5. ความผิดที่ไม่ได้ก่อ

1730 Words
วิรัศยาออกมาจากห้องน้ำเมื่อได้จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดวงตาสวยสาดส่ายไปทั่วห้องนอนเพื่อมองหาร่างใหญ่ของภูผาแต่เก็ไม่เห็นจึงเดาว่าเขาน่าจะลงไปยังชั้นล่างแล้ว เธอจึงต้องจำใจต้องตามลงไปไม่เช่นนั้นเขาอาจจะขึ้นมาตามและอาจจะทำให้เธอชอกช้ำทั้งร่างและจิตใจเพิ่มขึ้นอีก ร่างเล็กอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีขาวที่มีความยาวจนเกือบถึงข้อเท้า มือน้อยเดินจับราวบันไดเพื่อเป็นที่ประคองตัวกลังว่าขาแข้งที่กำลังสั่นเทาจะทำให้พลาดพลั้งกลิ้งตกบันไดลงไปเนื่องจากรู้สึกเจ็บขัดจุดความสาวและล้าที่ง่ามขา ไหนจะความรุ่มร่ามของชุดที่ใส่นี่อีกทำให้เด็กสาวกังวลว่าจะทำให้ก้าวพลาดจนกลิ้งลงไปแทนการเดิน เมื่อวิรัศยาลงมาถึงด้านล่างก็เห็นชายหนุ่มนั่งกอดอกตีสีหน้าบึ้งตึงรออยู่ที่โต๊ะอาหาร เด็กสาวจึงเดินเข้าไปหา แต่ยังไม่ทันจะหย่อนสะโพกนั่ง คนตรงข้ามก็พูดขึ้นมาเสียก่อน “เร็ว ๆ หน่อย อืดอาดอยู่ได้ ฉันหิว!” ภูผาต่อว่าหญิงสาวเสียงดังโดยไม่สนใจผู้ที่ได้ฟังว่าจะรู้สึกเช่นไร “….” วิรัศยาตวัดสายตาขุ่นเคืองให้คนหน้ายักษ์ก่อนจะกลั้นหายใจในตอนที่ทิ้งตัวลงนั่งยังเก้าอี้ รู้สึกเจ็บแปลบที่จุดบอบบางในตอนที่ก้นสัมผัสกับพื้นแข็งของเก้าอี้ไม้และผ่อนลมหายใจเมื่อนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่ดวงตากลมจะสำรวจบนโต๊ะจึงเห็นว่ามีกับข้าวง่าย ๆ ไม่กี่อย่าง แสดงให้เห็นว่าคนป่าเถื่อนว่าเขาคงจะไม่เรื่องมากในเรื่องอาหารการกิน เบื้องหน้าชายหนุ่มมีจานข้าวสวยวางอยู่ส่วนตรงหน้าเธอเป็นข้าวต้มกุ้งหอมฉุย ถ้าหากเป็นเวลาอื่นเธอคงจะน้ำลายสอเมื่อเห็นอาหารจานโปรด แต่ว่าสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญนี้ ทำให้เธอไม่รู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด “ของเธอ รีบกิน” เขายังมีน้ำใจจัดข้าวต้มไว้ให้เพราะรู้ว่าภายในช่องปากของเธอมีแผลอันเกิดจากเขานั่นเอง หลังจากที่สั่งการเด็กสาวเสร็จสรรพแล้วภูผาก็จัดการข้าวตรงหน้าด้วยความหิวโหยไม่สนใจร่างบางฝั่งตรงข้ามอีกเลย “หนูไม่หิว” วิรัศยาพูดออกมาเสียงเบา และคำนั้นทำให้คนตัวโตชะงักถือช้อนที่กำลังจะเลื่อนไปตักกับข้าวไว้ค้างอยู่บนอากาศ ช้อนสายตาขึ้นมองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือกพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เหมือนกำลังสะกดกลั้นอารมณ์โทสะให้อยู่ด้านใน “ไม่หิวก็ต้องกิน หรือว่าต้องให้ฉันเป็นคนยัดเข้าปากเธอ ฮึ?” ภูผาถามแกมขู่ด้วยน้ำเสียงกดต่ำ และเขาก็จะทำแบบนั้นจริง ๆ หากว่าหญิงสาวไม่ยอมรับประทานอาหาร เขาจะไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรโดยที่เขายังไม่ได้แก้แค้นเด็ดขาด “…..” หญิงสาวจึงต้องเคลื่อนมือไปหยิบช้อนที่วางอยู่ข้างชามข้าวต้ม ตักขึ้นมาเพียงแค่ปลายช้อน แต่ทันทีที่ข้าวต้มมาโดนริมฝีปากเธอก็ต้องสะดุ้งเพราะความเจ็บแสบอันเมื่ออาหารไปโดนบาดแผลริมฝีปาก “อ๊ะ” เสียงอุทานเล็กดังออกมาจากปากน้อย พยายามขยับปากโดยไม่ให้อาหารแผล เมื่อหมดคำเธอก็ตักข้าวต้มส่งเข้าปากใหม่ รู้สึกว่าร่างกายกระชุ่มกระชวยขึ้นหลังจากได้รับสารอาหาร จิตใจไม่รู้สึกอยากรับประทานแต่ก็ไม่อาจขัดธรรมชาติของร่างกายได้ที่เมื่อถึงเวลาต้องการอาหารหล่อเลี้ยง ภูผามองคนตัวเล็กตรงหน้าที่ยอมรับประทานแต่โดยดี กระตุกยิ้มที่มุมปากพอใจแล้วจึงเขาก็ก้มรับประทานอาหารตรงหน้าต่อ วิรัศยารับประทานข้าวต้มต่อจนยุบไปเกือบครึ่งชามก็วางช้อนลงแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นได้รับประทานอาหารมื้อนี้เสร็จแล้ว โดยที่ชายตัวโตก็ทำการรวบช้อนและส้อมเข้าหากันแสดงให้เห็นว่าเขาก็อิ่มเช่นเดียวกัน ในตอนนั้นเอง ป้าอิ่ม แม่บ้านวัยห้าสิบปลาย ๆ ก็ได้เดินเข้ามาตั้งใจจะเก็บจานชามบนโต๊ะซึ่งเป็นหน้าที่ประจำตัวเอง แต่ป้าอิ่มก็ต้องหยุดเท้าเพราะเสียงทุ้มที่ออกมาจากเจ้านาย “ป้าอิ่มไม่ต้องเก็บ เดี๋ยวให้คนนี้เก็บเอง” “แต่ว่า..คุณคนนี้เจ็บ” ป้าอิ่มพูดพลางตวัดสายตาไปมองผู้หญิงหน้าสวยที่นั่งก้มหน้าเงียบ ป้าอิ่มสงสารหญิงสาวเพราะได้เห็นในตอนที่เธอคนนี้เดินลงมาจากชั้นบนด้วยสภาพอ่อนแรง แถมยังมีแผลที่มุมปาก ผิวขาวที่พ้นออกมาจากแขนเสื้อคลุมนั้นมีรอยช้ำเป็นจ้ำ ๆ ดูก็รู้ว่าเธอเพิ่งผ่านมรสุมบนเตียงมา ป้าอิ่มไม่สนใจว่าผู้เป็นนายจะทำตัวโหดร้ายกับหญิงสาวมากน้อยเช่นไรเพราะก็เป็นแค่ลูกจ้าง แต่ป้าอิ่มก็อยากให้คุณคนสวยคนนี้ได้พักร่างกายก่อน “ก็บอกว่าไม่ต้องไง!” ภูผาตะคอกใส่ป้าอิ่มเสียงดังด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ป้าอิ่มมาแย้งคำสั่ง เสียงนั้นทำให้ป้าอิ่มก้มหน้าหงุดพลางขยับถอยห่างจากโต๊ะอาหาร “ต่อไปป้าอิ่มไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้วนะ ฉันจะให้ผู้หญิงคนนี้ทำทั้งหมด วันนี้กลับไปได้แล้วพรุ่งนี้ก็ไปทำงานที่โรงแรม” “ค่ะนาย” ป้าอิ่มพูดตอบรับจบก็หันหลังเดินไปหยิบกระเป๋าใบเล็กที่ใช้ประจำ ก่อนออกพ้นประตูป้าอิ่มหันกลับมามองหญิงสาวด้วยความสงสารแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ “เมื่อไหร่คุณถึงจะปล่อยหนูไป? คุณก็ได้มันไปแล้ว” วิรัศยาพูดถึงความสาวของตนเองด้วยเสียงเบาหวิว ใบหน้าเล็กยังคงก้มหน้ามองมือตัวเองอยู่ ก้อนกลมวิ่งตื้นขึ้นมาจุกที่คอ น้ำตารื้นเต็มสองเบ้าตา เปลือกตากระพริบไล่ความพร่ามัวเพียงแค่หนึ่งครั้ง น้ำสีใสก็หล่นสู่หลังมือขาวทันที ภูผาชักสีหน้าขึ้นเมื่อได้ยินคำถามที่ออกมาจากปากเล็ก เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมโต๊ะไปหาเด็กสาว เมื่อไปถึงตัวเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง มือแข็งตรงเข้าบีบคางเล็กกระชากให้ใบหน้าสวยให้เงยขึ้นมาสบตากับเขา “อ๊ะ!” วิรัศยาอุทานออกมาด้วยความเจ็บปนตกใจ รู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วทั้งกรามเมื่อมือใหญ่ออกแรงบีบมากกว่าเดิม น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลทะลักไปตามแก้มนวลทั้งสองข้าง “ฉันไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ หรอก ฉันต้องทรมานเธอให้สาแก่ใจฉันก่อน เธอโดนแค่นี้ยังไม่เจ็บเท่าที่พี่สาวฉันเจ็บหรอก” ชายหนุ่มพูดเสียงรอดไรฟันด้วยความเคียดแค้น พูดจบจึงได้สะบัดมือออกจากปลายคางและแรงนั้นทำให้ใบหน้าเล็กสะบัดไปตามแรงมือใหญ่ “อึก! พ่อหนูไปทำอะไรพี่สาวคุณ คุณถึงต้องมาทำกับหนูถึงขนาดนี้?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือ ดวงตาแดงก่ำจ้องมองร่างใหญ่เขม็งอย่างต้องการคำตอบ “พ่อเธอทิ้งพี่สาวฉันที่กำลังตั้งท้องแล้วไปแต่งงานกับแม่เธอ พี่สาวฉันต้องตรอมใจจนแท้งลูก พอแท้งลูกพี่ฉันก็ล้มป่วยจนเสียชีวิตตามไปลูกไปอีก แล้วแบบนี้ยังคิดว่าพ่อเธอไม่ผิดอีกยังงั้นเหรอ!” ภูผาคำรามด้วยน้ำเสียงดุดัน กัดฟันบนล่างเข้าหากันแน่นเพื่อข่มความโกรธที่กำลังเดือดดาลอยู่ในอก “....” วิรัศยาตกตะลึงกับคำตอบของชายหนุ่ม แล้วเธอก็รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เขาโกรธแค้นพ่อของเธอ ถ้าเรื่องทุกอย่างเป็นไปตามคำพูดของเขา พ่อของเธอก็เป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ คิดแล้วน้ำตาเธอไหลอาบแก้มขาวเป็นทางไม่ขาดสาย “ไม่ต้องมาสำออยต่อหน้าฉัน ฉันไม่สงสาร ลุกขึ้นเก็บจานไปล้างได้แล้ว ต่อไปงานบ้านในบ้านนี้เธอก็ต้องเป็นคนทำทั้งหมด” ภูผาออกคำสั่งแล้วเดินกลับไปนั่งยังเก้าอี้ตัวเดิม สองแขนยกขึ้นกอดประสานไว้ที่อกขณะที่สายตาคมกริบจ้องไปยังหญิงสาวไม่ลดละแกมกดดันให้เธอลุกขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ที่เขาเพิ่งมอบหมายให้ หญิงสาวผู้ไม่มีทางเลือกยอมจำนนต่อความผิดอันที่ตัวเองไม่ได้เป็นผู้ก่อ เธอใช้มือเท้ายังขอบโต๊ะใหญ่ ค่อย ๆ ออกแรงดันร่างกายขึ้น กัดปากข่มความเจ็บแปลบกลางกาย เก็บจานชามไปยังเคาน์เตอร์ล้างจานแล้วก้มหน้าทำความสะอาดตามคำสั่งของชายหนุ่มโดยไม่ปริปากออกมาสักคำ แต่กระนั้นน้ำสีไหลก็กลิ้งไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองโดยที่เธอไม่รู้ตัว ภูผาซึ่งนั่งกอดอกมองร่างบางทางด้านหลัง สายตาคมกริบหรี่มองพิจารณาแผ่นหลังเล็กที่มองดูก็รู้ว่าภายใต้เสื้อคลุมนั้นมีเพียงเนื้อหนังนุ่มเท่านั้น เลื่อนลงมามองเห็นเอวคอดกิ่วอันเกิดจากการรัดของสายเสื้อคลุม ไล่ลงยังสะโพกอิ่มที่ไหวไปมาตามแรงเคลื่อนไหวของเจ้าของยามเธอทำความสะอาดจานชาม เพียงแค่มองแก่นกายเขาก็เริ่มกระตุกพองตัวใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง ในหัวนึกไปถึงกลิ่นกายสาว เนื้อตัวที่เนียนนุ่มและความเสียวซาบซ่าในตอนที่เข้าไปอยู่ในความคับแคบเปียกแฉะที่เขาเคยสัมผัสมันมาแล้วครั้งหนึ่ง บวกกับการที่เขาอดกลั้นความรู้สึกก่อนหน้านี้มันทำให้เขาทนไม่ไหว เขาอยากชิ้มรสความเสียวซ่านนั้นอีกครั้งแล้ว ในเมื่อทนไม่ได้ต่อความกระสันอยาก ภูผาจึงลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้ สาวเท้าใหญ่เดินลิ่วไปยังร่างบางที่หันหลังให้เขาอยู่ โดยที่เด็กสาวไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะมีภัยมาถึงตัวในไม่ช้า ………….……………..……..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD