Chapter 18 เมนูพิเศษ อร่อยตาค้าง

1361 Words
หญิงสาวยอมตักอาหารเข้าปากคำแรกคนลุ้นก็รีบถาม “อร่อยใช่ไหมล่ะ” “คุณจ้างเชฟปรุงอาหารที่โรงแรมเดือนละกี่หมื่น” รษาถามกลับแทนที่จะตอบเขา หลังจากที่ตักซุปเข้าปากคำแรกเธอก็ยกน้ำขึ้นดื่มตามไปทันที ปรินทรเลิกคิ้วสูง มองหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็ตอบไป “ก็หลายหมื่นนะ ทำไมหรือ” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับตักอาหารเข้าปากชิม แต่ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ “ฉันแนะนำให้ไล่ออกไปได้เลย ก่อนที่ห้องอาหารของโรงแรมจะเจ๊งไปเสียก่อน ถึงฉันจะไม่ค่อยลงครัวทำอาหารสักเท่าไร แต่ก็ยังทำได้อร่อยกว่านี้” ชายหนุ่มยิ้มแหย “แหะ! อันนั้นผมทำเอง อร่อยออก” ปรินทรตอบเสียงเบา พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบชามซุปมาตักเข้าปากชิมรส พยักหน้าหงึกเหมือนไม่ค่อยเชื่อ ‘ชิมตอนปรุงก็อร่อยดีแล้วนี่นา’ “อร่อยมั้ยละ” เธอถามหลังจากเขาชิม “ก็รสนี้แหละ” ชายหนุ่มบอกเลี่ยงๆ หญิงสาวหันไปสนใจสลัดทูน่าเมนูโปรดของเธอแทน แต่พอตักเข้าปากคำแรกหญิงสาวก็เบิกตาโพลงนั่งนิ่ง “อร่อยตาค้างเลยหรือคุณ” เขารีบถามอีกครั้ง “ถามจริงๆ ตอบตรงๆ เมนูไหนที่เชฟเป็นคนทำ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ชายหนุ่มหน้าเหวอที่ถูกว่าตรงๆ ชี้มือไปที่จานเค้กมูสชิ้นน่ารักจุ๋มจิ๋ม “ว่าแล้วเชียว ถ้าอย่างนั้นฉันข้ามไปทานเค้กเลยก็แล้วกัน อย่างอื่นรสชาติคงไม่ต่างกันมาก” “โห! พูดไม่ให้กำลังใจคนทำเลย ผมตั้งใจทำมาเพื่อคุณนะ แล้วอีกอย่างเชฟก็ยืนคุมแบบตัวต่อตัวเลย ไม่อยากจะบอกว่าแม่ของผมก็เคยเป็นเชฟและทำอาหารอร่อยมากด้วยนะ” ชายหนุ่มบอกด้วยสีหน้าจริงจัง คราวนี้หญิงสาวตรงหน้าถึงกับหลุดขำ “ฮ่าๆ เพิ่งรู้ว่าการทำอาหารอร่อยถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมได้ด้วย” “เถอะน่า! คุณลองชิมปลานี่หน่อยสิ อร่อยนะ สูตรของผมเองเลย คุณเป็นคนแรกที่ได้ชิมเลย” ชายหนุ่มชี้ชวนอวดสรรพคุณต่อ เอื้อมมือไปตักปลาในจานป้อน มองตาละห้อยเรียกความสงสาร หญิงสาวยอมอ้าปากรับอย่างจำยอม พออาหารเข้าปากคนป้อนก็ลุ้นราวกับกำลังนั่งดูฟุตบอลโลก “อร่อยใช่ไหม” “ดีกว่าสองจานที่ผ่านมาหน่อย คุณอย่าคิดไปเอาดีทางด้านนี้เชียวนะ” ถึงแม้ว่ารสชาติจะอร่อยถูกปาก แต่เธอก็ไม่อยากชมให้เขาเหลิง “ว้า ผมตั้งใจทำสี่ชั่วโมง ไม่ได้คำชมสักคำ” ชายหนุ่มโอด หญิงสาวแอบซ่อนยิ้มขำกับอาการของชายหนุ่ม เธอเพิ่งรู้ตัวว่ายิ้มออกมาได้เมื่ออยู่กับเขา เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมาด้วย เมื่อเห็นว่าเขาทำให้คนป่วยยิ้มออก ความสุขเริ่มก่อตัวขึ้นข้างเตียงคนป่วย อย่างน้อยความเขาใจผิดก็นำมาด้วยซึ่งความสุข มินตรากำหมัดแน่นเกาะขอบประตูมองอย่างไม่พอใจ ทิ้งรอยอาฆาตที่ดวงตาฝากไปถึงชายหนุ่มผ่านกระจกบานใส ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไป รษาสูดลมหายใจเข้าปอดยาวๆ เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง เงยหน้าขึ้นมาถามคนเฝ้าไข้ “ว่าแต่...คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ" รษาหันไปถาม ชายหนุ่มทำหน้านิ่งๆ เป็นเชิงบอกให้เธอรับประทานอาหารตรงหน้าให้หมดก่อน หญิงสาวจึงเปลี่ยนเรื่องย้อนกลับไปถามเขาด้วยแววตาจริงจัง "ฉันเองมีเรื่องจะถามเหมือนกัน คุณช่วยเล่าเรื่องวันนั้นให้ฉันฟังได้หรือเปล่าขอให้ทุกเรื่องที่เล่าเป็นความจริง ไม่ว่าดีหรือร้าย ฉันก็รับได้ทุกอย่าง และสัญญาว่าจะไม่โกรธหรือโมโห ถึงวันนี้ฉันก้าวผ่านและข้ามจุดนั้นมาได้แล้ว” ชายหนุ่มวางช้อนในมือลงบนจาน หันไปสบตากับหญิงสาวนิ่ง ยื่นข้อเสนอให้เธอ เขา “ได้ แต่คุณต้องไปจดทะเบียนสมรสกับผมก่อน แล้วผมจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง” “อย่าเยอะ!” รษาจิกตามอง ชายหนุ่มเบ้หน้าเลิกคิ้วสูง ตอบกลับอย่างไม่ยี่หระต่อสายตา “ผมพูดจริง พรุ่งนี้คุณออกจากโรงพยาบาล คุณต้องไปจดทะเบียนสมรสกับผมทันที” “ไม่มีทาง” หญิงสาวตอบกลับทันที “แต่คุณต้องแต่ง” ชายหนุ่มย้ำเสียงหนัก พร้อมหยิบโทรศัพท์มาเปิดคลิปและข่าวให้หญิงสาวดู “ดูนี่ก่อน” หญิงสาวหน้าซีดเผือดลงทันทีที่เห็นภาพที่ชายหนุ่มเปิดให้ดู ถึงแม้ว่าเธอจะเคยเห็นมาแล้วก็ตาม ทั้งที่ตอนแรกไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงโด่งดังจนยอดวิวเป็นล้านขนาดนี้ “ใครเป็นคนปล่อยข่าวบ้าๆ แบบนี้ออกมา ต้องเป็นคนที่โรงแรมคุณ คุณคิดจะแบล็กเมล์ฉันใช่ไหม” “ผมบอกแล้วไง ผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟังก็ต่อเมื่อคุณจดทะเบียนสมรสกับผมเรียบร้อย ทั้งหมดก็เพื่อรักษาเกียรติและชื่อเสียงของคุณ หรือคุณคิดว่าเรื่องทุกอย่างที่อยู่ในข่าวมันยังทำให้พี่ชายกับไร่ของคุณเสียชื่อไม่พอ” หญิงสาวคล้อยตามสิ่งที่เขาพูดมา มันเป็นทางเดียวที่จะปิดข่าวเสียหายของเธอ “ฉันต้องปรึกษาพี่ธามก่อน” “ไม่ต้องหรอก! เรื่องทุกอย่างผมบอกให้พี่ชายของคุณก็รับรู้หมดแล้ว รอให้พ่อเลี้ยงธามกลับมาจากกรุงเทพฯ เราค่อยจัดพิธีแต่งงานกันอีกที ผมรับรองว่าจะจัดให้อย่างสมเกียรติ” หญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างค้นหา แปลกใจ เขาเป็นคนยังไงกันแน่ “คุณต้องการอะไรจากฉัน” “คุณแค่รู้ว่าผมหวังดีกับคุณอย่างจริงใจ แล้วก็ทำตามที่ผมบอกก็พอ” “ไม่” “แต่คุณต้องจด” ชายหนุ่มย้ำเสียงหนักกว่าหญิงสาว “เผด็จการที่สุด” “ไม่เถียงและยอมรับอย่างเต็มใจ เพราะผมจัดการทุกอย่างไว้หมดแล้ว” เขาบอกหน้าตาย ความรู้สึกของหญิงสาวไม่ได้คัดค้านเขาแม้แต่นิด ตรงกันข้ามเธอกลับเชื่อว่าเขากำลังปกป้องเธอ แม้ที่ผ่านมาเธอจะเจอเรื่องเลวร้ายกัยเขามาก็ตาม หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลปรินทรก็พารษาไปจดทะเบียนสมรสตามที่บอกไว้ เขานัดนักข่าวมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเคลียร์ปมปัญหาให้หญิงสาวที่โรงแรม โดยที่ไม่ได้บอกกล่าวกับใครก่อนล่วงหน้า แสงแฟลซวูบวาบจากกล้องหลายตัวประกายขึ้นเป็นระยะ รษาหันไปมองชายหนุ่มอย่างตั้งคำถาม แต่เขากลับมีเพียงรอยยิ้มอบอุ่นมอบให้เธอและรั้งตัวหญิงสาวลงนั่ง “ขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่มาเป็นเกียรติให้เราสองคน ผมปรินทร ปภากุล เป็นผู้บริหารปางวิมานกรุป แล้วนี่ก็คุณรษา ปภากุล ภรรยาของผม” ชายหนุ่มหันกลับไปสบตาว่าที่ภรรยาพร้อมกับโอบไหล่เลื่อนมืออีกข้างไปกุมมือนุ่มของเธออย่างปกป้อง ก่อนที่จะหันไปหานักข่าว “เรื่องข่าวที่เห็นจากทุกสื่อทุกสำนัก รวมไปถึงกระแสในโลกโซเชียล วันนี้ผมขออนุญาตเคลียร์ทุกข่าว ทุกประเด็นที่นี่ที่เดียว และครั้งเดียวให้เข้าใจตรงกันเลยนะครับ คุณพ่อวางมือจากการบริหารปางวิมานกรุปทั้งหมดและผันตัวไปจับธุรกิจตัวใหม่กับเพื่อนที่ต่างประเทศ ผมเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน เรากำลังจะเปลี่ยนระบบการบริหารโรงแรมแห่งนี้ใหม่ ซึ่งหลายส่วนก็อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการรวมถึงผับด้วย แต่ผมขอยืนยันว่าผับของเราไม่ได้มีสารเสพติดอย่างที่ลงในข่าวแต่อย่างใด”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD