ปึก! ปึก! ปึก!
มือเล็กทุบตีหน้าอกคนตรงหน้าอย่างรุนแรงเพื่อให้เขาปล่อยเธอออก แต่ดูเหมือนว่าแรงของเธอนั้นจะไม่ทำให้เขาสะทกสะท้านอะไรเลย การกระทำของเขานั้นยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย มือหยาบนั้นลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธอราวกับสัตว์ป่าที่กำลังหิวโหย
“ปล่อยนะ หยุดเดี๋ยวนี้” ไม่ใช่แค่ร่างกายที่พยายามขัดขืน เธอเองก็พยายามร้องห้ามเช่นกัน ไม่ใช่ว่าตอนคบกันไม่เคยมีอะไรกันหรอกนะ แต่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นแบบนี้เวลานี้และในขณะที่ทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่ควรจะเกิดขึ้นจริงๆ
“อยู่นิ่งๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“งั้นก็หยุดเพราะฉันไม่ชอบ!!” เธอพูดตะคอก ตอนนี้เริ่มไม่พอใจเขามากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
“…..” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร เขาจ้องมองเธอไม่วางตาก่อนที่จะพุ่งเข้าไปจูบปากกับเธออย่างรุนแรง ฟันคมกัดริมฝีปากของเธออย่างแรงจนเธอรู้สึกได้ว่ามันมีเลือดออกมา
“อื้อ!!” แม้ใกล้จะหมดเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนเต็มทีแล้วเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ มันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาไม่ได้ “หยุดสักที อย่าทำให้ฉันเอือมกับนายไปมากกว่านี้!”
“…..” คราวนี้เขาหยุดจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เขาผละตัวออกมาและมองหน้าเธอภายใต้สายตาคู่นั้นมันแฝงไปด้วยความน่ากลัวบางอย่าง
“เจโรมที่ฉันเคยรู้จักไม่ใช่คนนี้ เขาแสนดี เขาอ่อนโยน เขาไม่ทำเรื่องแบบนี้กับฉัน” เธอพูดใส่หน้าเขาทั้งน้ำตา มันเจ็บปวดมากจริงๆ ที่ต้องกลับมาเจออะไรแบบนี้ ก็จริงอยู่ที่ตอนเลิกกันมันไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ แต่มันก็จบลงด้วยดีนี่นาเพราะตกลงกันไว้ว่าจะแยกกันไปเติบโตในทางของตัวเอง วันไหนถ้าได้กลับมาเจอกันก็ค่อยว่ากันอีกทีเรื่องความสัมพันธ์ แต่ในขณะเดียวกันเธอกลับคิดไปแล้วว่าเขาคงลืมเธอแล้ว เพราะฐานะที่ค่อนข้างต่างกัน เขาได้เข้าสังคมเจอผู้คนมากมายมันก็ไม่แปลกใช่ไหมที่เขาจะมีความสัมพันธ์กับใครขณะที่ตัวเองโสด
บ้านคนรวยที่มีฐานะส่วนใหญ่มักจะชอบจับคู่ให้กับลูกของตัวเองเพื่อความเหมาะสมเพื่อรักษาหน้าตาของวงศ์ตระกูล
“ร้องไห้เหรอ คนแบบเธอเนี่ยนะร้องไห้ เฮอะ!!” เขาแค่นหัวเราะออกมา ทำเหมือนกับว่าการหลั่งน้ำตาของเธอนั้นมันเป็นเรื่องตลก แต่สีหน้าของเขามันกำลังแสดงตรงกันข้ามกับคำพูด
“ทำไมนายถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้”
“…..” เขาไม่ได้ตอบ แต่ตัวของเขานั้นยังคงทับตัวของเธออยู่ไม่ปล่อย แม้มือทั้งสองข้างของเธอจะไม่ได้ถูกพันธนาการไว้แล้วแต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืน มันกำลังอยู่ในช่วงของคววามสับสนมากกว่า
เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ อะไรที่ทำให้คนดีๆ แบบเขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ แค่การเลิกราเหรอ? มันเป็นไปไม่ได้หรอก
“ปล่อย!”
“คนเคยเอากันแค่กลับมาเอากันอีกครั้งจะเป็นอะไรไปวะ เธอมันง่ายอยู่แล้วนี่!”
“พะ พูดอะไร” เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากผู้ชายที่เธอเคยรัก ง่ายเหรอ? การที่มีอะไรกับแฟนของตัวเองมันเรียกว่าง่ายงั้นเหรอ เธอมีแค่เขาไม่เคยไปมีคนอื่นหรือมีอะไรกับคนอื่นเลย แบบไหนที่เรียกว่าง่าย ถ้าการมอบร่างกายและใจให้กับคนที่ตัวเองรักมันเรียกว่าง่ายเธอก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วเหมือนกัน
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมีถุงยาง เพราะยังไงฉันก็ไม่อยากเอาสดกับเธอเหมือนกัน”
“…..” ยิ่งได้ยินเขาสาดคำพูดพวกนี้ออกมาเธอก็ยิ่งรู้สึกหน้าชาและจุกไปหมด “รังเกียจกันขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่ต่างคนต่างอยู่ล่ะ” หญิงสาวพูดออกไปทั้งที่ในอกมันจุกไปหมดแล้ว น้ำตามันปริ่มพร้อมจะไหลออกมาเต็มทีแล้วเหมือนกัน แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอนั้นเสียใจกับคำพูดของเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้อีกนานเท่าไหร่เหมือนกัน
“ของมันเคยๆ กันจะหวงไปทำไม หรือเก็บไว้ให้ใครเอาต่อล่ะ?”
“หยุดได้แล้ว พอสักที!!” หญิงสาวผลักเขาออกไปอย่างแรง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์โกรธด้วยไหมที่จู่ๆ แรงของเธอมันก็เยอะขึ้นมาดื้อๆ และผลักคนตัวโตอย่างเขาออกไป ก่อนที่เธอจะรีบลุกขึ้นหนีให้ห่างจากเขา
“ทำเป็นเล่นตัวไปได้”
“นายเป็นอะไรของนาย ทำไมทำกันแบบนี้ ฉันไปทำอะไรให้นายตอนไหน?” หญิงสาวถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ สายตาของเธอที่เคยมองว่าผู้ชายตรงหน้านั้นอบอุ่นมันไม่มีอีกแล้ว มันเต็มไปด้วยความกลัวและไม่อยากจะเข้าใกล้อีกเลย
“…..” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ เขาหยิบบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อออกมาจุดและนั่งสูบทั้งที่ยังอยู่ในห้องของเธอ การกระทำของเขามันดูใจเย็นไม่เหมือนกับเธอที่ตอนนี้ระแวงไปหมดแล้ว
ฟู่ว~
“อะ ออกไป ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก ฉันไม่รู้จักคุณ!!” เพราะมั่นใจว่าคนตรงหน้านั้นไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เพราะแบบนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องพูดกับเขาเหมือนเดิมเช่นกัน
“เธอต้องดูแลน้องของฉันให้ดี ถ้าดูแลไม่ดีเธอนั่นแหละที่จะโดนเล่นซะเอง จำเอาไว้”
“…..” หญิงสาวไม่ได้ตอบ เธอยืนพิงกับผนังห้องและมองดูเขาเดินออกไปอย่างเงียบๆ แม้ตัวเขาจะออกไปแล้วในห้องของเธอนั้นก็ยังคลุ้งไปด้วยกลิ่นบุหรี่อยู่ นั่นบ่งบอกถึงตัวตนที่หยาบดิบของเขาเพราะเขามันไม่ต่างอะไรกับกลิ่นบุหรี่ที่เหม็นจนน่าปวดหัวในตอนนี้เลย
พอแน่ใจแล้วว่าเขาออกไปจริงๆ เธอก็รีบเดินไปล็อคประตูพร้อมกับปิดกระจกบานเกล็ดในห้องและดึงม่านลงมาปิดไม่ให้คนข้างนอกเห็น
ก่อนที่ร่างบางนั้นจะทรุดตัวลงตรงข้างเตียงพร้อมกับกอดเข่าร้องไห้ออกมา ข้าวของที่กระจัดกระจายและผ้าผ่อนบนเตียงที่ยับยู่ยี่นั้นมันกำลังย้ำเตือนว่าเธอเกือบจะถูกเขาทำเรื่องแบบนั้นแล้วจริงๆ มันเกือบไปแล้วจริงๆ
“ฮึก...” มันห้ามน้ำตาไม่ได้จริงๆ ยิ่งรู้สึกว่าโดนขังอยู่ที่นี่แบบนี้มันยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวไปหมด เธอไม่เหลือใครแล้วคนในครอบครัว กลับมาคราวนี้ก็กะจะสร้างเนื้อสร้างตัวเลี้ยงตัวเองให้รอด แต่ก็ดันมาเจอเรื่องแบบนี้ซะได้ ได้แต่ถามกับตัวเองว่านี่มันเวรกรรมอะไรทำไมตัวเองต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย
พอนั่งร้องไห้ได้อยู่พักใหญ่ๆ จันทร์เจ้าก็ต้องลุกขึ้นและเก็บข้าวของที่มันกระจัดกระจายอยู่ในห้องให้เป็นระเบียบมากกว่านี้ ถึงยังไงเธอก็ต้องอยู่ที่นี่และก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน
มันรู้สึกเคว้งไปหมดเลย เหมือนโดนกักขัง บ้านหลังใหญ่แบบนี้มันไม่ได้ดูน่าอยู่สบายเลยสำหรับเธอ คิดถึงบ้านไม้เก่าๆ แคบๆ ของเธอมากกว่า อยากกลับบ้าน ป่านนี้เพื่อนของเธอคงจะเป็นห่วงแย่แล้วมั้งที่เธอหายตัวไปดื้อๆ แบบนี้
ตกดึก
มือเล็กค่อยๆ เปิดและแง้มประตูออกมา พอมองรอบๆ แล้วไม่มีใครเธอก็เดินออกไปนั่งเล่นที่เก้าอี้หน้าห้องของตัวเอง สูดอากาศเย็นๆ ของยามค่ำคืน และขณะที่กำลังนั่งอยู่นั่นก็มีคนเดินเข้ามาหาเธอ ไม่รู้หรอกว่าใครแค่เห็นเงาดำๆ ของร่างคนเท่านั้น ขอแค่ไม่ใช่เขาก็พอแล้วล่ะ
“ผมนึกว่าใคร ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” เสียงทักทายที่ดังขึ้น มันทำให้เธอรู้สึกโล่งใจเพราะไม่ใช่เขา
“คุณเองเหรอ?”
“ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหรอกครับ ผมเป็นแค่คนสนิทของคุณเจโรมเท่านั้น”
“…..” หญิงสาวทำได้เพียงพยักหน้าตอบ ไม่ได้ถามอะไรเขา ไม่ได้อยากจะสนทนากับใครสักเท่าไหร่ด้วย
“เข้าห้องเถอะครับ ออกมาอยู่ข้างนอกตอนกลางคืนแบบนี้มันไม่ดีหรอกครับ การ์ดในบ้านจะเข้าใจผิดเอาได้ว่าคุณเป็นโจร คุณเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่นะครับ”
“คนอย่างฉันเนี่ยนะจะเป็นโจร เฮอะ!!”
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ”
“ช่างเถอะ ฉันขอนั่งแบบนี้สักพักแล้วกัน อยู่ข้างในมันอึดอัด”
“ครับ”
หลังจากนั้นผู้ชายที่เข้ามาทักทายเธอก็เดินไปต่อราวกับว่ามาเดินตรวจตราไม่ต่างอะไรจากบอดี้การ์ดที่กำลังเดินส่องไฟวูบวาบอยู่ในตอนนี้
การสนทนาเมื่อคู่เธอมั่นใจว่าไม่มีใครเห็นหรอก เพราะเสียงเงียบไปกันหมดแล้ว แต่หารู้ไม่ว่ามีสายตาคมกริบกำลังจ้องมองเธอและผู้ชายก่อนหน้านี้ออกมาจากความมืด ไม่แปลกเลยที่เธอจะไม่รู้ว่ามีคนกำลังแอบมอง
เวลาผ่านไป
จันทร์เจ้ากลับเข้าไปในห้องและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวที่จะนอนหลับพักผ่อนในค่ำคืนนี้ แต่เธอไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับลงไปได้เลย แม้จะล็อคประตูแล้วก็ตาม มันระแวงไปหมด ระแวงว่าเขาจะแอบเข้ามาตอนที่เธอหลับ ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นอีก เพราะเธอไม่รู้ว่าจะมีแรงขัดขืนเขาแบบนี้ไปได้อีกเท่าไหร่
และในที่สุดก็ผล็อยหลับไปจนได้ ร่างกายที่เหนื่อยล้ากับการเดินทางมาบวกกับต้องต่อสู้กับเจโรมไปมันทำให้เธอเพลียมาก เธอหลับยาวและหลับลึกจนมารู้สึกตัวตื่นอีกทีเพราะมีเสียงเคาะประตูดังรัวๆ ด้านนอก
แกร๊ก~
“อือ...อะไรคะ?”
“อะไรกัน มาทำงานแต่ตื่นสาย นี่มันเช้าแล้วตื่นมาทำงานสิ เธอต้องเอาข้าวขึ้นไปให้คุณจูโน่นะ” พอเปิดประตูออกไปเธอก็ถูกต่อว่าหลายคำ แต่ไม่ใช่แม่บ้านคนเมื่อวานที่พาเธอมาส่งที่ห้อง
“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวจะรีบออกไป”
“เร็วๆ ล่ะ”
หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป แม้จะไม่อยากตื่นแต่มันก็เลือกไม่ได้ เพราะเขามอบหมายหน้าที่ที่เธอไม่ได้อยากทำมาให้แล้ว
ผ่านไปสักพัก..
“เอาข้าวขึ้นไปข้างบน ประตูห้องสีดำริมสุดซ้ายมือ ป้อนข้าวแล้วอย่าลืมป้อนยาด้วยนะ ยาที่เตรียมให้แหละ”
“ค่ะ” เธอมองถาดในมือของตัวเองแล้วพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะขึ้นไปด้านบนและทำตามที่แม่บ้านคนนั้นแนะนำมา
พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเจโรมยืนอยู่ วันนี้เขาใส่ชุดสูทเหมือนเตรียมพร้อมจะออกไปไหน ใกล้ๆ กันมีใครบางคนกำลังนั่งอยู่บนรถวีลแชร์และหันหน้าออกไปทางระเบียงที่แสงตะวันกำลังสาดเข้ามา ทั้งสองดูเหมือนจะกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่ แต่พอเธอเดินเข้ามาการสนทนาก็จบลง
“ฉันเอาข้าวมา...ค่ะ” แม้จะไม่อยากพูดกับเขา แต่ในสถานการณ์แบบนี้เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ต้องพูดเหมือนกับว่าเขาเป็นเจ้านายด้วย
“…..” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ แต่เลือกที่จะหลีกทางให้เธอเดินเข้าไปเอง ใบหน้าที่เรียบนิ่งนั้นมันทำเอาเธอกลัวจนหัวใจเต้นตึกตักไปหมด
“พี่ไปทำงานก่อนนะ แล้วจะรีบกลับ”
เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นและทิ้งให้เธออยู่กับคนที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์สองต่อสอง