Episode-๑๐ หาเรื่องใส่ตัว

1635 Words
หลังเลิกงานผมก็ไปหาเจนตามที่ตัวเองนัดไว้ ต้องบอกก่อนว่าเธออยู่คอนโดครับส่วนบ้านจริง ๆ อยู่ที่ไหนเรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันเพราะไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ก๊อก ก๊อก ก๊อก แค่เพียงไม่นานบานประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอย่างเช่นทุกครั้ง “วันนี้มาเร็วแฮะ” “ปกตินะ ไม่มีโอที” “อ่อ” “เธออยู่กับใครเหรอ” เอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามีแก้วเครื่องดื่มวางไว้ กวาดสายตาไปรอบบริเวณมีเสื้อแจ็คเก็ตอยู่บนโซฟาด้วยครับ “สังเกตเก่งนะเป็นคนชอบใส่ใจตั้งแต่เมื่อไหร่” แทนที่จะตอบคำถามผมแต่กลับย้อนมาแทน “พี่ชายเราน่ะ เมาหลับไปแล้วล่ะพอดีกำลังช้ำรัก” “...” “ไหน ๆ ก็พูดแล้วเราขอถามหน่อยแล้วกันนะ ปั้นชอบเสียงเพลงหรือเปล่า” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยก่อนจะมองหน้าผมนิ่ง ๆ “เปล่า!” “ที่มาวันนี้ไม่ได้แค่จะมาหาเหมือนอย่างทุกครั้งใช่ไหม?” “...” “ตอบไม่ได้สินะ” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยก่อนจะมองหน้าผมอีกครั้ง “ตัดทุกความสัมพันธ์เพราะเจอคนที่อยากรักแล้วจริง ๆ ด้วย” “เรายังไม่เจอใครหรืออยากรักใครทั้งนั้นแหละแค่ไม่อยากให้ระหว่างเราเปลี่ยนไปมากกว่านี้เท่านั้นเอง” ผมเลือกที่จะบอกออกไปตามความจริง ไม่ได้กลัวเสียเพื่อนหรอกนะแค่ไม่อยากให้เจนเสียเวลากับผมไปมากกว่านี้ “เราโอเค” “แต่เราไม่โอเค อย่าเสียเวลากับเราเลยนะ ใช่ที่ตอนแรกเราต่างคนต่างสนุกแต่ตอนนี้มันเริ่มไม่สนุกแล้วเพราะเธอเอาใจลงมาเล่นทั้งที่เราก็ตกลงกันแล้วว่าจะไม่จริงจังต่อกัน” “แล้วถ้าเราหยุดความรู้สึกตัวเองได้ล่ะ ระหว่างเรายังจะเหมือนเดิมอยู่ไหม” “ถ้าหมายถึงเพื่อนก็ใช่” “อืม” “...” คราวนี้กลายเป็นผมเองที่เงียบไปเพราะไม่คิดว่าเจนจะยอมง่าย ๆ “ขอโทษนะที่ทำให้เสียเวลา” “ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษหรอกไม่มีใครผิดทั้งนั้นแหละเราต่างเต็มใจด้วยกันทั้งคู่นี่เนอะ ระหว่างความสัมพันธ์นี้เราก็มีทั้งสุขทั้งทุกข์ปะปนกันไปทั้งที่สถานะของเราคือเพื่อนแต่การใช้ชีวิตของเราไม่ได้ต่างจากแฟนเลยสักนิดเดียว ที่เราบอกว่าปั้นเจอคนที่อยากรักแล้วหรือเปล่าเราไม่ได้จับผิด แต่เรากำลังเจอแบบนั้นอยู่” “ถ้าเจอแล้วเธออยากรักก็รักเลย ไม่ต้องรู้สึกผิดไม่ต้องรู้สึกอะไรกับเราทั้งนั้น ใช้ชีวิตตัวเองให้ดีที่ผ่านมาก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งของการเติบโตเท่านั้นเอง ถึงยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี” “อืม เราก็หวังว่าตัวเองจะดีพอเพื่อเขาคนนั้น ส่วนเรื่องเสียงเพลงเราคงต้องถามปั้นอีกครั้งว่าคิดอะไรกับน้องหรือเปล่า ถ้าคิดเราขอให้หยุดเพราะว่าพวกเขายังไม่เลิกกันแค่ทะเลาะกันเฉย ๆ” “ยังไม่เลิก?” “ใช่! ยังไม่เลิก” “ช่างสิ เลิกหรือไม่เลิกก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเราอยู่แล้ว” ตอบแบบขอไปทีทั้งที่ในใจคิดต่าง ผมไม่ได้อะไรกับเสียงเพลงแต่ที่รู้สึกต่างออกไปเพราะผมเห็นน้องร้องไห้ตั้งแต่วันแรกติดจะเข้าใจความรู้สึกของเธอด้วยซ้ำ “แน่ใจเหรอที่พูด? การกระทำมันฟ้องนะ” “เราทำอะไร?” “น่าจะรู้อยู่แก่ใจ แต่ช่างเถอะ! ที่เราขอเพราะพี่เชนต่างหากเขารักน้องเพลงมากนะ” “แล้วมาบอกเราทำไม” “นั่นสิ เราจะบอกปั้นทำไม” “งั้นเราไปก่อนนะ มีอะไรก็โทรมาได้” “อืม” ออกจากห้องด้วยความรู้สึกมากมายแถมยังไม่ใช่เรื่องของตัวเองอีกต่างหาก นี่ผมเป็นอะไรแล้วทำไมต้องสนใจเรื่องของเสียงเพลงด้วย หลายวันผ่านไป หลังจากคืนความสัมพันธ์ให้กันทุกอย่างก็โอเคครับ ผมได้กลับมาอยู่กับตัวเองจริง ๆ สักที มีบ้างที่เหงามันเบื่อไปหมดตอนที่หยิบมือถือขึ้นมาแล้วไม่รู้จะคุยกับใครไม่รู้จะโทรหาใครนี่แหละ “ไม่ไปไหนเหรอวะ” ไอ้เคมีเอ่ย “ไม่อะ ไม่รู้จะไปไหน” “เชี่ย... กูไม่ได้หูฝาดแน่ ๆ” “เป็นอะไรวะ ปกติของมึงต้องไม่อยู่เฉยแบบนี้สิ” ไอ้แก้มเสริมขึ้นมาอีกคน “หรือกิ๊กแอบไปมีแฟน?” “ไม่มี” “แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร?” “ไม่...” ติ๊ง! [ไม่ทำงานเหรอคะ] “วันนี้วันหยุดครับ” [จริงด้วย หนูก็ว่าทำไมออนไลน์เวลานี้] “แล้วเราทำอะไรอยู่” [ดูซีรี่ย์ค่ะ] “เพื่อนถามไม่ตอบแต่แชทเด้งตอบรัว ๆ เลยจ้า” “กูว่ากิ๊กมันไม่ได้มีแฟนหรอก มันนั่นแหละที่มีแฟน!” “กูว่าใช่ ต้องใช่แน่ ๆ” “อะไรของพวกมึง” ถึงกับต้องละสายตาจากมือถือแล้วหันไปมองพวกมันครับ “แค่ตอบแชทก็มีแฟนแล้วเหรอ” “แชทไม่สำคัญหรอก คนในแชทต่างหากที่สำคัญ” ไอ้จุ้นพูดขึ้นมาบ้าง “ไหนเกริ่นมาให้พวกกูฟังซิว่าคนนี้นิสัยเป็นยังไง ไม่ต้องบอกชื่อนะเพราะถ้ามึงอยากให้รู้จักเดี๋ยวมึงก็เปิดตัวเอง” “กูไม่มีใครจบนะ” “ไม่มีแต่แชทเด้งปุ๊บตอบปั๊บ” “...” “หลักฐานคามืออยู่น่ะหรือจะเถียงว่าไม่จริง?” “พวกมึงก็เป็นแบบนี้กูบอกว่าไม่มีใครก็ไม่เชื่อ” “แล้วเจนล่ะ?” “เลิกคุยกันแล้ว ไม่ได้คุยกับใครทั้งนั้นแหละ” “เนี่ย! มึงต้องเจอคนที่มึงถูกใจแล้วมึงถึงเคลียร์ตัวเอง” “กูแค่อยากอยู่คนเดียวเท่านั้นเอง” “โอเค ๆ พวกกูจะแกล้งเชื่อก็แล้วกัน” คุยเยอะมั้งครับเลยทำให้ถูกเข้าใจไปแบบนั้นแต่ช่างเถอะแก้ตัวไปพวกมันก็ไม่เชื่ออยู่ดี “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนแต่กูสนใจเรื่องนี้” ไอ้เคมีเอ่ยก่อนจะหันหน้าจอมาทางผมซึ่งในนี้คือรูปของเสียงเพลงครับ “มึงกดหัวใจอะ มึงติดตามน้องตั้งแต่เมื่อไหร่” “นานแล้ว” “...” “มึงอย่ามองแบบนั้นสิน้องมันติดตามมากูก็ติดตามกลับ” “ไอ้เรื่องติดตามกูไม่ได้สนใจหรอก ที่กูสนใจคือไม่ใช่ใครก็ได้ไงที่มึงกดหัวใจ นอกจากพี่เอยก็มีเสียงเพลงนี่แหละ” “ก็แค่กดหัวใจพวกมึงคิดมากไปเอง” “ภาวนาให้เป็นแค่เรื่องคิดมากของกูก็แล้วกัน เผื่อมึงลืมว่าเสียงเพลงเป็นน้องของไอ้มิว มึงกับมันก็สนิทกันถึงขนาดใช้คำว่าเพื่อนรักเพื่อนตายด้วยซ้ำอะไรก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เรื่องนี้ เพื่อนมันตัดกันไม่ขาดแต่มันตัดกันได้นะ” ไอ้เคมีร่ายประโยคยาว ๆ ใส่หูผมคล้ายเป็นการเตือนสติ “หรือถ้ามึงจะเดินหน้าจริง ๆ มึงคงต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะหน่อยเพราะเราต่างรู้จักนิสัยกันดี แต่ถ้าไม่...ก็หยุดคุยซะ! อย่าหาเรื่องใส่ตัว” “แล้วใครบอกมึงว่ากูคุยกับเสียงเพลง?” “คุณนฤบดินทร์ครับ กูเป็นเพื่อนมึงมาสิบกว่าปีมึงไม่พูดก็ไม่ได้หมายความว่ากูไม่รู้หรอกนะ แต่เอาเป็นว่ากูจะแกล้งไม่รู้ให้ก็ได้เผื่อมึงจะหาทางออกเจอ” คำว่าคุยของมันมีความหมายยังไงผมไม่รู้นะ แต่คุยของผมคือคุยจริงจังครับถึงไม่มีสถานะแต่ก็พิเศษกว่าคนอื่นไม่ใช่แค่ว่าทักมาตอบไปแล้วบอกว่าเป็นคนคุย อีกอย่างนะผมรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ “มีอะไรเกิดขึ้นเหรอทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้น” ไอ้มิวที่เพิ่งมาถึงเอ่ยถามพร้อมกับวางของกินลงตรงหน้าพวกเรา “ไอ้ปั้นอะดิอกหักซ้ำซ้อนเพราะคนคุยหนีไปมีแฟนแล้ว” “โธ่...น่าสงสารนะครับ” “สัส!” ... : ฮ่า ๆ ๆ เลิกสนใจพวกมันแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูก็ยังคงค้างอยู่ที่แชทของเสียงเพลงครับซึ่งผมยังไม่ได้ตอบน้องเลย [วันหยุดหน้าพี่ว่างไหมคะ] “ว่างครับ ว่าแต่ทำไมไม่มากับไอ้มิว” [ขี้เกียจค่ะ ไม่เห็นมีอะไรให้ทำเลยพวกพี่ไม่เบื่อกันบ้างเหรอ] “ไม่อะ สังคมเพื่อนสนุกจะตาย” ตอบเสร็จก็ปิดหน้าจอแล้ววางมือถือไว้ที่เดิมครับเดี๋ยวไอ้พวกนี้จับผิดอีก “กูว่าจะชวนไปเที่ยว” ไอ้มิวครับ นี่สินะที่เสียงเพลงถามว่าว่างหรือเปล่า “ที่ไหน” “ก่อนจะถามว่าที่ไหนถามว่ามึงว่างหรือเปล่าเถอะ” “ถ้าเป็นวันหยุดหน้าก็ว่าง” “สามวันสองคืนนะ” “เออ” “ไปทะเลกันไหม หรือจะล่องแพ หรือจะไปน้ำตก อะไรก็ได้ที่มีน้ำอะที่ไปแล้วผ่อนคลายมากกว่าเครียด” แก้มเสนอคิดซึ่งเป็นความคิดที่ดีครับ “ทะเลไหมจองบ้านพักส่วนตัวหน่อย” “แล้วแต่พวกมึงเลยกูยังไงก็ได้” สรุปก็ไปทะเลนั่นแหละ อยู่คุยกันพักใหญ่ผมก็กลับบ้านครับ ระหว่างติดไฟแดงเสียงแจ้งเตือนแชทก็ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงเพลงพิมพ์มาเยอะมากแต่ผมยังไม่สะดวกตอบเลยทิ้งข้อความไว้แทน “พี่ขับรถก่อน” ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่มือมันก็กดตอบไปแล้วทั้งที่จะไม่สนใจก็ได้ หรือว่าผมกำลังหาเรื่องใส่ตัวอย่างที่พวกมันว่าจริง ๆ ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD