“ขอบคุณพี่มิลมากนะคะที่มาส่ง วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวพี่ตอบแทนนะคะ” หลังจากที่ฉันติดต่อเพื่อนได้ฉันก็ตัดสินใจเดินทางมาที่บ้านของนิดาเพื่อนสนิทของฉัน พวกเราสนิทกันมานานพ่อกับแม่ของนิดาเลยพร้อมจะอ้าแขนรับฉันยามที่มีปัญหา ส่วนวิรายนั้นอยู่กับแฟน เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไร
“ถ้าเธออยากตอบแทนอะ ช่วยแทนตัวเองว่าหนูเหมือนที่คุยกับคนอื่นได้ไหม” พี่มิลเท้าคางตัวเองกับพวงมาลัยรถยนต์แล้วหันมามองทางฉันพลางส่งสายตาหวานเชื่อม ประเด็นเรื่องพี่รดาที่เป็นเจ้าของห้องในคอนโดฯ ของพี่มิลเคลียร์ว่าเป็นแค่น้องสาวของเขาก็จริง แต่พี่รตียังไม่เคลียร์
“อิจฉาคนอื่นเหรอคะที่ฉันแทนตัวเองว่าหนูอะ” ฉันพูดหยอกเหย้า
“อิจฉาสิ ขนาดเธอรู้จักรดาแค่วันเดียวเธอยังแทนตัวเองว่าหนู แล้วพี่ล่ะ พี่ช่วยเธอตั้งหลายอย่าง” ฉันหรี่สายตามองคนพี่ที่เริ่มเรียกร้องเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
“แต่ตอนนี้พี่เป็นเจ้านายฉันนะคะ คงไม่เหมาะ แค่ฉันกลับมาเรียกว่าพี่เหมือนเดิมฉันก็กลัวที่ทำงานจับได้จะแย่แล้ว”
“จับได้ว่าเธอกับพี่เคยมีซัมติงกันน่ะเหรอ” ทันทีที่พี่มิลพูดจบฉันก็ฟาดมือลงบนไหล่ของพี่มิลทันทีจนพี่เขาร้องโอดโอย น่าหมั่นไส้นัก
“ก็ได้ค่ะ หนูจะแทนตัวเองว่าหนูก็ได้ เห็นแก่ว่าพี่ช่วยหนูไว้เยอะหรอกนะคะ” ฉันจำใจพูดแม้มันจะกระดากปากก็ตาม ก็ไม่ขนาดนั้นแต่มันก็... เขินอะ
“น่ารักขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย” พี่มิลยิ้มกว้างด้วยความพอใจก่อนที่ฉันจะฟาดแขนพี่มิลอีกครั้งเพราะความหมั่นไส้
“หนูไปแล้ว” ฉันรีบลงจากรถก่อนที่พี่มิลจะลงมาตามแล้วยกกระเป๋าเดินทางของฉันลงมาจากรถให้
“มน” เพื่อนทั้งสองของฉันรีบเข้ามาสวมกอดก่อนจะหันไปมอง
พี่มิลด้วยสีหน้างงงวย
“แกมากับพี่มิลได้ไง” นิดาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก็แหงล่ะ
ใคร ๆ ที่ไม่รู้เรื่องของเราก็คิดว่าพี่มิลกับฉันไม่ถูกกันทั้งนั้น แม้แต่เพื่อนสนิทของฉันเอง
“เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่มิล” ฉันว่าก่อนจะดึงกระเป๋าเดินทางของตัวเองออกมาจากมือของพี่มิลก่อนจะเดินเข้าบ้านของนิดาไป
“ยายมนลูกแม่” แม่ของยายนิดาอ้าแขนกว้างเข้ามากอดฉันเอาไว้พลางลูบหลังเพื่อปลอบประโลม
“สวัสดีค่ะแม่ คิดถึงจังเลยค่ะ” ฉันรีบออดอ้อนหญิงสาวมีอายุด้วยความคุ้นเคย
“ค้างได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” พ่อของนิดาเดินเข้ามาพลางส่งยิ้มอ่อนให้ฉัน
“แค่นี้หนูก็เกรงใจจะแย่แล้วค่ะ” ฉันพูดด้วยความรู้สึกจริง ๆ ในหัวใจ ต่อให้สนิทมากแค่ไหนก็ไม่กล้ารบกวนนานหรอก
เราสามคนเดินขึ้นมาบนห้องนอนของยายนิดา ก่อนที่ฉันจะนั่งลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าเพื่อนสาวของฉันทั้งสองคนรีบเข้ามานั่งขนาบข้างฉัน
“ยังไงคะ เล่า” นิดาเป็นฝ่ายเริ่มเค้นก่อน ฉันเลยตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนทั้งสองฟังถึงจุดเริ่มต้นของทุกอย่างแล้วมาจบที่เรื่องเมื่อคืน ทำเอาสองสาวถึงกับหน้าเหวอไปเลยก่อนจะงอนตุบกันเพราะฉันปิดความลับนี้มาได้ตั้งนาน
“ฉันขอโทษนะ ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าจะบอกแกยังไงจริง ๆ อะ” ฉันมองเพื่อนทั้งสองสลับกันไปมาด้วยความรู้สึกผิด
“ตอนที่พวกเรามีปัญหา แกก็ช่วยแก้ไขตลอด ทำไมพอแกมีปัญหาแกไม่หันมาพึ่งพวกเราบ้าง” วิว่าพลางทำแก้มป่องตามฉบับสาวน่ารักแล้วเข้ามากอดแขนของฉันเอาไว้แน่น นิดาเองก็เหมือนกัน ฉันรู้ว่าทั้งสองคนรักฉันมาก แต่ตอนนั้นมันเกิดขึ้นไวจริง ๆ
“มันจะไม่มีแบบนี้อีกแล้วฉันสัญญา”
“ฉันเกือบได้เลี้ยงหลานแล้วจริง ๆ เหรอเนี่ย” นิดาเข้ามาลูบท้องของฉัน
“ให้ฉันเลี้ยงของพวกแกก่อนเถอะ” เราสามคนหัวเราะร่วนเป็นบรรยากาศที่เราสามคนไม่ได้กลับมารวมตัวกันตั้งแต่แยกย้ายกันไปฝึกงาน พวกเราเลยนอนคุยกันยาวจนไม่เป็นอันทำอะไร
ฉันอยู่บ้านของนิดามาเป็นสัปดาห์แล้ว บอกตามตรงว่าเกรงใจอยู่พอสมควร พอจะจ่ายเงินให้พ่อกับแม่ของนิดาก็ไม่รับ บอกว่าฉันเป็นเหมือนลูกอีกคนของพวกท่านแต่ฉันก็อดเกรงใจไม่ได้อยู่ดี มาทำงานใจก็ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวแถมยังแอบหาหอพักในเวลาทำงานอีก
ช่วงนี้พี่รตีมาหาพี่มิลบ่อยกว่าปกติอย่างไรก็ไม่รู้ ใจฉันมันเจ็บจี๊ดขึ้นมาแปลก ๆ แต่ก็ทำได้แค่มองตาม ช่วยไม่ได้ก็เขามันคู่สร้างคู่สมนี่นา
ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อนดีไหมยายมน
ทันใดนั้นโทรศัพท์ฉันก็มีข้อความส่งเข้ามา มิกซ์ส่งข้อความบอกว่าจะมาหาฉันเลยต้องอธิบายกับน้องไปยกใหญ่ ทำเอาน้องฉันเป็นเดือดเป็นร้อนแทนฉันบอกว่าจะเอาแม่ไปเคลียร์แต่ฉันก็ห้ามไว้ก่อน แต่สุดท้ายแม่ก็รู้จนได้
วันนี้หลังเลิกงานฉันเลยได้เดินลงมาจากบริษัทแล้วเหมือนได้ย้อนวัยอีกครั้งเมื่อมีทั้งแม่ คุณภูมิ และมิกซ์มายืนรอรับ
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทั้งสอง สายตาของแม่และคุณภูมิดูเป็นเดือดเป็นร้อนสุด ๆ
“ไปมน แม่จะพาลูกไปเก็บของแล้วย้ายไปอยู่กับแม่”
“จะดีเหรอคะแม่” ฉันเหลือบไปมองสามีใหม่ของแม่ ที่ฉันไม่กล้าที่จะขอความช่วยเหลือจากแม่มันเป็นเพราะว่าแม่มีครอบครัวใหม่ที่สมบูรณ์แบบเสียจนฉันไม่กล้าเข้าไปยุ่งเพราะกลัวว่าครอบครัวของพวกเขาจะร้าวฉานเหมือนฉัน
“ไม่ต้องคิดเยอะหรอกหนูมน ลุงกับแม่หนูน่ะยินดีต้อนรับหนูเสมอแหละ” แม่ลูบแขนฉันเบา ๆ ฉันเลยพยักหน้ารับก่อนที่พวกเราจะขึ้นรถตรงมาที่คอนโดฯ ที่ฉันเคยอยู่
“เอ่อ ขึ้นไปหมดนี่เลยเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามบนลิฟต์เมื่อสองพ่อลูกขึ้นมาร่วมกับเราด้วย
“พ่อพี่มนใจร้าย พี่มนก็ตัวนิดเดียวจะเอาอะไรไปสู้ ให้พวกผมช่วยเนี่ยแหละ” เจ้ามิกซ์ว่าด้วยท่าทีฮึกเหิม ได้ข่าวว่าตอนผ่างูเหลือมแกเป็นลมในห้องเรียนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้ไม่หาญกล้าแบบนี้บ้าง
แต่พูดไปก็เท่านั้นเดี๋ยวโดนวัยรุ่นเลือดร้อนมันงอนเอา น้องชายตัวดีฉันมันยิ่งง้อยาก ๆ อยู่ เพราะมันกินจุ
พอมาถึงหน้าห้องเท่านั้นแหละ ฉันกดรหัสเข้าไปในห้องก็ต้องผงะเมื่อเห็นพ่อกับภรรยาใหม่กำลังนั่งกอดคอกันดื่มไวน์ในห้องนั่งเล่นอย่างสบายใจเฉิบยิ่งสุมไฟแค้นในใจของผู้เป็นแม่เข้าไปแวดเสียงแหลมใส่
“ไล่ลูกออกจากบ้านแต่ยังมีหน้ามานั่งดื่มไหวสบายใจเชียวนะ เกิดมาเป็นพ่อประสาอะไร” พ่อดวงตาเบิกกว้างเมื่อหันมาแล้วเจอพวกเรายืนมองอยู่หน้าห้อง
“นี่แกกล้าเอาคนพวกนี้มาเหยียบถึงบ้านฉันเลยเหรอยายมน” พ่อเอ่ยถามด้วยความโมโห
“หนูแค่จะมาเก็บของค่ะ พ่อจะได้ไม่เห็นหนูอยู่รกหนูรกตาแล้ว
ไงคะ” ฉันว่าก่อนจะเดินเข้าห้องไปเพื่อไปเก็บข้าวของแต่ก็ถูกพ่อฉันกระชากแขนเอาไว้
“แกจะไปอยู่กับแม่แกใช่ไหม ถ้างั้นฉันไม่ให้ไป”
“โอ๊ยพ่อ” ฉันร้องลั่นเพราะแรงบีบ
“มีสิทธิ์อะไรมาห้ามลูก ถ้าคุณเลี้ยงลูกเองไม่ได้ ฉันก็จะเลี้ยงเอง” แม่ฉันต่อปากต่อคำก่อนจะเอามาดึงตัวฉันคืน
“เรื่องอะไรฉันต้องปล่อยลูกไปกับเธอ เธอเป็นคนทิ้งลูกไปนะ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งลูกไป เพราะคุณไม่ใช่เหรอที่อยากได้ลูกไว้เพื่อจะเอาค่าเลี้ยงดูจากฉันน่ะ” ฉันถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่ออยู่ท่ามกลางเสียงตะโกนโหวกเหวกของพ่อและแม่ ตัวของฉันมันชาไปหมดอย่างกับสมองล่องลอยหายไป
“ฉันไม่ยอมเสียลูกให้ผู้หญิงเลว ๆ อย่างเธอหรอก ไม่มีวัน” พ่อประกาศกร้าวก่อนจะกระชากแขนฉันจนฉันเซหลา แม่เกือบหน้าคว่ำดีที่คุณภูมิรับตัวแม่เอาไว้ก่อน
“ที่คุณไม่อยากให้ลูกกับฉัน เพราะคุณไม่กล้ายอมรับใช่ไหมว่าคุณไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก”
“ฉันเลี้ยงของฉันมา ลูกต้องเป็นของฉัน” หัวใจของฉันมันบีบรัดไปหมดเสียจนพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ในใจของฉันมันเจ็บยิ่งกว่าแรงกระชากของพ่อซะอีก
“พี่มน” มิกซ์อยากเข้ามาดูอาการฉันเพราะความเป็นห่วงแต่กลับถูกพ่อของฉันผลักออกไป
“เธอเอาลูกกับผัวใหม่ของเธอกลับไปเลยนะ ที่นี่ไม่ต้องการเธอ ไป” พ่อตวาดเสียงดัง
“นี่ หยุดได้แล้ว ไม่เห็นเหรอว่าเด็กเขาเจ็บอะ” คุณภูมิเอาตัวเองมาบังแม่ไว้ ฉันอยากจะร้องไห้ออกมาให้สุดเสียงแต่ทำได้แค่ตัวสั่นเทาจนหวีดเสียงไม่ออกด้วยซ้ำ เหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ที่หน้าอกเสียจนหายใจ
ไม่ออก
“มึงมาเสือกอะไรด้วยวะ”
“ลูกไม่ใช่สิ่งของนะเว้ย ที่จะแย่งกันไปมา เด็กมันก็มีความรู้สึก
มีหัวจิตหัวใจ อีกอย่างมนก็บรรลุนิติภาวะแล้วตามกฎหมายเขาต้องเป็นคนตัดสินใจเอง” ฉันเงยหน้าขึ้นมามองคุณภูมิที่พูดด้วยเสียงแข็งกร้าว
ทั้งชีวิตฉันเหมือนดวงตกเรื่องผู้ชาย ทั้งพ่อแท้ ๆ หรือแม้แต่ผู้ชายที่เข้ามาหา แต่ตอนนี้มีผู้ชายเพียงสองคนในชีวิตที่เข้ามาเป็นแสงสว่างให้กับชีวิตของฉัน คือพี่มิลกับคุณภูมิ ถ้าฉันเลือกได้ชาติหน้าฉันอยากจะเกิดมาเป็นลูกของเขาชะมัด
“แกเลือกมา แกจะอยู่กับใคร” พ่อหันมาเค้นเสียงถามฉันพลางเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือแกมบังคับ “แกเลือกให้ดีนะ คนที่เลี้ยงแกมาจนโตมันคือฉัน”
ฉันกลืนน้ำลายไม่ลงเมื่อทั้งห้องหันมามองฉันเป็นตาเดียว แม่แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้วพูดด้วยเสียงกระซิบ “กลับมาหาแม่นะลูก”
ฉันแทบจะปล่อยโฮออกมาแล้วหันหน้ากลับมามองผู้เป็นพ่อ ภรรยาสาวเอาแต่ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอากลับกันสามีใหม่ของแม่ทำดีต่อฉันอย่างกับเป็นลูกแท้ ๆ
“หนูจะไปกับแม่” ทันทีที่ฉันพูดจบ พ่อก็ง้างมือขึ้นเหนือศีรษะเพื่อหวังจะลงแรงมาที่ฉันแต่เจ้ามิกซ์รีบเข้ามากระชากตัวฉันแล้วบังตัวฉันเอาไว้
“อย่ามายุ่งกับพี่ผมนะ ถึงพี่มนจะทำอะไรคุณไม่ได้ แต่ผมไม่ใช่ลูกคุณ” มิกซ์ชี้หน้าพ่อฉันอย่างคาดโทษก่อนจะพาฉันเดินเข้าห้องไปเอาข้าวของต่าง ๆ ที่ฉันเก็บไว้ไม่หมด
ก่อนที่พวกเราจะออกจากคอนโดฯ นั้นมาแล้วพาฉันไปยังบ้านใหม่ที่ฉันต้องปรับตัวอีกเยอะเลย