บทที่ 03 รักแรกพบ

1152 Words
"ยายจ๋า น้าจ๋า หนูกลับมาแล้ว" เด็กสาวร่างบางในชุดนักเรียนมอปลายเดินเข้าไปภายในบ้านขนาดกลางของเธอ ปากเล็กก็ตะโกนเรียกหาคนภายในบ้านเสียงดังลั่นด้วยท่าทีอารมณ์ดีแม้ว่าจะมีความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาบ้างแต่เธอก็เลือกที่จะไม่แสดงออกมันเพื่อไม่ให้อีกสองคนไม่สบายใจ "ยัยนา จะตะโกนทำไม เดี๋ยวข้างบ้านก็ด่าเอาหรอก" เพลงพิณน้าสาวของเธอเดินออกมาจากครัวแล้วรีบปรามคนตัวเล็กด้วยสีหน้าที่อยากจะดุหลานสาวเพียงคนเดียวของตัวเองเนื่องด้วยตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว "ขอโทษค่ะน้าพิณ แล้วยายล่ะคะ" ร่างเล็กของเธอก็รีบเข้าไปออดอ้อนคนเป็นน้าทันที โดยที่มีเพลงพิณคอยลูบหัวหลานสาวด้วยความเอ็นดู "ยายไปนอนแล้ว เห็นว่าวันนี้ง่วงเร็ว รอหนูไม่ไหว..." เพลงพิณตอบหลานสาว ซึ่งในบ้านหลังขนาดกลางของเธอจะอยู่กันแค่สามคนโดยที่พ่อกับแม่ของเธอนั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ที่เธอยังเด็กเสียแล้ว เธอจึงต้องอาศัยอยู่กับบัวที่มีศักดิ์เป็นยายของเธอและเพลงพิณที่เป็นน้องสาวของแม่เธอด้วยฐานะของครอบครัวที่ไม่ได้ดีมากมายเธอเลยต้องทำงานเสริมเพื่อส่งตัวเองเรียนมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ใกล้ถึงเวลาที่จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเธอเลยเลือกที่จะไปสมัครงานร้านกาแฟที่ทำในตอนนี้เพื่อเก็บเงินค่าเทอมด้วยตัวเอง "แล้วน้าพิณทำอะไรคะ เดี๋ยวหนูช่วย" หญิงสาวร่างบางถามด้วยความที่อยากจะช่วยเพราะเวลานี้มักจะเป็นเวลาที่เพลงพิณกำลังจัดของล้างถ้วยชามจากการไปขายขนมวันนี้ "ไม่ต้องแล้ว เราไปอาบน้ำอาบท่านอนได้แล้ว กลับมาเหนื่อยๆ" "ไม่ต้องให้หนูช่วยจริงๆ เหรอ" "ไม่ต้องแล้ว แค่นี้เองน้าทำเองได้" "งั้นพรุ่งนี้หนูจะรีบลงมาช่วยน้าแต่เช้านะคะ" "จ้ะ ไปๆ ขึ้นไปนอนได้แล้ว" ว่าแล้วเพลงพิณก็จับหลานสาวตัวเล็กหมุนตัวแล้วดันเข้าไปในห้องของเธอทันที "ฝันดีนะคะน้าพิณ!…" ไม่วายที่จะได้ยินเสียงของคนตัวเล็กดังไล่หลังมาก่อนที่ผู้เป็นน้าจะยิ้มพร้อมกับส่ายหัวให้ความขี้เล่นและสดใสของเธอ . . "ค่อยดีขึ้นมาหน่อย" ร่างเล็กของนาราที่พึ่งจะผ่านการชำระล้างร่างกายออกมาจากห้องน้ำในห้องของเธอพลางล้มตัวนอนลงบนที่นอนขนาดกลางก่อนที่จะหยิบจับโทรศัพท์มือถือมาตั้งนาฬิกาปลุกกันไว้เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนได้อีก หลังจากที่จัดการตั้งนาฬิกาปลุกเรียบร้อยมือเรียวก็ยื่นไปหยิบหนังสือนิยายเล่มโปรดที่อ่านค้างไว้หมายจะขึ้นมาอ่านก่อนนอน "พี่คนนั้น…เหมือนพระเอกนิยายเลย" ปากเล็กที่พึมพำขึ้นกับตัวเองเมื่อเหลือบไปเห็นหน้าปกรูปการ์ตูนที่คับคล้ายกับชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยเธอไว้วันนี้ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ฉายรอยยิ้มเขินอายเมื่อนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาในระยะประชิดจนสามารถเห็นถึงผิวอันเรียบเนียนและความขาวใสบนใบหน้า รวมไปถึงทุกๆ องค์ประกอบบนโครงหน้าคมที่สามารถสร้างแรงดึงดูดจนเธอไม่สามารถที่จะลืมเขาได้เลย "โอ้ะ! เจ็บชะมัด" ขณะที่ร่างเล็กกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ความเพ้อฝันไปกับจินตนาการของตัวเอง หนังสือนิยายเล่มหนาที่อยู่ในมือก็ร่วงหล่นมาตกใส่ใบหน้าเรียวสวยทำให้คนตัวเล็กรู้สึกตัวแล้วลูบหน้าผากมลของตัวเองปอยๆ ก่อนที่จะปัดความคิดเลิกสนใจถึงใบหน้าคมเข้มของเขาคนนั้นแล้วเปิดหนังสือนิยายมาอ่านทันที "การได้เจอกับเขาคนนั้นในครั้งแรกมันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่โลกแห่งความวุ่นวายจะเหวี่ยงใครก็ได้เข้ามาหาฉันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันจะยิ่งไม่ธรรมดาไปใหญ่ถ้าคนสองคนที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันกลับโคจรมาเจอกันอีกครั้ง ซึ่งวันนี้ฉันเจอเขา...ฉันเจอเขาอีกแล้ว มันจะดูเป็นเรื่องที่น่าตลกหรือเปล่าหากฉันจะคิดว่าบางทีพระเจ้าอาจจะตั้งใจส่งเขามาเป็นพรหมลิขิตของฉัน..." "วันนี้ไม่สายแล้วแฮะ..." ข้าวฟ่างเมื่อเห็นร่างเล็กของเพื่อนสนิทก็เอ่ยแซวขึ้นทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามานั่งข้างๆ เพื่อนของตัวเองด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มมีความสุข "^^" นาราไม่เอ่ยตอบอะไรเพื่อนสนิทแต่เลือกที่จะยิ้มหน้าแป้นให้เธอแทน "วันนี้ยิ้มเยอะผิดปกตินะ" จนข้าวฟ่างอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเพื่อนรักในความผิดแปลกไปที่ถึงแม้เธอจะชอบยิ้มง่ายอยู่แล้วแต่วันนี้มันกลับดูยิ้มหวานตลอดเวลาแถมยังปนความเขินอายอยู่ในนั้นอีก "เราก็ยิ้มปกตินี่หนา" นาราเอ่ยตอบ "ยิ้มแล้วยังหน้าแดงอีก เป็นเอามากนะนารา..." ข้าวฟ่างส่ายหัวให้เพื่อนสนิทด้วยความเอือม "ข้าวฟ่าง...เคยได้ยินเรื่องรักแรกพบไหม" ปากเล็กตัดสินใจเอ่ยถามเพื่อนสนิทพร้อมกับบิดเขินไปมาเมื่อหัวเล็กเอาแต่คิดถึงใบหน้าคมเข้มของเขาคนนั้น...มันมีเสน่ห์จนเธอไม่สามารถลืมมันได้เลย "หะ ห้ะ...รักแรกพบ?" "อื้ม...แค่เห็นหน้าครั้งแรกก็ตกหลุมรักเขาเลย" "มันมีแบบนั้นด้วยเหรอ?" "ไม่รู้สิ...แต่เราว่ามันน่าจะมีอยู่จริงนะ" ร่างเล็กก็บิดตัวเขินไปมาไม่หยุด "ทำไมถึงเชื่อแบบนั้นล่ะ หรือว่าเธอไปตกหลุมรักใครเข้า..." ข้าวฟ่างเอ่ยถามพร้อมกับชี้หน้าเพื่อนสนิทอย่างคาดคั้น "...>แค่นี้มันก็ชัดเจนมากแล้วว่าเธอกำลังจะมีความรัก "ไม่รู้สิ..." ปากเล็กยิ้มบอกด้วยท่าทีเขินอาย "ว่าแต่ใครเหรอ...คนในโรงเรียนนี้หรือเปล่า?" ก่อนที่ข้าวฟ่างจะยื่นหน้ามาถามด้วยความอยากรู้เพราะท่าทีของเธอดูเหมือนว่าครั้งนี้คงจะจริงจังมากจริงๆ "เราไม่บอกหรอก...ในนิยายบอกว่าถ้าเราได้เจอเขาเป็นครั้งที่สองบางที...เขาอาจจะเป็นพรมลิขิตของเราก็ได้นะ ไว้ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เราจะรีบบอกข้าวเลยแหละ ><" "เฮ้อ อ่านนิยายมากไปใช่ไหมเนี่ย..."
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD