ความสัมพันธ์ที่ไม่มีสถานะไม่ได้แปลว่ามันจะไม่มีความสุขเสมอไป... ฉันไม่เคยเชื่อประโยคนี้เลยจนกระทั่งได้สัมผัสมันด้วยตัวเองนี่แหละถึงเข้าใจ
ฉันกับเขา เราต่างกันมาก ทั้งนิสัยใจคอและคำพูดคำจารวมไปถึงสังคมรอบข้างก็ด้วย เขาไม่มีอะไรอยู่ในอุดมคติของฉันเลยสักนิดเดียวแต่มีอย่างหนึ่งที่เขามีและมันก็ทำให้ฉันยินดีที่จะอยู่ตรงนี้แม้ไม่มีสถานะใด ๆ ก็ตาม
“บอกให้ไปทำไมไม่ไปวะ”
“เก้าก็รู้ว่าเรา...”
“เพียงจันทร์!!”
“...”
“เวลาบอกอะไรช่วยฟังกันหน่อยได้ไหม”
“รับปากเราแล้วไงว่าจะไม่มีเรื่องกับใครอีก”
“...”
ฉันรู้ว่าไม่ควรร้องขอในสิ่งที่เขาเป็นตั้งแต่แรก ไม่มีใครยอมเปลี่ยนอะไรเพื่อเราไปซะทุกอย่างหรอกเพราะคนเรามันหนีความเป็นตัวเองไม่ได้อยู่แล้วฉันคิดแบบนั้น
“ฉันถามจริง ๆ แกไปยุ่งวุ่นวายกับไอ้หมอนั่นได้ยังไง”
“อะไรเหรอปูนา”
“อย่ามาทำเป็นไม่เข้าใจไปหน่อยเลย ฉันเห็นนะเมื่อวานตอนเย็น”
“...”
“ไม่ได้จะว่าอะไรก็แค่สงสัยว่าแกคบคนแบบนั้นไปได้ยังไง ไม่รู้เหรอว่าประวัติโชคโชนขนาดไหน ทั้งเกเรทั้งหยาบคายไหนจะมีเรื่องชกต่อยรายวันอีก ให้ตายเหอะ!! ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรดีเลยในสายตาฉัน”
“ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่แกไม่เห็นต้องโวยวายขนาดนี้เลย”
“คนไม่ได้เป็นอะไรกันเขากลับบ้านด้วยกันทุกวันเลยงั้นสิ?”
“...”
“เพียงจันทร์เพื่อนรัก เธออย่าเอาแต่เงียบใส่ฉันได้ไหมช่วยพูดหรืออธิบายอะไรให้ฉันเข้าใจหน่อย”
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ไม่ได้เป็นก็ไม่ได้เป็น”
ทั้งหมดที่เพื่อนฉันกล่าวมาเขาเป็นแบบนั้นจริง ๆ ค่ะ ฉันเองก็เห็นและรับรู้มาโดยตลอดแต่มีอย่างหนึ่งที่คนอื่นไม่เคยเห็น...
“คราวนี้ยังอยากยุ่งวุ่นวายกับเราอยู่ไหม”
“...”
“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้เลย แผลแค่นี้มันไม่ตายหรอก”
“อึก... ก็มันเจ็บ”
“แล้วใครใช้ให้ยุ่ง”
“...”
“เงียบเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นจะให้เดินกลับเอง”
เขาเป็นแบบนี้แหละค่ะ ถึงปากจะว่าจะบ่นและทำรำคาญใส่ฉันแค่ไหนสุดท้ายแล้วเขาก็ดูแลฉันอยู่ดี
“ตอนพักกลางวันมีเรื่องกับใครเหรอ”
“เรา?”
“...”
“รุ่นพี่น่ะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอกแค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“เธอคิดว่าก่อนเราจะตั้งคำถามนี้ออกไปเราไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยสินะ”
“ไม่มีอะไรจริง ๆ เราไม่เคยยุ่งกับใคร”
“ใช่! เธอไม่ยุ่งกับคนอื่นแต่คนอื่นมันยุ่งกับเธอ”
“พูดดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงใส่เลย”
“เหอะ!”
ระหว่างเราเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก นอกเหนือจากคำว่าเพื่อนก็คือความสบายใจล่ะมั้งที่มีให้กันทั้งสองฝ่าย แต่ฉันดันลืมคิดไปว่าสักวันเราก็ต้องแยกย้ายกันไปอยู่ดี
“เรียนต่อที่ไหนเหรอ”
“ไม่รู้ดิ คงไม่เรียนมั้ง”
“...”
“แล้วเธออ่ะ”
“ต่อมอปลายที่นี่แหละ”
“อ่อ”
สำหรับฉันการที่ได้รู้จักกับเขาถือเป็นความสุขส่วนตัวค่ะ ไม่สนใจหรอกว่าเขาจะดีหรือไม่ดีเพราะเขาที่ฉันรู้จักเป็นคนอบอุ่น น่ารักและรักษาสัญญาเก่งมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์นี้จะจบลงยังไง รู้แค่ว่าตอนนี้ฉันมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเลือกก็พอ...
“ผมอยากเลิก”
“กูให้มึงพูดใหม่”
“ผมอยากเลิกทำแล้วจริง ๆ”
“ทำไม? เจอคนที่พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองแล้วงั้นสิ”
“...”
“ตามใจมึงแล้วกัน แต่กูของานนี้ให้จบก่อนเพราะมันสำคัญมาก”
“ครับ”
ครั้งสุดท้ายมักไม่มีอยู่จริงและไม่ได้หมายความว่าจะเริ่มต้นใหม่ได้อย่างสวยงามไปตลอด
“ฮึก!”
“อย่าร้องไห้เลยนะ หลังจากนี้ไปขอให้โลกใบนี้ใจดีกับเธอ ดูแลตัวเองให้ดี”
“เราจะรอนะ”
“ไม่ต้องรอเราหรอก มันไม่ใช่แค่หนึ่งปีสองปีแต่มันมากกว่านั้น อย่าเสียเวลากับคนอย่างเราเลยนะ ไปใช้ชีวิตตัวเองให้ดี ยิ้มเยอะ ๆ และมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำ”
“ฮึก...”
เคยมีคนบอกไว้ว่าถ้าเรารู้สึกกับใครสักคนเสียงร้องไห้ของเขาจะทำให้เราเจ็บปวดสุดหัวใจ ผมว่ามันจริงนะ แต่จะโทษใครได้ในเมื่อเลือกที่จะทำมันตั้งแต่แรก
ไม่อยากเชื่อเลยว่าความสัมพันธ์ลับ ๆ ของเราจะมีจุดจบแบบนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะคิดให้เร็วกว่านี้ เปลี่ยนตัวเองให้ดีกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละมันสายไปแล้วครับ ทั้งที่เธอก็ขอร้องและเตือนผมมาตลอด
ผมไม่เคยเข้าใจว่าความรักคืออะไร ไม่เคยใส่ใจที่จะมีมันด้วยซ้ำ แต่พอถึงวันนี้วันที่ต้องปล่อยใครอีกคนไปผมก็เพิ่งเข้าใจและตกผลึกกับความสัมพันธ์นี้ว่าจริง ๆ แล้วหัวใจของผมก็คือเธอนั่นแหละ ...