Mind Games 7 - สถานการณ์พลิก

1646 Words
"ผมไม่ใช่เพื่อนเล่น" "ค่ะ รู้ค่ะ ขออภัยค่ะ แต่อย่าทำอย่างที่พูดเลยนะคะ รับรองค่ะฉันสัญญาจะไม่บอกกับใครเด็ดขาดว่าคุณเป็นเกย์" พูดไปพานจะร้องไห้ไปแต่คนตรงหน้ายังคงมีสีหน้าไม่พอใจดั้งเดิม ฉันพูดอะไรผิดอีกเนี่ย ตอนนี้ฉันทำสีหน้าไม่ถูกเลย ระหว่างยิ้มให้เขากับร้องไห้ให้เขา ไม่รู้ว่าทำแบบไหนจะพอใจเขาที่สุด แต่การที่เขากอดอกนั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไรต่อ หรือยกหูโทรไปสั่งการเลขาให้บริษัทไล่ฉันออก หรือแม้แต่ยกหูโทรแจ้งความตำรวจ นั่นก็แปลว่าบางทีเขาอาจจะไม่ถือสาเอาความแล้วก็ได้ อันนี้ฉันสรุปเอง คิดเองนะ (-.-!) "เออ เมื่อกี้คุณแพทริคให้ฉันกลับเลยใช่ไหมคะ งั้นฉันกลับเลยก็ได้ค่ะ ตะ แต่ ไม่ซื้อโครงการกับดิฉันก็ไม่เป็นไรนะคะ แค่เปิดดูเอกสารที่ฉันเตรียมมาเสนอสักนิดก็ยังดี แหะ แหะ" เวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่ก็ดันอยากขายของ ก็นะ อาชีพเซลล์มันอยู่ในสายเลือด ทำไงได้ "..." เงียบ เหมือนคนที่สื่อสารทางเดียวอีกแล้ว มีเพียงเสียงถอนหายใจตอบกลับเหมือนรำคาญ โอเคค่า งั้นก็ตามนั่นแหละ กลับก็กลับ … ติ้ด… จังหวะที่ฉันลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับลาแล้วเดินออกไป อยู่ ๆ เลขาหน้าห้องก็อินเตอร์โฟนเข้ามา แล้วเขาก็ดันกดรับสายในตอนที่ฉันหันหลังลุกเดินไปจากเก้าอี้ได้สองสามก้าวก่อนจะถึงประตูห้องที่อยู่ข้างหน้าอีกไม่กี่สิบก้าว "มีอะไร" "ท่านประธานคะ คือคุณแม่ท่านมาขอเข้าพบค่ะ แต่ดิฉันบอกไปแล้วนะคะว่าท่านมีแขกอยู่" ฉันชะงัก หันกลับไปมองเขาเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเงยหน้ามองฉันพอดี ไม่ได้ตั้งใจฟังเด้อ แค่หูมันได้ยินไปเอง "แหะ แหะ แม่คุณอยู่ข้างนอกเอาไงดีคะ" ฉันยิ้มแหยให้เขา เพราะไม่รู้จะเอายังไงต่อ แต่ถ้าเดินออกไปตอนนี้ ต้องจ๊ะกับแม่เขาที่รออยู่หน้าห้องแหง ๆ "..." เขาไม่ตอบ แต่ยกมือขึ้นมานวดขมับแทน แล้วจะให้ฉันตรัสรู้ไหมว่าควรจะเอายังไงต่อ ในเมื่อเขาไม่ตอบ งั้นนาทีนี้ก็คงบอกได้คำเดียวว่าช่างแม่ง ถ้าออกไปแล้วเจอหน้าคุณแม่เขาแล้วให้ทำไง เจอก็ต้องเจอ ถ้าถามอะไรมาก็แค่ตอบตามความจริง เป็นยังไงก็คงต้องเป็นยังงั้น ส่วนไอ้เรื่องถ่ายรูปกับฉันแล้วอวดอ้างเป็นแฟนนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของฉัน เป็นปัญหาของเขา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย เรียนผูกก็เรียนแก้เองก็แล้วกัน "งั้น ถ้าไม่มีอะไร ฉันกลับเลยดีกว่าเนอะ สะ สวัสดีอีกครั้งค่ะ" ฉันสบตาเขาที่ยังคงนั่งนิ่ง ก่อนยักไหล่ให้แบบว่า ไอ ด้อน แคร์ แล้วเดินตรงไปที่ประตู ถามแล้วนะให้ทำไง งั้นถ้าฉันจะออกไปเจอคุณแม่เขาก็ว่าไม่ได้เด้อ! … "เดี๋ยว!" มือฉันที่จับที่เปิดประตูคาเอาไว้ชะงัก อยู่ ๆ ริมฝีปากของฉันก็ยกยิ้มขึ้นมาเองที่มุมปาก แต่ไม่ได้หันไปให้เขาเห็นรอยยิ้มร้ายของฉันหรอกนะ "ค่ะ มีอะไรหรือคะ" ฉันหันกลับมาทำหน้าพร้อมกับตีหน้านิ่ง มองเขาที่ลุกขึ้นมาเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาใกล้ แต่หัวใจกลับเต้นแรงมาก เห็นเขาตอนกลางวันแบบใกล้ชิดเต็มตาทั้งเต็มความสูงแบบนี้ นอกจากหล่อแล้วหุ่นยังดีเอามาก ๆ ในที่สุดปลายเท้าของเขาเข้ามาอยู่ใกล้ฉันในระยะกระชั้นชิด ห่างกันแค่ไม่กี่เซนติเมตร "แม่ผมอยู่ข้างนอก" "ใช่ค่ะ แม่คุณอยู่ข้างนอก แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันไม่ใช่เหรอคะ" ถามกลับตาใสเหมือนไม่เข้าใจความหมายที่เขากำลังสื่อ พูดง่าย ๆ ว่าเข้าใจแหละแต่แค่แกล้งไม่เข้าใจ "ทำไมจะไม่เกี่ยว เมื่อคืนผมเพิ่งส่งรูปให้คุณแม่ดูว่าคุณเป็นแฟนผม และถ้าคุณออกไปตอนนี้ คุณแม่ผมต้องจำคุณได้แน่" ทีงี้พูดประโยคยาว ๆ ได้เก่งขึ้นมาเลยเชียว แต่… "จำได้แล้วไงคะ ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ อีกอย่างถ้าคุณแม่คุณจะจำฉันจากรูปถ่ายได้ ฉันก็จะบอกความจริงท่านเอง ว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน และเมื่อคืนเราสองคนแค่...จัดฉาก" ประโยคหลังเน้นย้ำนิด ๆ เหมือนจงใจยั่วหน่อย ๆ "แต่ผมไม่ต้องการให้คุณแม่รู้ว่าผมโกหกท่าน" สีหน้าเขาดูซีเรียสมาก แต่ฉันนี่แอบขำอยู่ในใจรอไปแล้ว ก่อนหน้านี้อะใช่…ที่ว่าเขาน่าจะถือไพ่เหนือกว่าฉัน แต่ตอนนี้เหมือนว่าสถานการณ์จะพลิก ดูท่าว่าเขาจะแคร์คุณแม่ของเขาเอามาก ๆ "แล้วยังไงคะ อ่อหรือหมายความว่า คุณตั้งใจจะให้ฉันแสดงว่าเป็นแฟนคุณต่อ ทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลย นะเหรอคะ" เอียงคอถามหน้าซื่อ ได้ทีจ้องตากลับตาใส จนนัยน์ตาคมของเขาเป็นฝ่ายเบือนหลบไปเอง "อืม..ประมาณนั้น” เขาดูพูดเสียงเบาขึ้นมาเชียว ไม่เห็นดุเหมือนตอนขู่ฉันเมื่อกี้เลย "อ่อ งั้นแสดงว่าคุณกลัวคุณแม่คุณจะเสียใจเรื่องที่คุณเป็นเกย์นะเหรอคะ อุ้ย!" ฉันทำตาโตรีบยกมือปิดปาก "โอะ! ลืมไปเลย คุณไม่ชอบที่ฉันบอกว่าคุณเป็นเกย์นี่นา ตายแล้ว...ฉันลืมตัว คุณอย่าแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทกับฉันเลยนะคะ ตาย ๆ ขอโทษนะคะที่หลุดปากออกมา งั้นไม่เอาดีกว่าค่ะ ฉันว่าฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ ไม่อยากมีปัญหากับคุณ เดี๋ยวถ้าเกิดคุณโทรไปบอกที่บริษัทว่าฉันเสียมารยาทกับคุณขึ้นมาแล้วให้บริษัทไล่ฉันออกละแย่เลย” คำพูดที่เขาขู่ฉันก่อนหน้า ถูกยกมาใช้เป็นข้ออ้างคืนกลับ จนคนตัวโตหันมาจ้องตาฉันเขม็ง แต่มะลิคนนี้สู้กลับไง ริมฝีปากระบายยิ้มอ่อนพลางพูดต่อ “คือ ฉันแค่ยังไม่อยากตกงานตอนอายุเท่านี้นะคะ เอาเป็นว่าขอไม่ยุ่งเรื่องของคุณดีกว่า ขอตัวกลับก่อนเลยนะคะ" ฉันรีบหันขวับกลับไปจับลูกบิดประตู เพื่อวัดดูว่าสถานการณ์ของตัวเองจะเป็นต่อไหม และถ้าใช่เขาต้องเป็นฝ่ายง้อฉันกลับ ! 1 2 3 หมับ! นั่นไง คำนวณเวลาเป๊ะ! มือหนาของเขาเข้าคว้ามือฉันที่จับที่เปิดประตูไว้ปั๊บ ก่อนจะดึงมือฉันเข้าหาตัวจนหันไปประจันหน้ากับเขาแบบจะจะ “อุ้ย…” ฉันแสร้งตกใจเล็กน้อย แต่จริง ๆ ก็ตกใจนั่นแหละ เพราะมือเขานิ่มมาก แล้วตัวก็หอมมาก ใดๆ คือเบ้าหน้าของเขาช่างหล่อได้บ้าบอมาก กะไม่เหลือความหล่อให้คนอื่นใช้เลยหรือไง "ผมจะไม่ทำอย่างนั้น" แถมน้ำเสียงก็ดูอ่อนลงมาเชียว "ไม่ทำอย่างนั้น หมายถึงอย่างไหนคะ?" "ก็จะไม่แจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท จะไม่โทรไปที่บริษัทคุณหรืออะไรทั้งนั้น" "โห คุณใจดีม้าก มาก งั้นถ้าต่อไปนี้ฉันจะเรียกคุณว่าคุณเกย์ ก็ไม่เป็นไรด้วยเหรอคะ" แหะ แหะ ได้คืบจะเอาศอก อารมณ์แค่นึกอยากยั่วประสาทเขาต่อแต่ไม่ได้คิดจะพูดจริงหรอก แค่แอบแค้นไม่หายกับคำขู่ของเขาก่อนหน้า "ผมจะไม่ทำ แต่คุณต้องช่วยแสดงเป็นแฟนกับผมก่อน อย่างน้อยก็ต่อหน้าคุณแม่ของผมที่กำลังจะเข้ามา" หึ หึ หึ ในที่สุด ราชสีห์ก็เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากหนูตัวน้อยผู้น่ารักอย่างฉัน "เรื่องใหญ่อยู่นะคะ" "อืมใช่...สำหรับผมมันเป็นเรื่องใหญ่" "เหมือนกันเลยค่ะ การที่ฉันมาเสนอโครงการห้องชุดในคอนโดให้คุณก็เรื่องใหญ่ แต่คุณสิยังไม่อ่านเอกสารโครงการที่ฉันมาเสนอแถมยังไล่ฉันกลับอีก ฉันละสงสารตัวเองจริง ๆ ถ้ากลับบริษัทโดยที่เสนอโครงการไม่สำเร็จ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง" ตีหน้าเศร้าอีกหนึ่งกรุป พลางใช้ดวงตากลมคู่ใสจ้องคนตรงหน้าด้วยแววตาแป๋วแหวว เขามองสบตาฉัน ก่อนถอนหายใจออกมาเหมือนยอมแพ้ "โอเค งั้นผมซื้อห้องชุดโครงการคุณนั่นเอง งั้นมานี่" พูดจบก็ลากมือฉันที่เขาจับเอาไว้ก่อนหน้านี้ไปที่โต๊ะ แล้วดันร่างของฉันให้นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเดิม ส่วนตัวเองก็อ้อมกลับไปที่เก้าอี้ผู้บริหารฝั่งตรงกันข้ามแล้วนั่งลง มือหนาคว้าเอกสารเสนอโครงการที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเปิดออก "เซ็นตรงนี้ใช่ไหม" เขาจิ้มปากกาเซ็นไปตรงช่องเซ็นสัญญาซื้อขาย "ใช่ค่ะ" ^ ^ ฉันยื่นมือไปจิ้มให้เขาดูตรงชื่อผู้ลงนาม เสี้ยววินาทีต่อมา ลายเซ็นประธานบริษัทก็จรดชื่อแพทริค ลงนามตรงช่องว่าง เป็นอันเรียบร้อย เขาปิดเอกสารสัญญาโครงการ แล้วส่งกลับให้ฉัน "น่ารักจัง ขอบคุณนะคะ" เนี่ยน้าเป็นคนรวยมันดีแบบนี้นี่เอง คิดจะซื้ออะไรก็ซื้อ ขนาดไม่คิดจะซื้อก็ยังซื้อ เงินเหลือว่างั้น "พีท" “คะ?" "ต่อหน้าคุณแม่ผม ให้เรียกผมว่าพีท" "ได้เลยค่ะ ให้เรียกที่รักเลยยังได้"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD