ตอนที่ 1
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ธิชา เปิดประตูให้พี่หน่อยสิ พี่เอาข้าวมาให้น่ะ”
เสียงห้าวของพ่อเลี้ยงพายุ ฤทธิ์ธิเดช แห่งไร่ฤทธิ์ธิเดช เรียกน้องสาวคนเล็กที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ ชายหนุ่มมีร่างกายที่แข็งแกร่งสูงใหญ่และกำยำ เป็นที่คลั่งไคล้ของเหล่าคนงานสาวๆ ภายในไร่ฤทธิ์ธิเดชเป็นอย่างมาก ความที่มีใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรทำให้ชื่อเสียงของพ่อเลี้ยงพายุเป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่ทั่วทั้งจังหวัดเชียงรายเป็นยิ่งนัก
ดวงตาสีนิลกาฬยังคงจับจ้องมองอยู่ที่ประตูห้องนอนของผู้เป็นน้องสาว ด้วยเพราะน้องน้อยไม่ยอมที่จะออกไปไหนเลยตั้งแต่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ ในครั้งนี้ หญิงสาวเอาแต่เก็บตัวอยู่ภายในห้อง จนน้องชายอีกคนของเขาต้องไปขอให้พี่ชายคนโตมาช่วยกันเรียกให้น้องสาวคนเล็กของบ้านยอมเปิดประตูออกมาเสียที
“เห็นไหมพี่พายุ ผมบอกแล้วว่าธิชาน่ะมันไม่ยอมออกมาจากห้องเลย พี่เองก็เคาะเรียกอยู่ตั้งนานแล้วมันก็ยังไม่ยอมเปิดประตูห้องออกมาหาพวกเราเลยดูสิ”
อัคคี ฤทธิ์ธิเดช น้องชายคนรองของไร่ฤทธิ์ธิเดชพูดบอกออกมาด้วยความขัดใจ ใบหน้าหล่อเหลายู้เข้าหากันอย่างหงุดหงิด ด้วยน้องน้อยไม่ยอมเปิดประตูให้กับคนเป็นพี่สักที
ร่างกายสูงใหญ่กำยำไม่แพ้คนเป็นพี่ชายเดินวนไปเวียนมาที่หน้าประตูห้องอย่างใช้ความคิด ดวงตาสีสนิมเหล็กมองสบตากับคนเป็นพี่ก่อนจะพยักหน้าให้กันว่าพวกเค้าคงจะต้องพังประตูห้องเข้าไปหาน้องนุชคนสุดท้องเป็นแน่
“เดี๋ยวเราถีบประตูห้องพร้อมๆ กันเลยนะอัคคี”
พายุพูดบอกน้องชายออกไปด้วยด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“ได้เลยพี่ชาย ผมพร้อมอยู่แล้ว เดี๋ยวเรานับหนึ่งถึงสามแล้วถีบประตูพังเข้าไปเลย”
อัคคีบอกคนเป็นพี่ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสองจะเริ่มนับ ร่างของหญิงวัยกลางคนก็เดินตรงรี่เข้ามาหาผู้เป็นนายทั้งสองแล้วพูดร้องขึ้น
“หยุดค่ะ! หยุด! อย่าเพิ่งพังประตูค่ะพ่อเลี้ยง คุณอัคคี!”
ป้าสายใจ แม่บ้านที่คอยดูแลผู้เป็นนายทั้งสามของไร่ฤทธิ์ธิเดชแห่งนี้นั่นเอง
“อย่าพังประตูห้องเลยค่ะ พ่อเลี้ยง คุณอัคคี นี่ค่ะกุญแจของบ้าน ป้าเอามาให้แล้ว”
ป้าสายใจพูดบอกน้ำเสียงเหนื่อยหอบ ก่อนจะยื่นพวงกุญแจของห้องทั้งหมดภายในบ้านหลังนี้ให้กับพ่อเลี้ยงพายุเจ้านายของตน
พายุรับพวงกุญแจพวงใหญ่จากป้าสายใจมาถือไว้ในมือ ดวงตาสีนิลกาฬจับจ้องอยู่ที่พวงกุญแจอยู่พักนึง ก่อนจะส่งให้กับอัคคีแล้วพูดขึ้นว่า
“นายดูสิว่ากุญแจห้องของธิชามันดอกไหน พี่ขี้เกียจหาว่ะ มันเยอะหลายดอกเหลือเกิน”
“อ้าวพี่พายุ ทำไมโยนมาให้ผมล่ะ แล้ววันนี้ผมจะหาเจอไหมล่ะเนี่ย”
อัคคีบ่นกระปอดกระแปด ใบหน้าหล่อเหลางอง้ำขึ้นมาทันที แต่ก็ยื่นมือเรียวแกร่งออกไปรับพวงกุญแจจากคนเป็นพี่
ป้าสายใจถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นางเองก็ลืมไปว่าเจ้านายหนุ่มทั้งสองของนางนั้นไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องใช้กุญแจของบ้านไขเข้าห้องไหนๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว และหากจะให้เอาลูกกุญแจไขเข้าไปที่ห้องของคุณหนูคนเล็กเห็นทีกว่าจะไขเข้าไปได้ดีไม่ดีประตูห้องอาจจะพังไปก่อนแล้วก็เป็นได้
“มาค่ะ เดี๋ยวป้าไขให้เอง”
พูดจบป้าสายใจก็ยื่นมือเข้าไปขอกุญแจจากมือของอัคคีทันที ชายหนุ่มยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับส่งให้กับป้าสายใจแต่โดยดีเช่นกัน
“ดีเลยป้า เพราะถ้าหากว่าให้ผมกับพี่พายุไขละก็สงสัยวันนี้คงไม่ต้องเข้าไปหาธิชาเป็นแน่”
แต่ยังไม่ทันที่ป้าสายใจจะลงมือไขกุญแจห้องของน้องน้อย ประตูห้องก็ค่อยๆ เปิดออกมาเผยให้เห็นร่างบอบบางของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของห้อง ชลธิชา ฤทธิ์ธิเดช หรือ ธิชา น้องน้อยสุดรักสุดหวงของพี่ชายทั้งสองเป็นยิ่งนัก ใบหน้าสวยหวานยามนี้มีแต่คราบน้ำตาเกรอะกรัง ก่อนที่ร่างบอบบางจะโผเข้าไปหาอกกว้างของพี่คนโต แล้วหญิงสาวก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้อย่างเดียวเท่านั้น
“พี่พายุ...ฮือๆ...”
หญิงสาวพูดได้เพียงเท่านั้น แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย เจ้าหล่อนเอาแต่ร้องไห้ จนคนเป็นพี่ทั้งสองไม่รู้จะปลอบใจอย่างไรดี ก่อนที่อัคคีจะพูดขึ้น
“ธิชา อย่าร้องไห้เลยนะ เป็นอะไรไป ใครทำให้น้องน้อยของพี่เสียใจถึงขนาดนี้กัน บอกพี่เถอะ เดี๋ยวพวกพี่จะไปจัดการให้”
ชลธิชาเงยหน้าออกจากอกกว้างของพายุ แล้วเงยมองหน้าพี่ชายคนโต ก่อนจะหันกลับมามองอัคคีพี่ชายคนรองของเธอแล้วก็โผเข้าไปหาอ้อมอกเจ้าของคำพูดที่บอกว่าจะไปจัดการคนที่ทำให้เธอต้องมาร้องไห้เสียน้ำตาอย่างนี้
อัคคีรับร่างบอบบางของน้องสาวเอาไว้ ก่อนที่จะโอบกอดและปลอบโยนให้น้องน้อยได้คลายความทุกข์โศก ชายหนุ่มทำท่าจะพูดอะไรออกมาอีกแต่ก็ต้องหุบปากลงทันทีเมื่อดวงตาสีนิลกาฬของพี่ชายคนโตมองจ้องเขม็งพร้อมกับส่ายหัวไปมาเบาๆ เป็นเชิงบอกให้เขารู้ว่าตอนนี้ไม่สมควรที่จะต้องพูดอะไรทั้งสิ้นนอกจากปล่อยให้น้องน้อยของพวกเขาได้ร้องไห้ระบายความอัดอั้นออกมาให้หมดเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยถามเอาความจริง
ป้าสายใจเองเมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางเป็นผู้เปิดประตูห้องออกมาเองก็รีบค้อมกายลงแล้วรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ด้วยเพราะรู้หน้าที่ดีว่ายามนี้ไม่สมควรที่จะมีบุคคลภายนอกอยู่ร่วมในเหตุการณ์นี้
เวลาผ่านไปได้พักใหญ่ สามคนพี่น้องยังคงยืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของน้องนุชคนสุดท้อง พี่น้องทั้งสามไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลย พวกเขายังคงยืนอยู่ที่จุดเดิม จนกระทั่งเสียงร้องไห้ของชลธิชาเริ่มเงียบลง ตอนนี้หลงเหลือเพียงเสียงสะอื้นไห้ออกมาเป็นระยะๆ เท่านั้น ก่อนที่ใบหน้าสวยหวานจะค่อยๆ เงยขึ้นมองคนเป็นพี่ทั้งสอง แล้วพนมมือไหว้เพื่อเป็นการขอโทษที่ทำให้พี่ชายทั้งสองต้องเป็นห่วงเธอ
“ธิชาต้องขอโทษพี่พายุกับพี่อัคคีด้วยนะคะที่ทำให้พวกพี่ต้องเป็นห่วงน่ะค่ะ”
“พี่ว่าเราไปคุยกันในห้องดีกว่านะ พี่ไม่อยากยืนคุยตรงนี้ ไปธิชาเข้าห้อง”
พ่อเลี้ยงพายุพูดสั่งน้องน้อยออกมา ก่อนที่จะเป็นคนเดินนำหน้าก้าวเข้าไปภายในห้องของน้องสาวเป็นคนแรก ทำให้เจ้าของห้องร้องห้ามเอาไว้ไม่ทัน จึงจำต้องยอมเดินตามกลับเข้าไปภายใน ก่อนที่จะรีบเดินเข้าไปที่เตียงนอนหนานุ่มแล้วดึงผ้าห่มคลุมถุงยาเอาไว้เพราะไม่อยากจะให้พี่ชายทั้งสองได้เห็นมัน
แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว อัคคีที่เดินตามหลังเข้ามาเป็นคนสุดท้ายกลับหันกลับมามองทันพอดีกับที่น้องน้อยของเขาเอาผ้าห่มคลุมทับถุงอะไรบางอย่าง ริมฝีปากของชายหนุ่มจึงพูดถามออกไปทันที
“นั่นถุงอะไรน่ะธิชา แล้วเราจะเอาผ้าห่มไปคลุมมันไว้ทำไมล่ะ”
อัคคีถามออกมาพร้อมกับเดินไปเปิดผ้าห่มออก แต่หญิงสาวร้องห้ามพร้อมกับพาร่างบอบบางหันกลับมาเผชิญหน้ากับพี่ชายคนรองแล้วกางมือออกเหมือนกับจะขวางกั้นไม่ให้พี่ชายได้เข้าไปใกล้เตียงนอนของเธอ
“อย่านะพี่อัคคี! อย่ามายุ่งกับเตียงของธิชานะ!”
ชลธิชาร้องบอกคนเป็นพี่ออกมาเสียงดัง แต่หญิงสาวคงลืมไปว่าเจ้าหล่อนนั้นมีพี่ชายอยู่ด้วยกันสองคน เมื่อคนหนึ่งถูกน้องน้อยขวางเอาไว้ อีกคนหนึ่งจึงทำหน้าที่นั้นแทน
พายุที่เดินเข้ามาก่อนเป็นคนแรก แต่เพราะความที่ห้องนอนของน้องน้อยไม่ยอมเปิดหน้าต่างรับอากาศบริสุทธิ์ให้เข้ามาในห้อง แถมยังมีม่านบดบังแสงสว่างอีกจึงทำให้เขาต้องเปิดหน้าต่างออกก่อนแล้วจึงได้หันมาตามเสียงพูดของน้องทั้งสอง
ดวงตาสีนิลกาฬของพ่อเลี้ยงพายุมองจ้องมาที่เตียงนอนของน้องน้อยทันทีที่หญิงสาวพูดจบ มือเรียวใหญ่ของคนเป็นพี่ตวัดเปิดผ้าห่มที่น้องสาวเพิ่งจะใช้มันคลุมปิดถุงยาเอาไว้ ก่อนที่จะคว้าถุงยานั้นขึ้นมาอ่านว่าแพทย์จ่ายยาอะไรมาให้น้องสาวของตน ชลธิชาถึงกับตกใจใบหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นคนเป็นพี่ตวัดผ้าคลุมเตียงออกเช่นนั้น
“ว้าย! พี่พายุอย่า!”
ร่างบอบบางทำท่าจะเข้าไปคว้าถุงยาของตนเองคืน แต่หญิงสาวก็ต้องหยุดชะงักกับสายตาดุดันของพี่ชายคนโตที่มองมายังตน ใบหน้าสวยหวานที่ซีดเซียวอยู่แล้วกลับซีดหนักลงไปอีก ร่างบอบบางสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความกลัว ก่อนจะนั่งลงบนเตียงนอนแล้วก้มหน้าร้องไห้ออกมาแล้วพูดขึ้นว่า
“ธิชา...ขอโทษ”
พายุยืนตัวแข็งอยู่ตรงหน้าน้องน้อย พ่อเลี้ยงหนุ่มพูดอะไรไม่ออก เมื่อน้องน้อยพูดประโยคนี้ออกมา ก่อนที่อัคคีจะเดินเข้ามาหาพี่ชายแล้วยื่นมือไปหยิบถุงยาของน้องสาวออกมาดูว่ามันคือยาอะไร ทำไมพี่ชายกับน้องสาวของเขาถึงมีอาการเช่นนี้ แต่ขออย่าให้มันเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้เลย
ดวงตาสีสนิมของอัคคีลุกวาบขึ้นทันทีที่ได้เห็นซองยาที่เขียนว่า ‘ยาบำรุงครรภ์’ นี่น้องสาวของเขาท้องหรือเนี่ย อัคคีนิ่งเงียบไปหลายนาทีก่อนที่จะเค้นเสียงถามออกมาว่า
“นี่หมายความว่ายังไงธิชา พวกพี่ส่งเธอให้ไปเรียนหนังสือนะ แล้วเรียนยังไงมันถึงได้ท้องป่องออกมาอย่างนี้”
น้ำเสียงเย็นชาถามออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ถมึงทึงของอัคคี ชลธิชารีบเลื่อนตัวทรุดลงมานั่งแทบเท้าของพี่ชายทั้งสองทันที หญิงสาวพนมมือขึ้นแล้วจะไหว้กราบขอโทษ แต่พายุและอัคคีพี่ชายทั้งสองของเธอกลับก้าวเท้าถอยหนีออกมาเกือบจะพร้อมๆ กัน พวกเขาทั้งคู่ผิดหวังและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องน้อยยิ่งนัก
ชลธิชาเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพี่ชายทั้งสองก็ยิ่งเสียใจกับความผิดพลาดของตนเอง จากที่พนมมือจะไหว้ขอโทษหญิงสาวกลับต้องยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ
“พี่พายุ พี่อัคคี ธิชาขอโทษ ธิชาผิดไปแล้วค่ะ”
หยดน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย ทั้งพายุและอัคคีเจ็บปวดที่หัวใจในสิ่งที่น้องสาวทำจนเกินจะรับไหว แล้วอย่างนี้พวกเขาจะมีหน้าไปบอกกับพ่อแม่บนสวรรค์ได้อย่างไร
“ธิชา! เธอรู้ไหมว่าเธอทำลายความไว้วางใจของพวกพี่ลงไปทั้งหมด ไหนรับปากกับพี่เป็นมั่นเป็นเหมาะไงล่ะว่าจะไม่เหลวไหล แล้วนี่มันอะไรห๊ะ!”
พ่อเลี้ยงพายุผู้เป็นพี่ชายคนโตตวาดเสียงก้องออกมาด้วยความโกรธ สีหน้าและแววตาถมึงทึงยิ่งนัก
“ธิชาเสียใจค่ะพี่พายุ ธิชาเสียใจ”
ชลธิชายังคงซบหน้ากับฝ่ามือสะอื้นไห้ไม่ยอมหยุด สีหน้าและแววตาของพายุและอัคคีนั้นเจ็บปวดจนยากจะบรรยายได้
“ธิชารู้ไหมว่าพี่สองคนเสียใจมากขนาดไหน พวกพี่เฝ้าพร่ำสอนน้องสาวคนเดียวของพวกพี่ว่ายังไง แล้วธิชารับปากกับพวกพี่ไว้ว่ายังไงยังจำได้หรือเปล่า แล้วพวกพี่จะมีหน้าไปบอกพ่อกับแม่ได้ยังไงว่าดูแลเธอได้เป็นอย่างดี ในเมื่อเรียนเธอก็ยังเรียนไม่จบ ธิชารู้ตัวไหมว่าได้ทำลายความหวังและความตั้งใจของพวกพี่จนมันพังทลายยับเยินไม่มีชิ้นดีแล้ว ธิชาทำกับพวกพี่อย่างนี้ได้ยังไงกัน”
พ่อเลี้ยงพายุตะคอกถามน้องน้อยที่เขารักด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะหันหลังให้ ไหล่แข็งแกร่งสั่นสะท้านขึ้นอย่างพยายามเก็บกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้ ชลธิชาร้องไห้โฮออกมาก่อนจะคลานเข่าเข้าไปกอดขาของพ่อเลี้ยงพายุเอาไว้แล้วพูดขึ้นว่า
“พี่พายุขา ธิชาขอโทษ ยกโทษให้น้องสาวเลวๆ คนนี้ด้วยเถอะนะคะ ธิชาผิดไปแล้ว ฮือๆ”
พูดจบหญิงสาวก็เงยหน้ามองพี่ชายคนรองก่อนจะคลานเข่าเข้าไปหาแล้วเข้าไปกอดขาของอัคคีเอาไว้แล้วพูดกับพี่ชายคนรองว่า
“พี่อัคคีขา ยกโทษให้ธิชาเถอะนะคะ ธิชาผิดไปแล้ว ฮือๆๆ อภัยให้ธิชาเถอะนะคะ พี่พายุ พี่อัคคี”
ทั้งพายุและอัคคีต่างยืนมองหน้ากันนิ่ง ชลธิชาน้องน้อยของพวกเขาทั้งสองคนตอนนี้ช่างน่าเวทนายิ่งนัก หญิงสาวยังคงกอดขาของอัคคีเอาไว้แน่น เสียงร้องไห้ของน้องน้อยมันช่างบาดลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจของคนเป็นพี่เหลือเกิน ก่อนที่พ่อเลี้ยงพายุผู้เป็นพี่ชายคนโตจะถามออกไป
“ธิชาท้องกี่เดือนแล้ว” น้ำเสียงที่ถามออกมานั้นช่างเย็นชายิ่งนัก
“เดือนกว่าแล้วค่ะ”
ชลธิชาตอบออกมาเสียงแผ่ว หญิงสาวไม่กล้าที่จะเงยมองหน้าพี่ชายทั้งสอง
“คนที่มันทำธิชามันเป็นใคร” อัคคีเค้นเสียงถามออกมา
“เขา...ฮือๆ...”
ชลธิชาไม่ตอบ มีเพียงแต่เสียงสะอื้นไห้ที่ดังออกมาเท่านั้น ก่อนที่มือเรียวของน้องน้อยจะละออกจากขาของอัคคีแล้วยกขึ้นปิดใบหน้าสวยหวานของตนเองร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นอีก
“พี่ถามว่ามันเป็นใครธิชา บอกพี่มาเดี๋ยวนี้นะ!”
อัคคีตะคอกถามน้องน้อยออกไป ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนที่พ่อเลี้ยงพายุจะพูดขึ้น
“อัคคี พี่ว่านายไปรอที่ห้องทำงานก่อนดีกว่า เดี๋ยวทางนี้พี่จะจัดการเอง”
พายุพูดบอกออกไป แต่ดูเหมือนว่าน้องชายของเขาจะไม่ยอมง่ายๆ จนพ่อเลี้ยงต้องสั่งออกไปอีกครั้ง
“พี่สั่งให้ไปก็ไปสิ” และครั้งนี้อัคคีดูเหมือนจะไม่กล้าขัดคำสั่งของพี่ชาย
“ครับพี่”
อัคคีรับคำออกมาอย่างเสียมิได้ ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มจะเดินฮึดฮัดออกไปจากห้องนอนของน้องน้อย และเมื่ออัคคีไปแล้วพ่อเลี้ยงพายุผู้เป็นพี่ชายคนโตก็เปิดฉากถามเค้นเอาชื่อของคนที่ทำให้น้องน้อยของเขาต้องท้องก่อนที่จะเรียนจบ
“ตอบพี่มาธิชา ว่าไอ้คนที่มันทำให้เธอท้องมันเป็นใคร”
“ฮือๆ เขา...เขา...ฮือๆๆ”
เสียงพี่ชายคนโตที่พูดถามออกมาอย่างนั้นยิ่งทำให้ชลธิชาไม่กล้าที่จะบอกชื่อของชายที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอท้องมากเข้าไปอีก ก่อนที่ร่างบอบบางของน้องน้อยจะสะดุ้งโหย่งขึ้นเมื่อพี่ชายตะคอกถามออกมาเสียงดังลั่น
“พี่ถามว่ามันเป็นใคร! บอกพี่มาเดี๋ยวนี้!”
ยิ่งพ่อเลี้ยงพายุเค้นถามเสียงดุดันมากเท่าไร ชลธิชาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น ใบหน้าสวยหวานอาบนองไปด้วยหยดน้ำตาจนคนเป็นพี่เองก็เจ็บจี๊ดเข้าไปถึงขั้วหัวใจ เขาไม่น่ายอมให้น้องน้อยไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เลย น้องของเขาบริสุทธิ์สะอาดเกินไป คงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนกรุงอย่างแน่นอน พ่อเลี้ยงพายุสูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะเปลี่ยนคำถามแล้วพูดออกมาอย่างพยายามระงับความโกรธเอาไว้อย่างที่สุดว่า
“ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันรู้ไหมว่าธิชากำลังท้องลูกของมันอยู่”
ชลธิชาพยักหน้าเป็นการตอบ ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ชายคนโตแล้วพูดขึ้นว่า
“ธิชา...บอก...เขาแล้วค่ะ”
“แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นมันว่ายังไง จะให้พ่อแม่มันมาสู่ขอเมื่อไหร่ นี่เรียนก็ยังไม่ทันจะจบก็มาท้องซะแล้ว ถ้าจะรักสนุกทำไมถึงไม่รู้จักที่จะป้องกัน!”
“พี่พายุ...ฮือๆ...เขา...เขาบอกให้ธิชาไปเอาเด็กออกค่ะ”
ชลธิชาพูดสิ่งที่เธอนั้นสะเทือนใจเป็นที่สุด
“ไอ้ระยำ! มันยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่าห๊ะ! เด็กในท้องนี่ลูกของมันแท้ๆ!”
พ่อเลี้ยงพายุสบถออกมาเสียงดังลั่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ มือเรียวแกร่งกำเข้าหากันแน่นทั้งสองข้าง
ชลธิชาไม่พูดอะไรต่ออีกเลย หญิงสาวเอาแต่นั่งกอดเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเดียว ทำให้คนเป็นพี่ถึงกับมองร่างบอบบางของน้องสาวด้วยความเวทนายิ่งนักที่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ นี่สินะถึงทำให้น้องน้อยของเขาเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ด้วยความชอกช้ำระกำใจอย่างที่สุด ทำให้พี่ชายอย่างพ่อเลี้ยงพายุทนต่อไปไม่ไหว ร่างสูงใหญ่ย่อตัวลงกอดรัดร่างบอบบางของน้องน้อยเอาไว้ในอ้อมอกด้วยความสงสารจับใจ ก่อนจะถามชื่อของไอ้ผู้ชายสารเลวคนนั้นออกไปอีกครั้ง
“ธิชา...บอกพี่มาเถอะว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันชื่อว่าอะไร”
เสียงถามนั้นอบอุ่นไร้ความเกรี้ยวกราด มือเรียวใหญ่ของพ่อเลี้ยงก็ลูบหลังปลอบประโลมน้องน้อยไป ชลธิชายังคงเอาแต่สะอื้นไห้อยู่อย่างนั้นเป็นพักใหญ่ก่อนที่จะพูดบอกออกมา
“เขาชื่อกันต์ รังสีภิรมย์ค่ะพี่พายุ”
“มันจะต้องรับผิดชอบธิชากับลูกในท้อง พี่จะไปหามัน”
พ่อเลี้ยงพายุเค้นเสียงพูดลอดไรฟันออกมา
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะพี่พายุ อีกไม่ถึงอาทิตย์เขาก็จะแต่งงานกับผู้หญิงที่คู่ควรกับเขาแล้วล่ะค่ะ”
ชลธิชาพูดจบก็น้ำตาก็หยดแหมะลงบนหลังมือของคนเป็นพี่ทันที
“แล้วธิชาของพี่ไม่คู่ควรกับมันตรงไหน” พายุพูดน้ำเสียงเข้มดุดัน
“แต่เขาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคู่ควรกับเขามากกว่าธิชา ที่เรามีอะไรกันก็เป็นเพราะ...เพราะว่าเขาเมามากจนขาดสติ”
พ่อเลี้ยงพายุสะทกสะท้อนในอกกับสิ่งที่ได้ยิน ‘เขาจะทำยังไงดีกับเรื่องนี้ หลานของเขาไม่ได้เกิดมาจากความรัก แต่เกิดมาจากฤทธิ์ของน้ำเมาอย่างนั้นหรือ’ ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเองในใจ แล้วพูดขึ้น
“แล้วธิชานอนกับมันกี่ครั้งล่ะ หรือว่านอนกับมันเฉพาะตอนมันเมา”
คำถามของพี่ชายดั่งสายฟ้าฟาดลงมากลางแสกหน้าชลธิชายิ่งนัก ใบหน้าหญิงสาวแทบปราศจากสีเลือด มันซีดจนเห็นได้ชัด ‘ใช่! ครั้งแรกนั้นเขาเมา แต่ครั้งต่อๆ มาล่ะมันคืออะไร เธอเป็นผู้หญิงไร้ยางอายใช่ไหม ที่วิ่งแล่นไปหาเขาถึงห้องเพื่อที่จะได้ไปอยู่ใกล้ชิดกับเขา คิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็ร้องไห้โฮออกมาราวกับทำนบแตก
พายุเองถึงกับตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าคำถามของเขาจะทำให้น้องน้อยต้องร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาเช่นนี้ มือเรียวใหญ่รีบรั้งร่างบอบบางให้เข้าหาอ้อมอกแข็งแกร่งอีกครั้ง ก่อนจะใช้นิ้วเรียวใหญ่เกลี่ยน้ำตาออกจากแก้วนวลของน้องน้อยอย่างเบามือ แล้วพูดขึ้นว่า
“ธิชาอย่าร้องไห้เลยพี่ขอโทษนะที่ถามคำถามนี้ออกไป ลืมๆ มันไปซะอย่าเก็บเอามาคิดเลยนะ”
“ธิ...ชา...ฮือๆ ...ขอโทษ...ธิชา...ฮือๆๆ...เลว...ฮือๆๆๆ...” หญิงสาวพูดขอโทษพร้อมกับด่าตัวเอง
“ไม่เอาธิชา ไม่ว่าตัวเองอย่างนี้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษพี่ที่ไม่น่าปล่อยให้ธิชาไปเรียนที่กรุงเทพฯ คนเดียว หยุดร้องเถอะนะ พี่ไม่อยากเห็นน้องกับหลานของพี่ร้องไห้”
คำพูดของพายุช่วยทำให้ชลธิชาดึงสติกลับมาได้ หญิงสาวลืมนึกไปว่าในท้องของตนนั้นยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ใช้ลมหายใจเดียวกันกับเธออยู่ด้วย ถ้าหากเธอเศร้าลูกในท้องก็คงเศร้าตามไปด้วยเช่นกัน ก่อนที่หญิงสาวจะรีบยกมือเรียวขึ้นปาดน้ำตาให้หมดไปจากใบหน้า แต่เสียงสะอื้นไห้คงต้องรออีกสักพักกว่าที่มันจะสามารถกลับเขาสู่สภาวะปกติได้
พ่อเลี้ยงหนุ่มเมื่อเห็นว่าน้องน้อยไม่ร้องไห้แล้วก็พูดถามออกไปอีกครั้งว่า
“แล้วธิชากลับมาที่นี่มันรู้หรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เขาไม่รู้ ธิชาไม่เคยบอกเขาว่าบ้านของเราอยู่ที่ไหน คุณกันต์เองก็ไม่เคยถาม เขาไม่รู้ว่าธิชาเป็นใคร รู้แต่เพียงว่าเป็นนักศึกษาและมาพักอยู่ในคอนโดเดียวกันกับเขาเท่านั้น”
พูดจบน้ำตาก็ร่วงหล่นแหมะลงมาอีก ทั้งๆ ที่มันเพิ่งจะหยุดไหลไปเมื่อสักพักนี่เอง แต่เพราะหญิงสาวนึกน้อยใจในโชคชะตาของตนเองจึงทำให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่รู้ตัว พายุเองก็รู้สึกสลดหดหู่ไปกับน้องสาวด้วยเช่นกัน
“ร้องอีกแล้ว หยุดร้องไห้เถอะธิชา น้ำตามันไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นหรอก ถ้าพ่อมันไม่รับก็ไม่ต้องไปสนใจมัน หลานคนเดียวพี่เลี้ยงได้สบายอยู่แล้ว ดี! มันไม่รู้อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน จะทำอะไรมันจะได้ง่ายๆ หน่อย หยุดร้องไห้เสียเถอะคนดีของพี่”
พายุพูดปลอบน้องน้อย เขาไม่อยากให้น้องสาวและหลานของเขาต้องกลายเป็นโรคซึมเศร้าและคิดอะไรสั้นๆ เพราะว่าคนเป็นพ่อก็ไม่ยอมรับแถมยังให้ไปเอาออก ส่วนญาติทางแม่ก็ยังจะพูดซ้ำเติมอีก เขาไม่ต้องการให้น้องสาวคนเดียวต้องคิดมากกับเรื่องนี้
ชลธิชาถึงกับเงยหน้าขึ้นมองสบตาพี่ชายด้วยความตกตะลึง ด้วยไม่คิดว่าคนเป็นพี่จะยอมรับลูกในท้องของเธอ หญิงสาวยังหวั่นใจอยู่เลยว่าพี่ชายจะบอกให้เธอไปเอาเด็กออกเหมือนกับพ่อของลูกในท้องของเธอ
“พี่...พี่พายุพูดจริงเหรอคะ พี่ไม่โกรธไม่เกลียดธิชาแล้วเหรอค่ะ ฮือๆ ที่ธิชายังเรียนไม่จบ ฮือๆๆ แล้วก็...ทะ...ท้อง ฮือๆ เสียก่อน” พูดไปหญิงสาวก็ร้องไห้ออกมาอีก
“โกรธไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ เจ็บหัวใจตัวเองเปล่าๆ อีกอย่างเรื่องเรียนถ้าธิชาคลอดเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องแล้วค่อยกลับไปเรียนก็ได้นี่นา ไม่เห็นจะต้องห่วงอะไรนักเลยจริงไหม”
พ่อเลี้ยงพายุพูดพลางยกมือเรียวใหญ่ลูบที่ศีรษะของน้องน้อยอย่างแสนรัก ทำให้ชลธิชาถึงกับโผเข้าไปกอดเอวหนาของพี่ชายเอาไว้ด้วยความดีใจ
“พี่พายุ...ธิ...ธิชาขอ...โทษ...อึก...ค่ะ ที่...ทำให้พี่...พายุ...อึกๆ...กับพี่อัคคีเสีย...ใจ ฮือๆ อึก...ธิชาขอบ...คุณ...พี่มาก...ที่ไม่...เกลียดธิ...ชากับ...ลูก ฮือๆๆๆๆ...” ชลธิชาพูดไปก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไป
“ไม่เอา ไม่ต้องร้องแล้ว เรื่องนี้มันแก้ไขได้ แล้วก็ทำใจให้สบายด้วยล่ะ หลานของพี่จะได้แข็งแรงเข้าใจไหมธิชา”
“เข้าใจ...อึก...ค่ะพี่พายุ ธิชารัก...อึก...พี่พายุที่สุดเลยค่ะ”
พูดจบร่างบอบบางของน้องน้อยก็ถูกมือเรียวใหญ่ของพ่อเลี้ยงพายุฉุดรั้งให้ลุกขึ้นจากพื้นแล้วพามานั่งลงบนเตียงนอนก่อนจะพูดสั่งขึ้นว่า
“ต่อไปนี้ธิชาต้องดูแลตัวเองดีๆ เข้าใจไหม แล้วก็ต้องทานอาหารเยอะๆ ด้วย หลานของพี่ต้องแข็งแรงเข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะพี่พายุ”
ชลธิชารับคำแข็งขัน ใบหน้าสวยหวานกลับดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม รอยยิ้มของหญิงสาวกลับคืนมาประดับอยู่บนใบหน้าอีกครั้งหลังจากที่มันหนีหายไปจากเธอตั้งแต่วันที่ชายคนรักบอกให้เธอไปเอาลูกในท้องออก
“เอาละ ถ้ายังไงเดี๋ยวพี่ไปบอกอัคคีมันก่อน ป่านนี้คงจะเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ที่ห้องทำงานแล้วล่ะ”
พูดจบพ่อเลี้ยงหนุ่มก็เดินหันหลังก้าวเท้าออกไปจากห้องนอนของน้องน้อยทันที ก่อนที่จะชะงักเท้ากับเสียงเรียกของน้องสาวแล้วหันกลับมาอีกครั้ง
“พี่พายุคะ”
“อะไรอีกล่ะเจ้าตัวยุ่ง”
“ธิชารักพี่พายุกับพี่อัคคีมากที่สุดเลยนะคะ”
“พี่กับอัคคีก็รักธิชามากที่สุดเหมือนกัน”
พูดจบพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ก้าวเดินออกไปจากห้องนอนของน้องน้อยทันที เมื่อชายหนุ่มก้าวออกมาจากห้องนอนของน้องสาวจากใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มอ่อนโยนเมื่อครู่กลับกลายเป็นถมึงทึงโกรธเกรี้ยวดูน่ากลัวยิ่งนัก
ดวงตาสีนิลกาฬแทบจะลุกเป็นไฟด้วยความแค้นที่มันอัดแน่นอยู่ในอก ที่ไอ้ผู้ชายมักง่ายมันกล้าบังอาจทำร้ายและทำลายน้องน้อยของเขาแล้ว มิหนำซ้ำยังไม่ยอมรับผิดชอบ กลับอ้างว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความเมาจากน้ำอำพัน เพราะฉะนั้นมันก็จะต้องได้รับบทเรียนที่สาสมกลับไปเช่นกัน