อัปสรสวรรค์ สุรศักดิ์มนตรีกุล หญิงสาววัยยี่สิบแปดปี หล่อนสวย หล่อนฉลาด และหล่อนก็หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีเกินใคร
ชีวิตคุณหนูอย่างหล่อนเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ทำให้อัปสรสวรรค์ เอาแต่ใจ และไม่เคยเห็นหัวใครมาก่อน
หญิงสาวมีคู่หมั้นหมายที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ด้วยการตกลงกันของผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูล
เรือล่มในหนองทองจะไปไหน...
นี่คือสิ่งที่บิดาและมารดากรอกหูหล่อนซ้ำไปซ้ำมาทุกวันตั้งแต่จำความได้ ซึ่งหล่อนเองที่ในหัวมีแต่เรื่องธุรกิจและความก้าวหน้าทำให้ไม่คิดจะคัดค้าน ปล่อยตามความต้องการของบุพการี
จนกระทั่งวันหนึ่ง... วันที่หล่อนมารู้ตัวว่าถูกคู่หมั้นหลอกจนเป็นควายมาหลายปีเข้าโดยบังเอิญ และนั่นก็ทำให้ชีวิตอันแสนสมบูรณ์แบบของหล่อนต้องมีอันพังทลายลงในพริบตา
อัปสรสวรรค์รับไม่ได้ที่ถูกคู่หมั้นหักหน้าด้วยการซ่อนผู้หญิงอีกหลายคนเอาไว้ข้างหลัง หล่อนจึงประกาศถอนหมั้น และก็ออกไปดื่มเหล้าเพื่อคลายความทุกข์ในหัวใจ
ความจริงหล่อนไม่ได้รักคู่หมั้นสักเท่าไหร่หรอก ผู้ใหญ่ว่าดี หล่อนก็คิดว่าดี แต่ที่ไหนได้ คู่หมั้นที่คิดว่าเพอร์เฟ็คมาตลอด กลับเป็นยิ่งกว่าเพลย์บอยตัวพ่อเสียอีก
“เจ็บใจนัก!”
ค่ำคืนนั้นหล่อนเทเหล้าเข้าปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งเมาหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เช้าวันใหม่
ภายในห้องที่ไม่คุ้นตา...
และบนเตียงที่ไม่คุ้นเคย...
หล่อนหันไปมองที่นอนข้างเตียง ก็พบว่ามีผู้ชายตัวใหญ่นอนอยู่เคียงข้าง และเขาก็ลืมตาขึ้นมองพอดี
โอ้...
ตอนนั้นหล่อนรู้สึกเหมือนถูกกระชากลงไปในขุมนรกแสนหวานอีกครั้ง เพราะผู้ชายที่สบตาด้วยช่างมีใบหน้าหล่อเหลาเหลือเกิน
ดวงตาของเขาหวานฉ่ำ จมูกโด่ง ปากหยักสวยสีแดงสด ใบหน้าของเขาถอดแทบมาจากหนุ่มหล่อในฝันของสาวๆ ดีๆ นี่เอง
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
เสียงของเขาก็นุ่มนวลชวนฟัง แต่... มันก็ช่วยให้หล่อนได้สติคืนกลับมา
หล่อนยกมือขึ้นห้ามไม่ให้เขาพูดอีก จากนั้นก็เป็นฝ่ายออกคำสั่งชุดใหญ่ตามความเคยชิน
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฟังฉันอย่างเดียวพอ เรื่องเมื่อคืน มันเกิดขึ้นเพราะความเมา และฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น ดังนั้นนายต้องลืมมันให้หมด ลืมว่านอนกับฉัน เข้าใจไหม”
“ให้ผมลืม?”
“ใช่ นายต้องลืมมันให้หมด เพราะฉันเองก็จะลืมมันเช่นกัน” หล่อนดึงผ้าห่มมาพันรอบตัว ก่อนจะพูดต่อ “อ้อ แล้วถ้าเกิดโลกหมุนเรามาบังเอิญเจอกันอีกครั้ง ต้องทำเป็นไม่รู้จักกัน”
“ผมคงทำเป็นไม่รู้จักผู้หญิงที่มอบพรหมจารีย์ให้ผมไม่ได้หรอกครับ”
“แต่นายต้องทำให้ได้ เพราะฉันไม่ต้องการจดจำเรื่องบ้าๆ เมื่อคืนอีก อ้อ... แล้วถ้ามันจะทำให้นายลืมง่ายขึ้น ฉันจะจ่ายเงินค่าปิดปากให้นายด้วย”
หล่อนเห็นเขาหัวเราะขบขัน แต่หล่อนตอนนั้นไม่มีเวลามาสนใจอะไร เพราะทั้งตกใจทั้งอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“หนึ่งหมื่นพอไหม”
เขาอ้าปากกำลังจะพูดต่อ แต่หล่อนก็ยกมือขึ้นห้ามอีกครั้ง
“โอเค สามหมื่นบาทขาดตัว อ้อ แล้วก็นั่งเงียบๆ ล่ะ ห้ามพูดอะไรออกมาอีก จนกว่าฉันจะออกไปจากห้องนี้ โอเค๊นะ?”
แล้วหล่อนก็ไม่ได้สนใจมองหน้าผู้ชายคนนั้นอีก นอกจากรีบก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่ถูกโยนเกลื่อนพื้นห้อง และวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำทันที
มันคือค่ำคืนที่หล่อนพยายามจะลืม... แต่ไม่ว่าจะพยายามลืมยังไง แต่ในหัวก็ยังคงเต็มไปด้วยภาพใบหน้าของผู้ชายคนนั้นอยู่ดี
นี่มันก็จะครบเดือนแล้วนะ ทำไมหล่อนถึงลืมเรื่องบ้าๆ นั่นไม่ได้สักที
หญิงสาวบ่นอุบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องที่ถูกเคาะ
“เข้ามาค่ะ”
เลขาสาวหน้าห้องเปิดประตูเข้ามา พร้อมกับนำแฟ้มสีดำมาวางบนโต๊ะทำงานไม้ตรงหน้าของหล่อน
“นี่คือคนที่ผ่านการคัดเลือกมาเป็นผู้ช่วยท่านประธานค่ะ”
อัปสรสวรรค์ผงกศีรษะขึ้นลง แต่ยังไม่ได้เปิดแฟ้มออกอ่านแม้แต่น้อย
“ไปเรียกเข้ามา ฉันจะสัมภาษณ์เลย”
“ค่ะ ท่านประธาน”
เลขาสาวเดินออกไปสักพัก ประตูห้องทำงานของหล่อนก็ถูกเคาะอีกครั้ง
“เข้ามา”
อึดใจเดียวประตูห้องทำงานก็เปิดออก เลขาของหล่อนเดินนำหน้าเข้ามา โดยมีผู้ชายร่างสูงโปร่งเดินตามมาข้างหลัง
“คุณคณพัทร สหบดีรัฐ มาแล้วค่ะท่านประธาน”
เลขาสาวแนะนำชื่อของผู้ชายที่ได้ผ่านการคัดเลือกมาเป็นผู้ช่วยของหล่อนออกมา ก่อนจะขยับหลีกไปด้านข้าง เพื่อให้อัปสรสวรรค์เห็นหน้าค่าตาของเขาได้ชัดเจน
อัปสรสวรรค์ถึงกับเบิกตาโต เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของผู้ช่วยประจำตัวของตนเองชัดเจนเต็มสองตา
“นาย...”
หล่อนอึกอักและเกือบจะตะโกนออกไปอยู่แล้ว โชคดีที่นึกขึ้นได้ว่ามีเลขาฯ อยู่ด้วยเสียก่อน
“คุณส้มออกไปก่อน ฉันจะสัมภาษณ์เขาคนเดียว”
“ค่ะ ท่านประธาน”
เลขาสาวรับคำสั่ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของท่านประธานสาวแสนสวย
เมื่ออยู่ตามลำพังกับผู้ชายตรงหน้า อัปสรสวรรค์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกไปเผชิญหน้ากับเขาอย่างโกรธจัด
“นี่เงินสามหมื่นมันยังไม่พอหรือไง หื้อ! ทำไมต้องตามมาราวีฉันถึงที่นี่ด้วย”
รอยยิ้มของผู้ชายตรงหน้าที่ตัวสูงกว่าหล่อนเกือบหนึ่งฟุต ทำให้ร่างกายของอัปสรสวรรค์ที่มุ่งมั่นคิดถึงแต่งานถึงกับร้อนผะผ่าว
นี่หล่อน... ทำไมต้องตัวร้อนๆ เวลาถูกสายตาของผู้ชายคนนี้มองด้วยนะ
“คุณร่ำรวยมหาศาลขนาดนี้ น่าจะใจป้ำจ่ายให้ผมสักสามสิบล้านนะครับ”
“นี่นาย!”