“ปวดแผลชะมัดเลย” นี่คือเสียงบ่นของคนเก่งค่ะ
“พรรณนาอะไรนักหนาพูดเองนี่ว่านักรบย่อมมีบาดแผล ก็นี่ไง!” ฉันว่าพลางเท้าสะเอวมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
แผลไม่ใหญ่หรอกค่ะแค่คิ้วแตกเย็บสามเข็มเท่านั้นเอง ที่เหลือก็ฟกช้ำนิดหน่อย
“คนแรกเลยนะที่ด่าฉอด ๆ แล้วไอ้เก้าไม่สวนกลับ”
“ฮ่า ๆ ก็ลองสวนดิ”
“โธ่พี่! ดุขนาดนี้ใครจะกล้า”
“มึงกล้า! แต่มึงไม่ทำเองแหละไอ้เก้า”
“...”
พี่เส้นด้ายเป็นคนรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ กลับจากโรงพยาบาลก็อยู่คุยกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายกัน
“พรุ่งนี้ตอนเช้ามารับนะ”
“อืม อย่าให้แผลโดนน้ำนะแล้วก็กินยาแก้ปวดด้วย”
“ครับ”
“...” ฉันเงียบแล้วมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ ไอ้ครับ ๆ นี่หลายครั้งแล้วค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าพูดเล่นเชิงประชดหรือเปล่าแต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วสิ
“ใช้สายตาแบบนี้มองเราอีกแล้วนะ”
“ก็นายทำตัวแปลก ๆ”
“ไม่เห็นแปลกเลย แค่กับเธอคนเดียวนั่นแหละ” จบประโยคก็ขับรถออกไปเลยค่ะ ทิ้งฉันงงท่ามกลางความมืดเฉยเลย
“ไปไหนกันมากลับซะมืดเชียว เสียงของแม่ทำให้ฉันละความสนใจจากเก้า
“ขอโทษ หนูลืมโทรมาบอกพอดีเก้ามีเรื่องนิดหน่อยเลยพาไปทำแผลที่โรงพยาบาลมา”
“คราวหลังอย่าลืมอีกนะ”
“จ้า”
เข้าบ้านอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จเก้าก็โทรมาพอดีค่ะ
(แม่ดุหรือเปล่าที่กลับบ้านมืด)
“นิดหน่อยแต่ไม่ได้โกรธอะไรหรอก ว่าแต่นายเถอะทำไมถึงกลับมาสภาพนั้น” แน่นอนว่าฉันไม่ลืมที่จะถาม
(มีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อย)
“ไม่หน่อยมั้ง”
(เราชินแล้ว)
“แต่เราไม่ชิน ... นายอยากลองผิดลองถูกยังไงเราไม่ห้ามเลยนะ แต่อย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัวแบบนี้อีกได้ไหม”
(อืม... แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ เธอต้องตอบรับคำขอของเราก่อน)
“...” เป็นฉันเองที่เงียบไป คำขอที่เขาว่าก็คือคำตอบที่ฉันบอกปฏิเสธไปก่อนหน้านั่นแหละ “ขอเวลาเราหน่อยนะ เราไม่มั่นใจว่าความรู้สึกตอนนี้คืออะไร” ฉันพูดออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง ไม่ได้จะบอกให้เก้ารอหรือให้ความหวังนะคะ ฉันแค่อยากมั่นใจในตัวเองก่อนก็เท่านั้น
(เรารอเก่งมากนะเผื่อเธอไม่รู้)
“เปลี่ยนจากคำว่ารอเป็นลองคุยกันดีไหม บางทีเราสองคนอาจจะค้นพบความรู้สึกจริง ๆ ก็ได้” คิดแค่เพื่อน สนิทกันให้ตายยังไงก็อยู่แค่เพื่อนค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่... มันก็จะมีคำตอบในตัวของมันฉันเชื่อแบบนั้น
(เธอพูดเองนะ)
“อืม”
(ถึงจะเป็นคนคุยแต่เธอก็ต้องคุยทีละคนนะ)
“แน่สิ! ถ้าคุยหลายคนอันนั้นเรียกประชุมสาย”
(เธอ!!)
“คิกคิก” กวนประสาทไปอย่างนั้นแหละค่ะ “ถือว่าตกลงแล้วนะ นายเองก็รักษาคำพูดด้วย”
(จะพยายามเลี่ยงให้ได้มากที่สุดแล้วกัน)
“อืม”
ถึงจะไม่ใช่คำตอบที่น่าพอใจซะทีเดียว แต่ก็ยังดีค่ะที่เขาคิดจะพยายามและไม่ตอบแบบขอไปที
เช้าวันใหม่
เก้ามาแต่เช้าตรู่เลยค่ะ เช้ามากตั้งแต่ฉันยังอาบน้ำแต่งตัวไม่เสร็จด้วยซ้ำ
“รีบเหรอ?” เอ่ยถามคนตรงหน้าที่กำลังสร้างความกดดันให้ฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขาคนเดียวเลยฉันถึงต้องพลอยรีบตามไปด้วย
“นิดหน่อย”
มาถึงโรงเรียนตั้งแต่หกโมงเช้านั่นแหละ แถมยังถูกลากให้มากินข้าวเช้าอีกด้วยค่ะ ปกติฉันไม่กินไง
“อารมณ์ไหนเนี่ย”
“อารมณ์นี้แหละ” คำตอบแสนกวนอารมณ์ถูกเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกว่าวันนี้จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะคะ
“หืม... บรรยากาศดีแต่เช้าเลยแฮะ” บุคคลที่มาใหม่คือโบกับแซ็กค่ะ
“หรือว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น”
“มึงสองคนไม่กวนตีนกูสักวันจะตายไหม” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยพร้อมกับปรายตามองเล็กน้อยแต่สองคนตรงหน้าก็ไม่สะทกสะท้านอะไรนอกจากระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแทน
... : ฮ่า ๆ
อย่าว่าแต่สองคนนั้นแปลกใจเลยค่ะ ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกัน
ระหว่างวันก็แยกย้ายกันเข้าเรียนตามปกติค่ะ ทุกครั้งที่เปลี่ยนคาบเรียนและเดินสวนกันเก้าจะฉีกยิ้มให้อยู่เสมอจนภาพจำของใบหน้าเรียบเฉยที่เคยมีแทบจะหายไปจากหัวเลยทีเดียว
“เป็นอะไรของมันวะปกติจะหน้านิ่งแค่มองเฉย ๆ” เห็นไหมคะขนาดปูนายังอดสงสัยไม่ได้เลย “เพียงจันทร์เธอไม่ได้ร่ายมนตร์อะไรใส่มันใช่ไหม?”
“เปล่าหรอก พอดีเรามีข้อแลกเปลี่ยนกันนิดหน่อย”
“อย่างนี้นี่เองมันถึงอารมณ์ดีนัก” โบเสริมขึ้นมาบ้าง “ว่าแต่ข้อแลกเปลี่ยนอะไรทำไมมันถึงมีความสุขขนาดนั้น”
“ไม่บอกอย่าหลอกถาม”
“เฮ้อ!! ทำให้อยากแล้วก็จากไป พอกันทั้งคู่เลย”
ไม่บอกค่ะ จนกว่าจะมั่นใจ ...
พักเที่ยงเราก็นั่งเล่นกันในโรงอาหารเพื่อรอเรียนวิชาต่อไปซึ่งอยู่ตึกใกล้ ๆ กัน แต่แล้วความวุ่นวายก็เกิดขึ้น...
“เพียงจันทร์”
“หืม?”
“...”
ปูนาเอ่ยเรียกแล้วเงียบไป เห็นแบบนั้นฉันจึงเบือนหน้าไปมองบ้างก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังมีปากเสียงกันอยู่บริเวณสนามฟุตบอล ฉันจะไม่สนใจเลยหากว่าคนที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่เก้า
“อย่านะ”
“แผลเก่ายังไม่หายเลยนะโว้ย”
โบกับแซ็กที่กำลังมองดูเหตุการณ์อยู่พูดขึ้น จากนั้นก็เดินไปรวมกลุ่มด้วยแต่ยังไม่ทันไรทุกคนก็แยกย้ายคนละทิศคนละทางซะก่อนเพราะอาจารย์ฝ่ายปกครองมา
เก้าเดินหายไปหลังตึกโดยมีโอมและกายตามไปติด ๆ ที่พูดไว้ก่อนหน้านี้เขาจะทำได้หรือเปล่านะ... ฉันไม่ได้อยากควบคุมหรือจู้จี้จุกจิกอะไร ก็แค่ไม่อยากให้เขาเจ็บตัวเท่านั้นเอง
“มันมีเรื่องอะไรกันวะ” ปูนาเอ่ยถามแทบจะทันทีเมื่อสองคนนั้นเดินกลับมา ซึ่งฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันเพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นเก้าบอกอะไร ไม่มีเค้ามูลว่าจะมีเรื่องกันด้วยซ้ำ
“ยังไม่ทันรู้เรื่องเลยปกครองมา”
“...”
หลังจากนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับมาปกติค่ะจนถึงเวลาเลิกเรียน
“สวยมึงกลับยังไง” เอ็กซ์ค่ะปกติไม่เห็นจะถามเลยวันนี้มาแปลกแฮะ
“ก็เหมือนเดิม ประตูหลัง”
“ออกประตูหน้าดีกว่านะเดี๋ยวกูไปส่ง”
“มีอะไรหรือเปล่า” ถ้าบอกว่าไม่มีก็คือโกหกค่ะ สีหน้าเหมือนมีเรื่องหนักใจด้วยซ้ำ
“มี” มองหน้ากันนิ่ง ๆ ก่อนที่เอ็กซ์จะพูดต่อ “ไอ้เก้าไม่ได้บอกเหรอ?”
“ไม่เห็นบอกอะไรนะ” พลางหยิบมือถือขึ้นมาดูก็ไม่มีอะไรค่ะ ทั้งสายเรียกเข้าและข้อความ
“เหรอ... ถ้างั้นคงไม่มีอะไร” คนตรงหน้าพึมพำออกมาเบา ๆ แต่ฉันหูดีไงเลยได้ยิน “อ่อ! มันมาโน่นละ”
เบือนหน้าไปมองก็เห็นว่าเก้ากับกายกำลังเดินมาทางนี้ค่ะ สีหน้าโคตรปกติ ไม่รู้ว่าเคลียร์จบแล้วหรือคิดว่าฉันไม่รู้ไม่เห็นกันแน่นะ
“สวรรค์โปรดกูกลับด้วย” กายเอ่ยพร้อมกับเดินมากอดคอเอ็กซ์ “รถกูเสียอะไอ้เก้าก็เสือกมีตุ๊กตาท้ายรถอีก” ประโยคหลังนี่เหมือนจะแอบเหน็บแนมเบา ๆ
“มึงบังอาจมากนะไอ้กายว่าเพื่อนกูเป็นตุ๊กตายางได้ไง”
“เดี๋ยว ๆ อันนี้มึงพูดเอง”
“อ้าวเหรอ”
ไม่ได้สนใจสองคนตรงหน้าเลยค่ะเพราะมัวแต่จ้องจับผิดใครอีกคนอยู่
“กูไปก่อนนะ” จบประโยคเก้าก็เดินนำฉันออกมาจากตรงนั้นทันทีแถมยังเดินโคตรเร็วจนฉันตามไม่ทัน
“...”
เขาทิ้งระยะห่างพอสมควร หลังจากพ้นประตูก็หันกลับมามองฉันแวบหนึ่งแล้วไปเอารถมารอ
“นาย...”
(ตุ้บ!)
“โอ๊ย!” ถึงกับเซถลาเมื่อหมวกกันน็อคใบหนึ่งลอยมาโดนฉันแบบไม่ได้ตั้งใจ หันไปมองอีกด้านหนึ่งมีกลุ่มพี่มอปลายอยู่ค่ะ คนที่เขาตั้งใจจะปาใส่คงเป็นเก้าสินะแต่มันดันถูกฉันแทน
“เป็นเหี้ยไรไอ้สัส!” เก้าทิ้งรถแล้วเอาตัวมาบังฉันไว้ก่อนจะพูดประโยคหยาบคายออกมาอย่างไม่เกรงกลัว “มึงไม่จบใช่ไหม?”
“แล้วทำไมกูต้องจบอะ” น้ำเสียงชวนหาเรื่องเอ่ยพร้อมกับใบหน้าแสนกวนอารมณ์ “พี่ขอโทษนะครับพี่ไม่ได้ตั้งใจ” ประโยคหลังนี้เขาหันมาพูดกับฉันแต่มันคงไม่ได้ออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ หรอกค่ะ ปากเขาพูดกับฉันก็จริงแต่กลับเสมอสายตาไปทางเก้าอยู่ตลอดเหมือนกำลังยั่วโมโหเพื่อให้คนตรงหน้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อน และแน่นอนว่ามันได้ผล
(ผัวะ!)
หมัดหนัก ๆ กระแทกเข้าใบหน้าเต็มแรงแต่ก็แค่หมัดเดียวเพราะฉันรั้งเอาไว้ซะก่อน
“เก้า!”
“ปล่อย” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกฉันก่อนที่เขาจะพุ่งตัวไปซ้ำอีกหลายหมัดแบบไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
“ลูกพี่มึงมันเหี้ยเองอย่ามาพาลใส่คนอื่น!” น้ำเสียงเดือดดาลเอ่ยพร้อมกับชี้หน้าอย่างคาดโทษ “ฝากไปบอกมันด้วยว่ากูไม่กลัวหรอก”
“พอแล้ว” ฉันพยายามเข้าไปห้ามไม่รู้หรอกว่ามันเรื่องอะไรแค่ไม่อยากให้มันบานปลายไปมากกว่านี้ “นายรับปากแล้วไง”
เก้าไม่พูดอะไรแค่เพียงกวาดสายตามองทุกคนแล้วพาฉันออกมาจากตรงนั้น น่าแปลกที่พวกเขามากันเยอะแต่ไม่มีใครช่วยเพื่อนเลยทั้งที่เป็นฝ่ายได้เปรียบเห็น ๆ
“เจ็บหรือเปล่า”
“ไม่เจ็บแล้ว”
“ขอโทษนะ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกเราไม่เป็นอะไร” ฉันตอบออกไปตามความจริงก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติและรู้ดีว่าคนตรงหน้ายังโมโหอยู่ ถ้าตรงนี้ไม่มีฉันเขาคงไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอกค่ะ
“เธอคิดว่ามันไม่ตั้งใจให้โดนเธอเหรอ?”
“...”
“บางทีเราอาจจะตัดสินใจผิดก็ได้ รู้แบบนี้ปล่อยให้มันเป็นความลับเหมือนเดิมซะก็ดี!”
“...”