เช้าอีกวันฉันก็มาเรียนตามปกติ แต่วันนี้สายไปหน่อยเพราะไม่มีใครมาส่งต้องโบกแท็กซี่มาเองค่ะ
“ตายยากฉิบหายพูดถึงก็มาเลย”
“นึกว่าแกไม่มาแล้วซะอีก”
โบกับปูนาเอ่ยเมื่อเห็นหน้าฉัน ก็แน่สิเลทเวลามาตั้งเกือบชั่วโมง นี่ครั้งแรกเลยนะที่มาถึงโรงเรียนเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มน่ะ
“แม่ไม่อยู่อะดิเลยไม่มีใครมาส่งต้องรอแท็กซี่ผ่านหน้าบ้านเอา”
“บ้านอยู่ในหลืบก็แบบนี้แหละ” โอมที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยแซวขึ้นมาบ้าง
“ใช้คำว่าอยู่ในซอยก็พอมั้ง” ฉันว่าพลางเท้าสะเอวมองคนตรงหน้าอย่างกวนอารมณ์
“เดี๋ยวอย่าเพิ่ง!” แซ็กพูดแทรกขึ้นมาบ้างก่อนจะหันไปทางโอมแล้วพูดต่อ “มึงรู้ได้ยังไงว่าบ้านมันอยู่ไหน?”
“กูไม่รู้แต่เพื่อนกูรู้”
“หืม...”
“พวกกู... เฮ้ย! ทำไมมึงมาด้วยกัน” ประโยคของเอ็กซ์เรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
บุคคลที่มาใหม่คือเก้ากับแก้วค่ะ เขาเดินมาพร้อมกันแต่จะมาด้วยกันหรือเปล่าอันนี้ฉันก็ไม่รู้
“...” ทุกคนหันมองฉันเป็นตาเดียวแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาและหันไปตั้งคำถามกับเก้าแทน
“มึงสองคน?”
“อะไร?” เก้าเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่างข้างฉัน
“คือ...?” เอ็กซ์อึกอักไม่ยอมพูดออกมาเพียงแค่เลิกคิ้วเป็นเชิงตั้งคำถามแล้วมองไปทางแก้วที่ฉีกยิ้มกว้างอยู่
“กูมาคนเดียว” เก้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะหันมาพูดกับฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “โทรไปไม่รับนะ”
“ปิดเสียงไว้น่ะเลยไม่ได้ดู”
“ตั้งแต่เมื่อคืน!”
“...”
“อ่านข้อความได้แต่กดรับสายไม่ได้นะ”
“แล้วนายจะโวยวายให้ได้อะไร”
หมับ!
“เฮ้ยไอ้เก้าใจเย็น ๆ”
แขนข้างหนึ่งถูกรั้งอย่างถือวิสาสะ เก้าพาฉันมายันมุมหนึ่งของตึก เขาไม่แม้แต่จะสนใจเสียงเรียกของใครด้วยซ้ำ และหลังจากวันนี้ไปทุกอย่างคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วเพราะการกระทำของคนตรงหน้า...
“เป็นอะไรวะ” น้ำเสียงไม่พอใจเอ่ยพร้อมกับมองฉันอย่างคาดโทษ
“นายนั่นแหละเป็นอะไร”
“อย่ามาย้อนนะเพียงจันทร์!!”
“...” โมโหค่ะแต่ทำอะไรไม่ได้และก็หวังว่าคนตรงหน้าจะเลิกขึ้นเสียงใส่ฉันสักที
“อย่าเงียบได้ไหม มีอะไรก็คุยกันสิ”
“จะให้พูดอะไรก็นายเอาแต่ตะคอกและใส่อารมณ์” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ไม่ชอบเลยเวลาถูกใครขึ้นเสียงใส่ มันเหมือนกับว่าฉันเป็นตัวน่ารำคาญ
“ขอโทษ ห้ามร้องไห้นะ” เหมือนคำพูดของฉันจะทำให้คนตรงหน้าได้สติ น้ำเสียงเขาอ่อนลงมากแต่ว่ามันไม่ทันแล้วค่ะ น้ำตามันเอ่อล้นออกมาเรียบร้อยแล้ว “ขอโทษนะเราจะไม่ขึ้นเสียงใส่เธออีก” คำขอโทษถูกเอ่ยอีกครั้งพร้อมกับปลายนิ้วเรียวที่ยื่นมาเกลี่ยน้ำตาให้ฉัน
นานหลายนาทีที่ฉันเอาแต่ก้มหน้ามองพื้นไม่ยอมมองหน้าเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกที่ได้รับตอนนี้มันคืออะไร ฉันกำลังเป็นอะไร? น้อยใจเหรอหรือเสียใจที่ถูกเมินเพราะปฏิเสธความสัมพันธ์ที่คนตรงหน้าอยากได้
“พอ! นายไปสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนแล้วค่อยคุยกัน” ปูนาพูดขึ้นพลางเดินมาแทรกกลางและจูงมือฉันออกมาจากตรงนี้
“กูบอกแล้วไงว่านิสัยใจร้อนของมึงมันมีแต่พังกับพัง”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดแต่เขาไม่ได้พูดกับฉันหรอกค่ะ และนั่นก็คือประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินเพราะปูนาพาฉันเดินห่างออกมาไกลแล้ว
“เราบอกแล้วไงว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีดีอะไรเลย เห็นไหมผิดจากที่พูดซะที่ไหนล่ะ”
“...”
“ขอโทษนะถ้าเราพูดอะไรที่ทำให้เธอเคือง เราก็แค่พูดไปตามสิ่งที่เห็นเท่านั้นเอง เก้ามันใจร้อนและเจ้าอารมณ์แบบนี้มาตั้งนานแล้ว เราไม่รู้หรอกว่าระหว่างเธอกับเขามันยังไง เราก็แค่หวังดีเท่านั้นเอง”
“ใจเย็น ๆ นะปูนาเราไม่ได้ว่าอะไรเลย เพื่อนที่ดีคือเพื่อนที่กล้าเตือนกันอย่างเธอนี่แหละถูกแล้ว” พลางคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้คนตรงหน้าไปด้วยเพราะไม่อยากให้ปูนารู้สึกไม่ดี
“เอาเป็นว่า... เราจะไม่ถามแล้วกันนะว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงเราจะเห็นต่างและอยากคัดค้านมากแค่ไหนเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะทุกอย่างล้วนเกิดจากความรู้สึกของเธอ”
“...”
สามวันผ่านไป
ตั้งแต่วันนั้นเรื่องราวของฉันกับเก้าก็ดังสะพัดไปทั่วโรงเรียน และตอนนี้เองฉันก็เพิ่งเข้าใจว่าทำไมเก้าถึงอยากให้มันเป็นความลับ
“คบกันจริงเหรอวะ”
“น่าจะนะ กูเห็นกลับบ้านด้วยกันทุกวัน”
“เสียดาย... ผู้หญิงเรียนโคตรเก่งแต่ผู้ชายอย่างเหี้ย”
“นางฟ้ากับหมาวัด”
“เขาถึงได้บอกไงหรือผู้หญิงชอบคนเลว”
“เลวแต่หล่อนะ”
“หล่อแต่เลวก็ไม่ไหวนะ”
“ฮ่า ๆ”
บทสนทนาจบลงพร้อมกับบานประตูห้องน้ำที่เปิดออก มันไม่มีอะไรทำให้ฉันเสียหายก็จริงค่ะแต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ากำลังถูกล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวนักนะ เหมือนถูกจับตามองตลอดทั้งที่นี่มันคือชีวิตของฉันแต่กลับต้องระวังไม่ให้ขัดใจคนอื่น
ติ๊ง!
“เจอกันที่โรงอาหารนะ”
บ่ายนี้เรียนรวมค่ะเนื่องจากอาจารย์ไม่อยู่ และสถานที่นัดแนะก็คือโรงอาหารเพราะมีที่นั่งเพียงพอมากกว่าในห้องเรียน
มาถึงโรงอาหารเพื่อนห้องอื่นก็มาถึงก่อนแล้วค่ะแต่ดีหน่อยที่โบจองที่นั่งไว้ให้แล้ว แน่นอนว่ามีเก้าอยู่ด้วยรวมไปถึงกายกับโอมด้วยค่ะ
“...”
“บรรยากาศตึงเครียดแฮะ”
“อืม เหมือนจะร้อนวูบวาบ”
“มึงสองคนควรเงียบนะ กูไม่อยากให้เก้าอี้ลอยตอนนี้” น้ำเสียงราบเรียบของโบเอ่ยทำให้สองคนนั้นยอมเงียบและนั่งมองหน้าฉันกับเก้าสลับกันแทน
ตั้งแต่วันนั้นเราสองคนยังไม่ได้พูดกันเลยสักคำค่ะ ไม่สิ! ฉันต่างหากที่ไม่พูดกับเก้า ไม่ได้โกรธไม่ได้อะไรหรอกแต่คนเจ้าอารมณ์แบบนี้ต้องเอาความเงียบเข้าสู้ค่ะไม่อย่างนั้นก็คุยกันไม่รู้เรื่อง
“วันก่อนไปไหนมาวะ” เพื่อนต่างห้องเอ่ยพลางหย่อนตัวลงข้างเก้า
“วันไหน?”
“สามสี่วันที่แล้วมั้งที่มึงไปกับไอ้แก้วอะ”
“อ๋อ... มันไปกับไอ้โอมแต่รถยางรั่วกูเลยไปรับพวกมันแค่นั้นเอง”
“พวกมันเหี้ยไรกูเห็นแค่ไอ้แก้ว ฮั่นแน่...”
“แน่เหี้ยไร คนอื่นกูไม่เคยไปสองต่อสองหรอก”
“พูดแบบนี้แสดงว่ามีอีกคนที่ไม่ใช่คนอื่นสินะ”
“มี! มีมาหนึ่งปีแล้วด้วย”
“สรุปว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริงสินะ ถ้าไม่ได้ยินจากปากมึงกูก็ไม่เชื่อหรอก”
“...”