนินอกของฌาร์มอีกครั้ง
“วันเสาร์ตอนเย็นว่างไหม อยากชวนไปกินข้าว” ฌาร์มไม่ได้บอกว่าจะชวนไปที่บ้าน แต่อยากพาไปเลย อยากให้ศิตาแปลกใจ
อีกอย่างหากมีคนอยู่ด้วยตอนบิดาพาแฟนใหม่มาน่าจะดีกว่า
“เสียใจค่ะ มีนัดแล้ว เอาไว้วันอาทิตย์สิ” ศิตาบอก
“อือ” ฌาร์มยิ้มจางๆ
“เป็นอะไร จะพาซีนไปไหน” ศิตาถาม
“พาไปทานข้าวสิคะ ไม่เป็นไรไว้วันอาทิตย์ก็ได้” ฌาร์มบอก ศิตาขมวดคิ้วจ้องมองคล้ายจับผิด
“แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรพิเศษ” ศิตาถามย้ำ
“ไม่มีสำหรับเราสองคน” ฌาร์มยิ้มกับคำว่าเราที่ตัวเองพูดออกมา ศิตาเอื้อมไปหยิบบางสิ่งออกมาจากโต๊ะข้างเตียง
“น่ารักดีเลยอยากให้ไว้แทนตัวซีน” ศิตาบอกแล้วยิ้มๆ เมื่อเห็นสร้อยข้อมือซึ่งมีจี้เป็นรูปปลาตะเพียนทำจากทองคำขาว
“ไม่มีอะไรแทนตัวซีนได้หรอกนะ สำหรับฌาร์ม”
“ไว้ดูเวลาคิดถึงกันไง” ศิตาบอกและพยักหน้าให้ฌาร์มยื่นมือมา
“คิดถึงไปหาดีกว่าไหม จะให้มานั่งดูสร้อยทำไมกัน”
“นั่นสิเนอะ ซีนเป็นของฌาร์มนะ” ศิตาพูดทิ้งท้าย หลังจากสวมสร้อยข้อมือให้และดึงฌาร์มมากอดเอาไว้แน่น
“เราเป็นของกันและกัน” ฌาร์มรำพึงออกมาเบาๆ และกอดศิตาเอา ไว้แน่นเช่นกัน
ฌาร์มไม่ได้บอกเรื่องที่บิดาจะพาว่าที่ภรรยาคนใหม่ของท่านมาทานอาหารที่บ้าน คนเป็นลูกสาวกลับบ้านมาตั้งแต่บ่ายเพื่อดูแลเรื่องอาหารให้เรียบร้อย ถึงแม้จะรู้ว่าแม่บ้านจัดการได้เป็นอย่างดี แต่ไม่อยากให้ใครมาว่าบิดาได้ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ถ้าเขาเป็นคนดีฌาร์มจะเคารพรักในฐานะญาติ เพราะความสุขของบิดาเป็นความสุขของฌาร์มด้วย ถึงแม้พักหลังจะเหินห่างกันไปบ้างก็ตาม
“เรียบร้อยดีนะคะ” ฌาร์มถามแม่บ้านที่จัดเตรียมอาหารพร้อมไปจัดที่โต๊ะคงพอดีกับเวลาที่บิดามาถึง
“ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้น ฌาร์มไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ฌาร์มบอกกับแม่บ้านที่ยิ้มๆ ให้
เมื่อช่วงเช้าได้พูดคุยกับศิตาเล็กน้อย แต่เห็นว่าช่วงเย็นจะยุ่งๆ จนค่ำ แต่จะโทรฯ มาตอนกลับถึงบ้าน ฌาร์มเองตั้งใจว่า หากแขกที่มากลับจะส่งข้อความบอกศิตาด้วยเช่นกัน ฌาร์มยิ้ม เมื่อเห็นข้อความจากก้าวหน้าปรากฏให้เห็น หลังจากอ่านจึงตอบกลับและเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
“แขกวีไอพี กินข้าวบ้านก็ต้องแต่งตัวเรียบร้อยสักหน่อย ไม่อย่างนั้นเขาจะว่าไปถึงพ่อ ถึงแม่ได้” ฌาร์มหัวเราะกับการพูดบ่นตัว
เองเหมือนเป็นคนแก่ ปลาตะเพียนขยับไปมาเสมอเหมือนปลาที่อยู่ในน้ำยามฌาร์มขยับหรือเคลื่อนไหวตัวเอง คนที่กำลังอาบน้ำยิ้ม
และยกมือขึ้นมามองดูเจ้าปลาตะเพียนตัวน้อยที่ห้อยติดอยู่กับสร้อย
บิดาหัวเราะ เมื่อได้ยินเสียงฮัมเพลงของลูกสาวตั้งแต่เปิดประตูห้องออกมา หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ชัชวาลนั่งนิ่งตัวแข็งเมื่อได้ยินเสียงนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะมองขึ้นไป เมื่อได้ยินเสียงฮัมเพลงดังใกล้เข้ามาทุกที แต่เมื่อเสียงเงียบไปทำเอาถึงกับถอนใจ ฌาร์มนิ่งงันเมื่อลงมาเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างบิดา ภาพที่เห็นทำให้เจ้าตัวหยุดนิ่งอยู่ที่บันไดครู่หนึ่ง หันรีหันขวางจนทำ เอาบิดาแปลกใจ เพราะเมื่อสักครู่ยังเดินฮัมเพลงลงมาท่าทางดูมีความสุข
“ฌาร์ม นี่คุณศิตา” บิดาพูดขึ้น ฌาร์มถอนใจ แต่ไม่กล้าที่จะสบตาทำเพียงแค่พนมมือไหว้ แต่เหมือนสายตาถูกดึงดูดให้จ้อง
มองคนที่จ้องมองเธออยู่ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร แต่สายตาเรียบนิ่งนั้นทำให้ฌาร์มรู้สึกว่า สิ่งที่ต้องทำ คือ หน้าที่ของเจ้าบ้านและ
ลูกสาว
“ฌาร์มครับ คุณซีน ลูกสาวผม” ชัชวาลบอกกับศิตาที่ยิ้มจางๆ ให้และรับไหว้คนที่อายุน้อยกว่า สองสาวนิ่งงันไม่ได้เอื้อนเอ่ย
อันใดเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ที่ทำให้ตกตะลึงเมื่อได้พบกันมากกว่า
“เคยเจอกันที่ห้องเสื้อค่ะ ไปกับคุณนุช” ศิตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะบอกออกไป
“อ้าวเหรอครับ ผมไม่ยักรู้ เชิญครับทานข้าวกันดีกว่า” ชัชวาลเอามือแตะเบาๆ ไปที่ด้านหลังของศิตาอย่างสุภาพ ฌาร์มยังยืน
อยู่ที่เดิมและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองดูบิดากับสาวสวยที่พามาให้แน่ใจว่า ผู้หญิงคนนั้นใช่ศิตาจริงๆ
ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ฌาร์มก้มหน้าก้มตาเสียเป็นส่วนใหญ่ไม่อยากสบตากับศิตาที่มองมาบ้าง เพราะนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน บิดาดูแลแขกของท่านเป็นอย่างดี ศิตามองดูสร้อยข้อมือที่ฌาร์ม สวมใส่ เมื่อคนใส่อยู่เห็นจึงถอดออกและเก็บใส่กระเป๋ากางเกง
“ฌาร์มขอออกไปรับแขกก่อนนะคะ พ่อ มีคนอยากให้พ่อรู้จักเหมือน กัน” ฌาร์มบอกแล้วชำเลืองมองศิตาที่จ้องเขม็งตั้งแต่ฌาร์
มถอดสร้อยข้อมือออกให้เห็นคาตา เสียงหัวร่อดังแว่วๆ มา ศิตารู้เลยว่าคนที่มาเป็นใคร
“น้าซีน” ก้าวหน้ารำพึงออกมาเบาๆ พนมมือไหว้ผู้ใหญ่และเดินไปนั่งข้างๆ ฌาร์ม
“ก้าวค่ะ เป็นแฟนฌาร์ม” ฌาร์มพูดโพล่งออกมาทำเอาก้าวหน้ารีบหันขวับไปทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อเห็นบิดาของฌาร์มยิ้ม จึงยิ้ม
เจื่อนๆ ให้ท่าน ก้าวหน้าเอื้อมมือไปหยิกที่มือฌาร์มซึ่งหันมายิ้มให้แล้วพยักหน้า
“ว่าแล้วเชียว เห็นพักนี้อารมณ์ดี เดินฮัมเพลงมาเลยที่แท้พาแฟนมาให้พ่อรู้จัก ดีจริงๆ เลย” ชัชวาลบอก แล้วเอ่ยปากเชื้อเชิญ
ก้าวหน้าให้ร่วมรับประทานอาหาร
“ขอบพระคุณค่ะ” ก้าวหน้าบอก ยิ้มเจื่อนๆ ให้ศิตาที่จ้องเขม็ง
“พาก้าวไปล้างมือหน่อยสิ” ก้าวหน้ากระซิบบอก ฌาร์มเลยลุกขึ้นและเดินนำหน้าไป
“ฌาร์มรอตรงนี้นะ”
“ทำไม ไม่บอกกันก่อนทำหน้าไม่ถูกเลย เล่นอะไรของฌาร์ม”
“ฌาร์มดีพอจะเป็นกับแฟนก้าวไหมล่ะ ก้าวชอบผู้หญิงหรือเปล่า” ฌาร์มถาม
“มันไม่เกี่ยวว่าดีพอหรือเปล่า ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ แล้วน้าซีนกำลังจะมาเป็น” ก้าวหน้าไม่ได้พูดต่อ แต่คิดว่าฌาร์มคงรู้ดี
อยู่แล้ว
“เร็วๆ เถอะ ผู้ใหญ่รอนานไม่ดี” ฌาร์มพูดสรุปโดยไม่คิดจะอธิบายอะไร ฌาร์มว่าแปลกแล้ว น้าสาวของก้าวหน้าเองก็แปลกไม่
น้อยไปกว่ากันนัก โดยเฉพาะแววตาที่เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินฌาร์มแนะนำก้าวหน้ากับบิดา
“โกหกผู้ใหญ่ไม่สนุกหรอกนะ” ก้าวหน้าบ่นพึมพำ
“ผู้ใหญ่โกหกก็ไม่สนุกเหมือนกันนั่นแหละ” ฌาร์มพูดลอยๆ และผลักก้าวหน้าให้เข้าไปล้างมือ
ฌาร์มจับมือก้าวหน้าเดินกลับมาหลังจากพาไปล้างมือมาแล้ว ศิตามีใบหน้าเรียบนิ่งดูเย็นชาในความรู้สึกของฌาร์ม ซึ่งยิ้มเหยียดๆ ให้เล็กน้อย
“พ่อไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ ว่าฌาร์มชอบพออยู่กับหลานคุณซีน”
“เราจะได้แปลกใจกันทั้งพ่อทั้งลูกไงคะ” ฌาร์มพูดจบปลายตามองไปทางศิตาเล็กน้อย
“นี่ครับของโปรดยายฌาร์ม ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ แม่ของฌาร์มสอนแม่บ้านเอาไว้ รสชาติเดียวกับที่เขาเคยทำเลย” บิดายิ้มน้อยๆ เมื่อได้พูดถึงภรรยาเก่า ฌาร์มยักไหล่เมื่อเห็นศิตามองมา จึงตักอาหารเช่นเดียวกันให้กับคนที่นั่ง
อยู่ข้างๆ
“หาเรื่องให้ใหญ่มากเลย ฌาร์มนะ ฌาร์ม” ก้าวหน้าคิดอยู่ในใจไม่กล้าแม้แต่จะมองสบตากับศิตาที่วันนี้เงียบจนผิดปกติ จะตอบเฉพาะเมื่อชัชวาลถาม ส่วนฌาร์มเองก็ดูแปลกๆ หรือเพราะศิตาจะมาเป็นภรรยาใหม่จึงทำให้ฌาร์มมีปฏิกิริยาแปลกๆ แต่ไม่เห็นต้องแนะนำเลยว่า ก้าวหน้าเป็นคนรักนั่นแหละ คือ เรื่องแปลกที่สุด
หลังมื้ออาหารศิตาออกไปเดินเล่นที่สนามหน้าบ้าน เพราะชัชวาลมีคนโทรศัพท์เข้ามาและต้องรับสายนั้น
“อาหารอร่อยถูกปากไหมคะ” ฌาร์มถาม เมื่อเดินตามศิตาออกมา
“ก็ดีนะ” ศิตาพูดขึ้น
“พ่อดูแลคุณอย่างดี ก็ต้องดีแหละ” ฌาร์มพูดขึ้น ศิตาถอนใจแต่เมื่อฌาร์มมายืนอยู่ใกล้ๆ จึงเอื้อมมือไปจับมือฌาร์มเอาไว้ แต่ถูกสะบัดมือออกทันที
“ฌาร์มโตแล้ว ไม่อยากถูกหลอกซ้ำซาก สุดท้ายคุณก็เป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไป หน้าตา ลาภยศ เงินทอง ความเหมาะสม แฝงไว้
ด้วยความหลอกลวง ทำได้ไงว๊ะ” ฌาร์มพูดขึ้นเสียงค่อนข้างดัง ศิตาเพียงแค่ฟังไม่ได้พูดอะไร
“เห็นแบบนั้น ซีนก็เป็นแบบนั้นแหละ พอใจหรือยัง ไปดูแลแฟนเถอะ แล้วช่วยดูแลให้ดีด้วยล่ะ นั่นน่ะหลานซีน” ศิตาพูดด้วยน้ำ
เสียงคล้ายขู่
“เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ มองข้ามคนจริงใจไป ไปหลงลมคนหลอกลวง ฌาร์มจะดูแลหลานคุณเป็นอย่างดี ดีกว่าที่เคยดูแล
มาก่อนหน้านี้แน่” ฌาร์มพูดจบก็เดินกลับเข้าบ้านไป ศิตามีน้ำตาเอ่อ แต่พยายามไม่ให้ไหลรินออกมา
“ของหลอกเด็กเอาคืนไปเถอะ” ฌาร์มดินกลับมาเอาสร้อยรูปปลาตะเพียนยื่นให้ศิตาที่ยืนนิ่งไม่ได้สนใจ สร้อยเส้นนั้นจึงถูกปล่อยลงไปกองอยู่ที่พื้น ก้าวหน้าไม่ได้ยินการสนทนา แต่การแสดงออกของทั้งสองดูแปลกๆ
“มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย” ก้าวหน้ารำพึงออกมาเบาๆ แล้วถอนใจ เพราะฌาร์มเองไม่ยอมเล่าอะไร แต่ท่าทางการพูดคุยที่ดู
เหมือนเป็นการต่อว่ากันระหว่างศิตากับฌาร์มทำให้ก้าวหน้าไม่แน่ใจนักว่า ควรจะทำอย่างไรต่อไป