บทที่2) ผู้ชายคนนั้นชื่อนายอินทร์
อำเภอพระพรหม,จังหวัดนครศรีธรรมราช
"ค่อยๆ เดินสิไอ้นางอายฉันละเหนื่อยกับแกจริงๆ" น้ำอบเอ่ยบ่นใครบางคนที่พึ่งจะออกมาจากโรงพยาบาลมาหมาดๆ แต่ก็ยังกระทำตัวเหมือนม้าดีดกระโหลกไม่ยอมเลิกทั้งๆ ที่แผลลึกใหญ่ตรงข้อศอกยังไม่ทันจะหายดีและเฝือกที่ขาก็ยังไม่ได้ถอด
"นี่! ฉันไม่ได้อ่อนหวานเหมือนแกนะไอ้น้ำอบ" 'นางอาย อชิรญา ศรีบุญผึ้ง' กล่าวอย่างเหน็บแนมน้องสาวที่มีอายุห่างกับเธอเพียงปีเศษๆเท่านั้น
"ก็ฉันเป็นห่วงแก! อีกอย่างถ้าแกมีเหตุต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกมันก็ไม่พ้นฉันที่จะต้องไปเฝ้าไข้ แกรู้บ้างไหมว่ามันเหนื่อย"
น้ำอบสวนทันควันด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเจื้อยแจ้วที่ไม่ว่าจะบ่นด่ายังไงใครที่ได้มาฟังก็ไม่มีวันที่จะโกรธ...
"ก็ฉันเบื่อนี่นา...นั่งแต่รถเข็นอยากเดินเองแล้ว" แม้นางอายจะมีดีกรีเป็นถึงเทพีแห่งอำเภอหากแต่เบื้องหลังจริงๆ แล้วเธอไม่ได้มีความอ่อนช้อยเหมือนกับตอนที่อยู่บนเวทีเลยแม้แต่น้อย และเหตุผลที่ทำให้นางอายนั้นต้อฃลงชื่อประกวดนางงามไปตามเวทีต่างๆ นั้นก็เพื่อหมายจะชิงเงินรางวัลมาแต่งรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งให้น้องสาวอย่างน้ำอบนั่นเอง
"อีกแค่สามวันแกก็จะได้ตัดเฝือกแล้วทนหน่อยสิไอ้นางอาย"
"บ่นจัง! ตกลงแกเป็นน้องหรือพ่อฉันกันแน่ไอ้น้ำอบ แต่เดี๋ยวก่อนนะ...ฉันจำได้ว่าวันก่อนแกบอกว่าแกโดนจับไม่ใช่หรือไง?"
"ก็ใช่! และถ้าแกจะสงสัยว่าฉันเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าปรับ ฉันจะบอกให้ก็ได้ว่าพี่ผู้ชายคนนึงเขาช่วยเอาไว้เขายังบอก...
"ผู้ชาย? ใคร!" คนหวงน้องสาวยิ่งกว่าสิ่งใดในปฐพีเอ่ยแทรกอย่างไม่สนใจว่าน้องสาวจะด่าว่าตัวเองไม่มีมารยาทหรือไม่
"ฉันไม่รู้จักเขาหรอกไอ้นางอายแต่เขาฝากฉันให้มาบอกแกว่าขอให้แกหายไวๆ ไอ้อินทร์คิดถึง"
"ไอ้อินทร์..." แพขนตาสวยปิดลงอย่างใช้ความคิดหลังจากได้ยินชื่อแสนคุ้นนั้นออกมาจากปากน้องสาว
"อ๋อ...ไอ้อินทร์หรือที่เขาเรียกกันว่านายอินทร์เนี่ยมันเป็นเพื่อนที่ฉันสนิทด้วยมากๆ สมัยที่เรียนช่างกลน่ะ แต่แม่มันชอบใช้คำพูดจิกหัวฉันฉันเลยต้องแอบตีตัวเองออกมาให้ห่างจากมันแล้วก็ขอพ่อย้ายที่เรียนอย่างที่แกรู้นะแหละ"
"อ๋อ..." น้ำอบครางรับอย่างเข้าใจและไม่นึกที่จดสนใจสืบถามอะไรต่อ
"แกหิวรึยังไอ้นางอายฉันจะไปดูสักหน่อยในครัวมีอะไรที่แกพอกินได้บ้าง"
"เดี๋ยวไอ้น้ำอบ!" คนขาหักพยุงเฝือกหนักๆ เดินกระโผลกกระเผลกไปดักหน้าน้องสาวหลังจากที่พึ่งนึกอะไรขึ้นมาได้
"มีอะไร" ที่สุดแล้วน้ำอบก็เลือกที่จะมองข้ามความดื้อรั้นของนางอายก่อนจะเลิกคิ้วเชิงคำถามไปยังพี่สาว
"ไอ้อินทร์มันจีบแกเหรอ?"
"แกจะบ้าหรือไงไอ้นางอาย! เกิดมายี่สิบปีก็พึ่งจะเจอกันกับเขาครั้งแรกเอาอะไรมาคิดว่าเขาจีบฉันกัน เพ้อเจ้อ!"
"แน่ใจ๋?"
"ล้านเปอร์เซ็นต์จ้า! อีกอย่างถึงจะจีบจริงฉันก็ไม่เอาหรอกฉันไม่ชอบผู้ชายลุคคุณหนูแกก็รู้ แต่ถ้าเป็นพี่ป้อผู้ชายทรงเซอร์ท้ายวัดมาจีบอะไม่แน่ฉันอาจจะเอาด้วย" น้ำอบหัวเราะและเดินหายเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารง่ายๆ ให้คนป่วยได้ทานรองท้อง
"ไอ้อาย!"
"ไอ้อายโว้ย!"
"ใครวะ" นางอายเอียงหูตามเสียงที่ลอยมาจากริมรั้วหน้าบ้านด้วยความสงสัย
"รึไอ้ป้อมันมาขายขนมจีบให้ไอ้น้ำอบมันอีก"
ปากเล็กๆ ที่แผลฉีกขาดพึ่งจะเริ่มหายเดาไปเรื่อยเปื่อยขณะที่สองขาก็รีบก้าวให้ไวที่สุดเท่าทีสังขารจะฝืนไหวเพื่อไปดูแขกผู้มาเยือน
"ไอ้อินทร์!"
"เออกูเอง! นายอินทร์เพื่อนนางอาย" นายอินทร์เอ่ยตอบพร้อมส่งสายตาเชิงล้อเลียนไปยังคนที่พยุงเฝือกเดินมาหาเขา
"เข้ามาข้างในก่อนสิ" นางอายหรี่ตามองนายอินทร์อย่างรู้เท่าทันว่าการมาเยือนของมันในครั้งนี้นั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะมาเยี่ยมเธอดังที่ปากมันบอกหรอก ถ้าถามว่าเธอรู้ได้ยังไง ก็ตามันไงบอกได้ทุกสิ่ง! ปากมันพูดกับเธอก็จริงแต่ตามันกลับสอดส่องเข้าไปในบ้านเธอเพื่อมองหาใครอีกคนที่ได้ชื่อว่าน้องสาวของเธอ
"ไอ้อินทร์ มึงจะจีบไอ้น้ำอบมันรึ?"
"เออ! กูจะจีบน้องสาวมึงไอ้อาย" นายอินทร์ว่าอย่างไม่คิดที่จะอ้อมค้อมไปให้เสียเวล่ำเวลา ก็เป็นเพื่อนกับคนตรงหน้ามาตั้งนานจะมามัวแต่ยึกยักไปทำไมกันเล่า
"ไม่ได้" นางอายปฏิเสธเสียงแข็งอย่างอยากจะให้นายอินทร์รู้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่น
"แกจะจีบใครก็ได้ไอ้อินทร์แต่แกจะมาจีบน้องสาวฉันไม่ได้"
"ไอ้นางอายแกนี่นะเผลอไม่ได้เลยให้ตายสิ!"
เสียงหวานๆ ที่คุ้นเคยที่แทรกเข้ามานั้นทำเอานายอินทร์ถึงกับคลี่ยิ้มออกมาด้วยหัวใจที่พองโตก่อนจะจงใจเดินกระแทกไหล่คนเจ็บเพื่อเดินตรงเข้าไปหาที่มาของเสียงหวานๆนั้น
"มาได้แล้วเนอะแกไอ้นางอาย แล้วถ้ามันไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปกินข้าวเสร็จก็เชิญแกเสด็จขึ้นไปอยู่บนรถเข็นของแกด้วยค่ะเพราะวันนี้หมออนุพันธ์เขาจะเข้ามาดูอาการของแก... อุ๊ย! ขอโทษทีจ้ะน้ำอบนึกว่าไอ้นางอายมัน"
มือนางยกขึ้นเกาหัวกลมทุยอย่างเก้อเขินเมื่อพบว่าคนที่เธอบ่นอยู่นานสองนานนั้นไม่ใช่นางอาย
"น่ากินจังเลยจ้ะ อันนี้เขาเรียกว่าอะไรจ๊ะน้ำอบ" คนที่ใช้ชีวิตสุขสบายอยู่แค่ในคฤหาสน์เอ่ยถามน้ำอบถึงกับข้าวที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอย่างใคร่รู้
"อันนี้ผัดคะน้าปลาเค็มจ้ะคุณนายอินทร์ อันนี้น้ำพริกกะปิกินคู่กับยอดมันลวกกะทิจ้ะคุณนายอินทร์"
"เรียกเฮียเถอะจ้ะน้ำอบ เรียกเฮียว่าเฮียอินทร์"
ดวงตาหล่อคมจ้องมองไปยังคนหน้าหวานตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา อดไม่ได้จริงๆที่จะสงสัยว่าทำไมตำแหน่งเทพีประจำอำเภอถึงไม่เป็นของน้ำอบแทนที่จะเป็นหญิงแก่นแก้วอย่างนางอาย
"จะดีหรือจ๊ะคุณนายอินทร์ น้ำอบกลัวว่าใครเขาจะเอาไปพูดว่าน้ำอบเป็นเด็กเฮียนะจ้ะ"
น้ำอบว่าอย่างใส่ซื่อและนั่นก็ทำให้นายอินทร์ที่หลงน้ำอบหัวปักหัวปำอยู่แล้วถึงกับยกใจให้น้องนางไปหมดทั้งดวงเลยทีเดียว
"จะทำให้ไอ้อินทร์หลงไปถึงไหนแม่คุณ..." มือแกร่งเลื่อนมาเท้าคางพร้อมจ้องมองร่างบางด้วยแววตาล่องลอย
"พี่อินทร์หิวไหมจ๊ะ? น้ำอบจะได้จัดข้าวมาให้"
น้ำอบว่าอย่างเคอะเขิน เธอไม่ได้ไม่ประสาพอที่จะมองไม่ออกว่าชายตรงหน้านี้กำลังเกี้ยวพาราสีตัวเองอยู่
"ไอ้อินทร์จะตาย" เพียงคำว่าพี่ที่เล็ดลอดออกมาจากปากเล็กนั้นทำเอานายอินทร์ถึงกับต้องยกมือมากอบกุมหน้าอกหน้าใจกันเลยทีเดียว
"เป็นอะไรไปจ๊ะ" น้ำอบรีบเข้ามากอบกุมทับมือหนานั้นอีกชั้นด้วยคิดไปไกลถึงขั้นที่ว่าโรคหัวใจของชายหนุ่มอาจจะกำเริบ
พรวด!
"ไอ้นางอาย! ไอ้นางอาย! โทรเรียกรถพยาบาลทีพี่อินทร์เลือดกำเดาไหล ไอ้นางอาย!"
ของเหลวสีแดงสดจากจมูกคมสันต์ถึงกับพุ่งกระฉูดอย่างหยุดไม่อยู่อีกต่อไป ยิ่งอกอวบอิ่มนางตรงหน้ากระเพื่อมขึ้นลงมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งไหลออกมามากเท่านั้น
"ไอ้อินทร์เพื่อนเวร!"
ไอ้อินทร์คนชั่วแอบมองนุ่มนิ่มของน้อง