เพื่อนสนิทก้าวเข้ามายืนเคียง มองดูหนุ่มนักศึกษาเมื่อครู่หันหลังเดินจากไป นัฐนรินโอบเอวเพื่อนสาวแล้วหัวเราะเบาๆ
“ทำไมไม่ลองคบหน่อยล่ะแก้วหน้าตาก็ดีออก”นัฐนรินแนะ
“คบไม่ได้หรอกริน แก้วไม่ได้ชอบผู้ชายคนนั้นสักหน่อย”
“ไม่ชอบก็คบได้ หล่อๆ แบบนั้น สาวๆ ในมหาลัยคงอิจฉา”
“ไม่คบหรอกริน แก้วไม่อยากคบใครน่ะ ผู้ชายไม่มีก็ไม่ตาย”แก้วกัลยาตัดบท
“แก้วไม่เหมือนเธอหรอกริน อย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐาน”สินภพไม่วายแขวะอีกครั้ง
“นี่ไอ้สิน แกจะหาเรื่องอีกแล้วใช่ไหม!”
“เอาอีกแล้วนะสองคน ทะเลาะกันอีกแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ต้องมาคุยกันแล้ว!”คนกลางต่อว่าแล้วสะบัดหน้าหนี
สองเพื่อนเลยพากับมาเกาะแขน แล้วมองหน้าเขม่นกันครู่หนึ่งจึงพากันเดินออกไปยังลานจอดรถ สินภพและนัฐนรินต่างมีรถด้วยกันทั้งคู่
“รินขับรถดีๆ นะ”แก้วกัลยาบอก ขณะที่นัฐนรินกำลังถอยรถออก
หญิงสาวเปิดกระจกรถแล้วโบกมือให้เพื่อน
“กลับก่อนนะแก้ว”บอกลาแล้วเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกจากมหาวิทยาลัย
สินภพถอยรถตัวเองออกมา แล้วหยุดรอเพื่อให้เพื่อนสาวขึ้นมา เพราะทางกลับบ้านทางเดียวกันเลยทำให้แก้วกัลยาไม่ต้องนั่งรถเมล์ขากลับ สินภพเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่าเธอทำอาชีพอะไร และอาศัยอยู่ที่ไหน เธอรู้สึกสนิทกับเพื่อนชายคนนี้มาก เพราะพูดคุยปรึกษาปัญหาได้ทุกเรื่อง
เขาเป็นคนมีน้ำใจ บางครั้งเธอถูกมองว่าคบหากันอยู่ด้วยซ้ำ แต่ทว่าสินภพมักจะแก้ข่าวทุกที เพราะไม่อยากให้เธอเสียหาย รถแล่นมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วจอดเทียบหน้าบ้าน แก้วกัลยาปลดเข็มขัดแล้วลงก่อนโบกมือลาเพื่อน จับลูกบิดประตูรั้วเหล็กดันจนเปิดออกแล้วก้าวเข้าสู้บ้านหลังใหญ่
กลับเข้าห้องนอนเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อทำหน้าที่ตนเอง ร่างบางสาวเท้าขึ้นชั้นสองเพื่อพบเจ้าสัว มีหนังสืออีกหลายเรื่องที่ท่านอยากให้อ่าน เปิดประตูเข้าห้องก้าวยาวมาถึงโซฟาตัวใหญ่ซึ่งเจ้าสัวเหลียงนอนประจำ แต่กลับต้องชะงักเท้าดวงตาเบิกกว้าง ถลาร่างเข้าหาเมื่อพบเจ้าสัวเหลียงกำลังนอนนิ่งกับพื้น
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”แก้วกัลยาตะโกนลั่น แล้วพยุงร่างชายชราไว้ในอ้อมแขน
สาวใช้และคนขับรถต่างพากันวิ่งขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นแก้ว!”จันถามเสียงสั่น
“เอารถออกก่อนเดี๋ยวค่อยถามนะป้า ลุงสมนึกช่วยแบกเจ้าสัวลงไปกันเถอะค่ะ!”
เจ้าสัวถูกแบกขึ้นหลัง แก้วกัลยาติดรถไปโรงพยาบาลอีกคน โดยให้จันโทรติดต่อคุณใหญ่ทันที มาถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่พาร่างไม่ได้สติขึ้นเตียงแล้วเข็นเข้าห้องไอซียูเงียบหายไป ร่างบางเดินวน ใจเต้นด้วยความหวาดกลัว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา คุณใหญ่เดินทางมาถึงเธอวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแล้วหยุดยืนหน้าห้อง แก้วกัลยารุดเข้าไปหา
“ป๊าเป็นยังไงบ้าง!”
“ยังไม่ทราบเลยค่ะ”
เธอพยุงคุณใหญ่ให้นั่งบนเก้าอี้สีส้มแบบติดวางชิดผนังหน้าห้อง แก้วกัลยาชำเลืองมองเห็นสีหน้าเจ้านายสาวแล้วอดสงสารไม่ได้ เกือบสามชั่วโมงหมอออกมาจากห้อง
อังศนารีบเดินเข้าหาสีหน้ากังวล พยายามข่มกลั้นความรู้สึกเอาไว้ปรับสีหน้าตนเองให้เป็นปกติที่สุด พ่อจะต้องไม่เป็นอะไรเตือนสติตนเองเช่นนี้ตลอดมา
“เอ่อ พ่อฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ แต่คงต้องพักรักษาตัวสักระยะ เพราะท่านเส้นเลือดในสมองแตกครับ”
สีหน้าญาติผู้ป่วยถอดสีเมื่อฟังอาการป่วย
“เส้นเลือดในสมองแตกเหรอคะ”คุณใหญ่เอ่ยออกมาราวกับละเมอ
“ใช่แล้วครับ แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ขะ...ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”
แก้วกัลยาและสมนึกต่างถอนใจด้วยความโล่งอก แค่เพียงรู้ว่าท่านปลอดภัยเท่านี้ก็เบาใจมากแล้ว เธอยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณที่ส่งเสียเลย
“แก้วไปเอาเสื้อผ้าฉันให้หน่อยนะ ฉันจะเฝ้าพ่อ”คุณใหญ่หันมาสั่ง
“ได้ค่ะ”
ร่างบางเดินมาถึงหน้าโรงพยาบาล เกือบสามชั่วโมงที่ต้องลุ้นระทึกกันทีเดียว แพทย์อธิบายว่าเส้นเลือดในสมองแตกอาจเกิดจากความเครียดและความดันสูงผสมกัน ใครจะคิดว่าท่านจะป่วยกะทันหันแบบนี้ เล่นเอาทุกคนแทบทำอะไรไม่ถูกกันเลยทีเดียว
กลับมาถึงบ้านเห็นป้าๆ น้าๆ รอกันเป็นทิวแถว คงอยากทราบข่าวเรื่องเจ้าสัวเหลียง พอเดินเข้าด้านในร่างบางถูกกระชากลากไปถามทันที แววตาทุกคนตื่นตระหนก
“แก้วเจ้าสัวเป็นไงบ้าง!”จันถามคนแรก
“ปลอดภัยแล้วจ้ะไม่ต้องห่วง”
พอได้ยินคำตอบถอนหายใจพร้อมกันเลยทีเดียว แก้วกัลยาขอตัวเลี่ยงขึ้นห้องคุณใหญ่เพื่อนำเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวไปให้
แก้วกัลยาหยุดยืนหน้าห้องนอนคุณใหญ่ก่อนเปิดประตูเข้ามา ดวงตาเรียวกวาดมองรอบๆ เตียงไม้สีเสา ตู้ โต๊ะเครื่องแป้งทำจากไม้ทาสีขาวสลักรูปดอกไม้ ปลายเตียงมีโทรทัศน์จอแบนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ โดยมีตุ๊กตาหมีตัวเล็กและใหญ่วางเคียง และรอบห้อง
เธอรู้สึกชอบห้องนี้ มันดูน่ารักและมีมนต์ขลัง หยุดความคิดในการชื่นชม ก่อนเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดออกมาสองชุดเพื่อนำไปให้เจ้านายที่โรงพยาบาล จัดของเรียบร้อยก้าวยาวออกจากห้องแต่สายตากลับสะดุดกับกรอบรูปแขวนอยู่ข้างทีวี ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาถ่ายคู่กับคุณใหญ่ หนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวอมชมพูด จมูกโด่ง คิ้วเข้ม ริมฝีปากอวบอิ่ม คิ้วบางขมวดเขาเป็นใครกัน มองแล้วคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเจ้าสัวเหลียง จ้องมองภาพนั้นครู่หนึ่งก่อนละสายตาเธอยังมีหน้าที่ต้องทำอีก