Chapter 4 สตรอว์เบอร์รีตัวแม่

1456 Words
พ่อเลี้ยงเดินลงมาข้างล่างในเวลาต่อมาหลังจากเจรจากับคู่ค้าเสร็จ ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่ามินตรายังไม่กลับไป “อ้าวเมนี่ พี่คิดว่ากลับไปแล้วเสียอีก” “พอดีว่าเมนี่นัดเพื่อนๆ มา และพวกเขาอยากมาเยี่ยมยัยรษาด้วย เมนี่เลยรอเพื่อนก่อนค่ะ อีกอย่างเมนี่อยากขออนุญาตพี่ธาม มาช่วยดูแลรษาที่ไร่น่ะค่ะ” “พี่เสียอีกที่ต้องขอร้องเมนี่ ขอบใจมากนะที่เป็นห่วงยัยรษา ได้เมนี่มาอยู่เป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้พี่ยุ่งมากแทบไม่มีเวลาพัก ไหนจะเรื่องเปิดโรงงาน” “เมนี่ยินดีค่ะ” “อ้อ พี่ลืมไป เห็นวันก่อน ยัยรษาคุยกับพี่เรื่องงานของเราไว้ ถ้ายังไม่ได้ทำงานที่ไหนก็มาทำงานกับพี่ได้นะ เมนี่เรียนการตลาดมา คงช่วยพี่ได้เยอะ ตอนแรกพี่จะหวังพึ่งยัยรษา แต่เห็นเป็นแบบนี้คงต้องรอนาน แล้วพี่ก็ไม่อยากเร่งรัดอะไรกับน้องอีก” พ่อเลี้ยงหนุ่มบอกเสียงเรียบ ทว่าเมื่อนึกถึงน้องสาวก็อดอ่อนใจไม่ได้ “ขอบคุณค่ะ พี่ธาม” มินตรายกมือไหว้ขอบคุณพ่อเลี้ยงธามอย่างอ่อนหวาน เธอรู้ดีว่าธามชอบผู้หญิงแบบไหน ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าตลอดเวลาพ่อเลี้ยงธามมีญาดาอยู่ในใจเพียงคนเดียว แต่เธอก็ยังรักและเทิดทูนเขาเสมอมา และสักวันเธอจะเข้าไปแทนที่ผู้หญิงคนนั้นให้ได้ “พี่ขอออกไปดูโรงงานก่อนนะ เมนี่รออยู่ที่นี่ตามสบาย ถ้าคุณหมอมาถึง พี่ฝากเมนี่โทรบอกพี่ด้วยนะ” “ค่ะพี่ธาม พี่ธามไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เมนี่จะดูแลรษาเป็นอย่างดี” “ขอบใจมาก พี่ไปนะ” “ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างอ่อนหวาน ทว่าพอคล้อยหลังพ่อเลี้ยงหนุ่มหญิงสาวก็ยิ้มเย็น เดินขึ้นไปหาเพื่อนสาวบนห้อง “ตื่นแล้วหรือรษา เธอเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนหายไปไหนมา” “ออกไปจากห้องของฉัน ฉันไม่อยากเจอหน้าใครตอนนี้” คนมาใหม่จีบปากจีบคำพูดต่อ “ฉันเป็นห่วงก็เลยแวะมาเยี่ยม เพิ่งจะรู้เรื่องจากโลกโซเชียล เมื่อคืนเธอไปกับใครจ๊ะ” คำพูดของเพื่อนทำเอาร่างบอบช้ำที่อยู่บนเตียงสั่นระริก ข่าวคาวแบบนี่ย่อมเป็นที่สนใจเป็นธรรมดา รษาอดทนให้ถึงที่สุดกับความรู้สึกปวดร้าวที่เกิดขึ้นกับเธอ ภาพเก่าๆ ที่เธอพยายามลืม วนกลับมาฉายซ้ำอีกรอบ มันเป็นตราบาปที่ติดอยู่ในความรู้สึก และตอนนี้มันก็ยิ่งฝังแน่นไปมากกว่าเดิม “ออกไปนะ!” เจ้าของห้องตวาดไล่ เธอเคยแคร์ความรู้สึกของใครทั้งนั้น เพราะทุกครั้งมินตราก็อยู่ใต้เท้า เป็นเบี้ยล่างให้เธอเหยียบย่ำได้ตลอดมา แต่ที่เธอกลัวคือมินตรารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร หากแต่อีกคนกลับไม่ยอมถอยร่นความตั้งใจ เธอทนรอวันนี้มานาน หญิงสาวเดินเข้าหาเพื่อนรักที่ไม่เคยรัก มองคนบนเตียงด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความสะใจและสมเพช แต่ก็ต้องรีบปั้นหน้านิ่งและแกล้งทำทีเป็นร้อนรน “เธอลองดูนี่สิรษา ฉันเห็นภาพพวกนี้ร้อนใจมากเลย” มินตรายื่นมือถือให้เพื่อนดูภาพที่เธอเป็นคนอัปโหลดเอง แต่คนบนเตียงก็ยังนิ่งเหมือนเดิม “มีคลิปของเธอด้วยนะ เธอลองดูหน่อยว่าใช่เธอหรือเปล่า” มินตราดึงโทรศัพท์กลับมา เปิดหาคลิปที่เธอเป็นคนถ่ายและอัพลงยูทูปด้วยตัวเองส่งกลับไปให้รษาอีกรอบ แต่เธอก็ยังนิ่ง “รับไปสิจ๊ะ” มินตราจ้องนิ่ง สำทับอีกครั้ง คนบนเตียงถึงได้เอื้อมมือไปรับ ขืนถ้าเธอไม่รับมา ความสงบสุขที่เธออยากได้คงจะไม่เกิดแน่นอน ตอนนี้เธออยากพักผ่อน อยากลืมเรื่องราว อยากเข้มแข็ง และยิ้มออกมาได้เร็วๆ ทันทีที่เห็นภาพที่เพื่อนสาวยื่นให้ ตาของคนบนเตียงก็เบิกค้าง ช็อกอึ้งไปเลย แม้จะเป็นภาพถ่ายที่เห็นหน้าไม่ชัด เพราะคนถ่ายต้องการให้ภาพไหวเบลอนัวเนีย ภาพชายหนุ่มรุมถอดทิ้งชุดของเธอ ก็เป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเธอเข้าใจไม่ผิดอย่างแน่นอน เธอโดนรุมโทรม! “เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ เล่าให้ฟังบ้างสิ” มินตราขยับเข้าไปใกล้ เธอยังพูดต่อไปเรื่อยๆ แต่คนบนเตียงก็ยังนิ่งตาค้าง โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือหลุดไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ “นี่เธอจะไม่กรี๊ด ไม่ด่า ไม่โวยวายสักคำเลยหรือรษา อาการแบบนี้ของเธอฉันไม่ชินนะ รู้สึกเหมือนว่าจะไม่ใช่คุณหนูรษายังไงไม่รู้” มินตราเข่นเสียงเยาะถามเพื่อนสาว ทว่าคนบนเตียงก็ยังนิ่งเหมือนเดิม มินตราเดินไปหยิบมือถือของเธอที่หล่นอยู่บนเตียง “เอาละ ถ้าเธอจะไม่พูดกับฉัน ฉันออกไปก็ได้ แต่อย่าให้พี่ธามรู้เรื่องความเหลวแหลกของเธอก็ดีนะรษา” มินตราทิ้งท้ายไว้ ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องไป ‘เธอจะต้องได้รับผลกรรมที่ครอบครัวเธอทำไว้กันฉัน รษา หลายปีที่ฉันต้องทนให้เธอและครอบครัวของเธอกระทำ ทั้งดูถูก โขกสับ และเหยียดหยาม วันไหนที่ฉันเหยียบให้เธอจมดินและได้เป็นแม่เลี้ยงของไร่ ฉันจะหัวเราะให้ฟันกรามโยกเลย’ รษาช็อกนอนนิ่งไป และเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็มีอาการเหม่อลอย เงียบเฉย มึนงง สับสนขาดการตอบสนอง อารมณ์เฉยชา ไม่เกรี้ยวกราดเหมือนเดิม คนเป็นพี่เห็นอาการของน้องเป็นอย่างนั้นก็ไม่นิ่งนอนใจ หมอมาถึงที่ไร่ทันเวลาพอดีกับที่เธอก็มีอาการนิ่งตาค้างอยู่บนเตียง น้ำตารินออกมาไม่ขาดสาย เธอไม่พูดจาตอบสนองใดๆ กับใครทั้งสิ้น หัวใจของคนเป็นพี่แทบแหลกสลาย สงสารน้องสาวจับใจ หมอต้องฉีดยานอนหลับให้เธอได้พัก “ทำไมเป็นแบบนี้ครับคุณหมอ ตอนกลับมาไร่เธอก็ไม่ได้มีอาการแบบนี้นะครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มถามคุณหมอร้อนรน “มันเป็นอาการปกติของโรค PTSD เกิดอาการช็อกทางจิตใจ มันเกิดจากการที่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจ หรือภัยคุกคามรุนแรงเกินที่เผชิญ อาการนี้อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุ การถูกทำร้ายทางร่างกายหรือข่มขืน หรือแม้กระทั่งคำพูดรุนแรงที่คนป่วยรับไม่ได้” หมอหนุ่มรายงานอาการคนป่วยเสียงนุ่ม “ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้นะครับ แค่ร้องไห้แล้วก็หลับไป แล้วอาการอย่างนี้มีทางรักษาไหมครับคุณหมอ” “โรคทุกอย่างล้วนต้องมีทางรักษาครับ แต่บางอย่างเราต้องใช้เวลา บางทีอาจจะนานหรือใช้เวลาเพียงสั้นๆ ก็ขึ้นอยู่กับคนรอบตัวผู้ป่วย ที่เป็นคนดูแลเธอครับ” “แล้วผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ” “สิ่งที่พ่อเลี้ยงต้องทำคือทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และความรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ อีก คนป่วยได้รับการกระทบกระเทือนที่เกิดขึ้น ผู้ป่วยบอบบางมาก จะตกใจง่ายเมื่อมีสิ่งเร้าหรือเรื่องสะเทือนใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าโชคดี บางทีอาจจะไม่มี เพียงแค่ซึมเศร้าอย่างที่เราเห็นนะครับ หรืออาจมีอาการแค่ตื่นกลัว วิตกกังวลนิดหน่อย แต่ถ้าหนักกว่านั้น บางครั้งคนป่วยอาจจะหงุดหงิดฉุนเฉียว อารมณ์แปรปรวน ก้าวร้าว เรียกร้องเอาแต่ใจ พ่อเลี้ยงจะต้องทำความเข้าใจ อดทนและใส่ใจเธอให้มากนะครับ โรคทางจิตแบบนี้ ถ้าสุขภาพจิตของคนป่วยดี อาการป่วยก็จะหายเร็วขึ้น” หมอหนุ่มอธิบายเสียงเรียบ “ครับคุณหมอ” “หมอจัดยาคลายเครียดไว้ให้แล้ว อีกอย่าง หมอขอแนะนำให้พ่อเลี้ยงหาคนมาดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดสักคนนะครับ เพราะผู้ป่วยต้องการกำลังใจจากคนรอบข้างเป็นอย่างมาก” “ครับคุณหมอ ขอบคุณอีกครั้งครับ เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถ” “ขอตัวนะครับ อีกสองวันผมจะมาดูอีกครั้ง” คล้อยหลังสองหนุ่ม มินตราก็ยิ้มพรายอย่างมีความหมายเมื่อรับรู้อาการของเพื่อนสาว “ในที่สุดก็ถึงวันของเพื่อนผู้แสนดีอย่างฉัน นังหงส์ปีกหัก” คล้อยหลังสองหนุ่ม มินตรายิ้มเยาะกับร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง เป็นภาพที่น่าสมเพชเวทนาสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเธอ สะใจมากกว่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD