ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ
สารวัตรหนุ่มเลือดร้อนที่ใจร้อนมุทะลุ กล้าชนกล้าเสี่ยงกับทุกเรื่องและทุกคดีที่เขาทำก็ต้องมีคนเจ็บและคนตายทุกคดี นักโทษที่โดนจับเพราะเขาก็โดนซ้อมแทบปางตายเกือบทุกคน เพราะถ้าใครทำผิดไม่ว่าจะเป็นใครเขาก็ไม่เว้นหน้าทั้งนั้น เพื่อความถูกต้องเขาจะทำทุกวิธีเพื่อจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้
“ฉันขอพักงานแกเป็นเวลา 1 ปี”
“อะไรนะครับ ผู้กองจะพักงานผมตั้ง 1 ปีเลยหรอครับ..?.ผู้กองก็รู้ว่าไอ้พวกนั้นมัน..”
>>> ปัง ผู้กองทุบโต๊ะเสียงดังด้วยความโมโหจนเขาต้องเงียบ
“นี่เป็นคำสั่งจากข้างบน แกเข้าไปยุ่งกับคดีที่แกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วยังจะไปเถียงผู้บังคับบัญชาในกรมอีก แกรู้มั้ยถ้าเขาไม่เห็นแก่ว่าแกเป็นลูกชายฉันแกโดนเด้งไปแล้ว หรือถ้าได้ถูดลดตำแหน่งไปเป็นแค่ตำรวจจราจรอะ แกจะเอาแบบนั้นมั้ย..?”
ผู้กองหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เป็นทั้งหัวหน้าและพ่อของสารวัตรนวัธ ต้องพูดให้เขารู้ว่าที่เขาอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะยังมีเขาที่เป็นพ่อคุ้มกะลาหัวอยู่
“งั้นผู้กองก็ไล่ผมออกไปเลยดีกว่าครับ ถ้าต้องพักงานผมตั้ง 1 ปีขนาดนี้..”
นวัธพูดประชดผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“แกอย่ามาท้าฉันนะ...ถ้าฉันไล่แกออกจริงๆ ฉันก็ทำได้..เพราะแกทำผิดวินัยและไม่คิดที่จะเห็นหัวฉันเลย..”
ผู้กองชี้หน้าสารวัตรหนุ่มที่เป็นลูกชายจอมดื้อรั้นแล้วยังอารมณ์ร้อน เขามองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างอามรมณ์เสียแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไปทันที
นวัธหัวเสียกับเรื่องนี้มากจนต้องออกมากินเหล้ากับเพื่อนสนิท เขาเอาแต่นั่งดื่มจนหมดไปหลายแก้วจนเริ่มเมา
“ไอ้วัธ มึงเมาแล้วนะ มึงจะดื่มอะไรเยอะแยะวะ..?”
สารวัตรติณเพื่อนสนิทของนวัธตั้งแต่สมัยเรียนตำรวจมาด้วยกัน เขาอยู่หน่วยสอบสวนมีความใจเย็นและรอบคอบแตกต่างจากนวัธที่มีความใจร้อนมุทะลุเกินไป
“กูจะกิน...กูไม่ต้องไปทำงานแล้ว กูโดนพักงาน 1 ปี ทำไมพ่อทำกับกูแบบนี้วะ..?”
นวัธยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้งอย่างหัวเสีย
“พ่อมึงเขาทำถูกแล้วนะ มึงเข้าไปยุ่งกับคดีของคนอื่นมึงยังมาโทษพ่อมึงอีก เขาแค่สั่งพักงานมึงก็ดีแล้ว..”
นวัธมองหน้าผู้เป็นเพื่อนอย่างรู้สึกโกรธที่เพื่อนไม่เข้าข้างเขาเลย
“กูชวนมึงมากินเหล้าเพื่อให้มาปลอบกูนะ ไม่ใช่มาซ้ำเติมกูแบบนี้..”
“เออๆ ..กูขอโทษ..”
สารวัตรติณจับบ่าเพื่อนเพื่อปลอบเขาให้ใจเย็นลง
“แต่มึงลองคิดดูนะไอ้วัธ ถ้าผู้กองไม่ช่วยพูดกับผู้บังคับบัญชาเรื่องที่มึงเข้าไปยุ่งกับคดีที่ไม่ใช่หน้าที่มึงแบบนี้ มึงคงไม่ได้กลับมาใส่เครื่องแแบบนี้อีกแน่...”
นวัธมองหน้าเพื่อนอีกครั้ง
“ผู้กองเขาสั่งพักงานมึงก็เพราะเขาทำหน้าที่ของพ่อแล้วนะ..มึงควรรู้ไว้ด้วย”
สารวัตรติณพูดให้นวัธเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่เขาก็ยังนอยอยู่ดีที่ต้องโดนพักงานถึง 1 ปีเต็ม
“มึงเมาแล้ว เดี๋ยวกูไปส่งที่บ้านแล้วกัน ขับกลับเองมีหวังได้เข้าไปนอนในคุกแทนแน่”
“ไม่..กูไม่กลับบ้าน กูไม่อยากเจอหน้าเขา”
นวัธหมายถึงหน้าพ่อตัวเอง ซึ่งติณณ์ก็รู้ดีจึงส่ายหน้าไปมาในความรั้นของเพื่อน
“เออๆ...งั้นเดี๋ยวกูไปส่งมึงที่คอนโดแล้วกัน”
สารวัตรติณไปส่งนวัธที่คอนโด ภายในห้องของเขามีแต่โมเดลหุ่นตำรวจ รถถัง ปืน เพราะสารวัตรติณรู้ดีว่าเพื่อนของเขาจริงจังกับทุกคดีที่ผิดกฎหมายมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นคดีที่ตัวเองรับผิดชอบเขาก็ทำเต็มที่และจับคนร้ายได้ไวกว่าคนอื่นๆในหน่วย แม้กระทั่งคดีของหน่วยอื่นนวัธก็ยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยทุกครั้ง จนกลายเป็นที่เขม่นให้กับนายตำรวจท่านอื่นๆ แต่เพราะนวัธเป็นถึงลูกชายผู้กองจึงไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา
“ช่วงนี้ มึงก็หาอะไรทำไปก่อนแล้วกัน..”
สารวัตรติณพูดกับนวัธหลังจากแบกเขามาส่งที่เตียง
“กูจะนอนตายอยู่แบบนี้แหละ ถ้ากูหายไปไม่ต้องตามหากูนะ คิดสะว่ากูตายไปแล้ว”
“เออๆ ..ขอให้มึงตายจริงนะ กูจะได้ทำบุญกรวดน้ำไปให้..”
“ไอ้สัสติณถ้ากูตายกูจะไปหลอกมึงคนแรกเลย..”
นวัธผงกหัวขึ้นมามองหน้าเพื่อนแล้วสวนกลับ
“กูไม่กลัว..กูจะเอาปืนฉีดน้ำที่มีน้ำมนต์จากวัดดังๆมายิงใส่มึงให้ไม่ต้องไปเกิดเลย ...5555”
ติณสะใจที่สวนนวัธได้ เพราะเห็นหน้าเขาดูไม่พอใจมาก
“กูไปละ..”
ติณพูดจบก็เดินออกไปทันที ปล่อยให้นวัธนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
"พ่อนะพ่อให้พักงานตั้ง 1 ปี ผมต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ ถ้าต้องอยู่เฉยๆแบบนี้ โว๊ะ.."
.....
1 เดือน ผ่านไป
นวัธถูกเรียกตัวกลับมาที่บ้านด่วนเพราะเป็นคำสั่งของผู้เป็นพ่อ เขาเดินเข้ามาในบ้านด้วยสภาพที่ดูโทรมมากๆทั้งหนวดเคราที่รกรุงรัง และผมที่ยาวไม่เป็นทรงจนผู้เป็นพ่อมองด้วยความทุเรศตา
“นี้ผ่านไปแค่ 1 เดือน สภาพแกทำไมถึงได้ทุเรศนักฮะไอ้วัธ..?”
ผู้เป็นพ่อพูดกับลูกชายด้วยความระอา
“ก็ผมไม่มีอะไรทำ แล้วผมก็ไม่รู้จะไปไหนด้วยไม่รู้จะแต่งตัวดีๆไปทำไม”
นวัธนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวตรงหน้าพ่อเขา
“ถึงได้ปล่อยตัวเองแบบนี้หรอ แล้วนี้ไม่คิดจะกลับบ้านบ้างหรือไง...?”
นวัธมองพ่อตัวเองด้วยสายตานิ่งๆ
“ไม่อยากกลับ ไม่อยากเจอหน้าใครบางคน”
เขาพูดแต่สายตาก็จ้องหน้าพ่ออยู่เพื่อให้พ่อเขารู้ตัว
“เออ..ไม่อยากเจอก็ไม่ต้องเจอ ฉันจะได้รู้ไว้ว่าไม่มีลูกชายแล้ว ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้ไม่ต้องมาออกรับหน้าอะไรแทนแกอีกให้เดือดร้อนตัวเอง”
นวัธมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาที่อ่อนลง เขารู้สึกผิดขึ้นมาในใจที่พูดแบบนั้นออกไป
พ่อลุกขึ้นยืนแล้วกำลังจะเดินหันหลังหนีไป
“พ่อ...ผมขอโทษ”
พ่อของเขาหยุดทันทีที่ได้ยืนนวัธพูดคำนี้ออกมา
“....”
2 พ่อลูกยืนเงียบกันทั้งคู่ นวัธก็รู้ดีว่าพ่อเขาก็ทำเพื่อเขามาตลอด ถึงเขาเป็นแบบนี้พ่อก็ยังออกรับหน้าให้เขาทุกครั้ง นิสัยโดยตรงก็มาจากพ่อนั่นแหละเพราะเขามีแค่พ่อคนเดียวที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก เขาถึงได้เป็นคนอารมณ์ร้อนแล้วก็พูดตรงๆ ไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่คนที่นวัธแคร์ที่สุดก็คือพ่อของเขา
“ผมขอโทษ..ผมหงุดหงิดไปหน่อย ช่วงนี้ผมไม่มีอะไรทำเลยเครียดๆ นะ”
นวัธพูดกับพ่อของเขาด้วยเสียงอ่อนลง
“ฉันมีงานให้แกทำ..”
พ่อหันหน้ามาหาเขา นวัธจึงมองหน้าพ่ออย่างอึ้งๆ
“งานอะไรครับ..?”
“งานนี้ฉันรับปากเพื่อนฉันแล้ว ว่าจะให้แกได้ทำและแกต้องทำให้ดีที่สุดด้วย”
นวัธมองหน้าพ่ออย่างรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
“งานอะไรที่พ่อจะให้ผมไปทำ...?”
“.....” พ่อเดินเข้ามาใกล้เขา
“....” นวัธมองหน้าพ่อนิ่งๆ
“บอดี้การ์ด”