บทที่ 01 แต่งงาน?

1280 Words
@มหาวิทยาลัย [Pikkang Talk] “จะไปไหนต่อ ทำไมรีบจัง” เสียงของน้ำหวานตะโกนตามหลังของฉัน ก่อนที่ฉันจะหยุดชะงักแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนสนิท “ฉันจะไปออสเตรเลีย คุณแม่มีธุระจะคุยด้วย” “บ้านแกไม่มีโทรศัพท์รึไง?” น้ำหวานพูดออกมาอย่่างติดตลก “สงสัยธุระสำคัญแหละ” ฉันตอบออกไปแค่นั้นเพราะถ้าไม่สำคัญมากๆ คุณแม่คงไม่โทรมาบอกให้ไปคุยถึงที่นู้นหรอก “งั้นเดินทางปลอดภัยนะ รีบกลับมาคิดถึง” “โอเค งั้นไปก่อนนะ” ฉันโบกมือลาเพื่อนก่อนจะเดินออกไป วันต่อมา @ออสเตรเลีย ตอนนี้ฉันอยู่ที่ออสเตรเลียเป็นที่เรียบร้อยกว่าฉันจะมาถึงเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ฉันบินลัดฟ้ามาเพื่อคุยธุระสำคัญกับคุณแม่ ฉันก็อยากจะรู้มากๆ ว่าธุระสำคัญของคุณแม่นั้นคืออะไรถึงขั้นเรียกตัวฉันมาจากประเทศไทยกันเลยทีเดียว ฉันไม่ใช่ลูกครึ่งนะ ดูจากชื่อฉันแล้วคงไม่มีใครคิดว่าเป็นลูกครึ่งหรอก ฉันเป็นคนไทยแท้ๆ แม่ฉันก็เป็นคนไทยที่ได้มาอยู่ที่ออสเตรเลียก็เพราะว่าคุณแม่แต่งงานใหม่กับคุณลุงแม็คหรือพ่อเลี้ยงของฉันนั่นแหละ สาเหตุที่คุณแม่ฉันแต่งงานใหม่ก็เพราะว่าคุณพ่อแท้ๆ ของฉันจากไปด้วยอุบัติเหตุ “คุณแม่คุณลุง สวัสดีค่ะ” ทันทีที่รถจอดฉันก็รีบวิ่งลงไปสวัสดีท่านทั้งสอง เพราะฉันไม่ได้เจอหน้าท่านมานานหลายปีแล้ว ก็ฉันทั้งเรียนทั้งทำงานนี่น่าจะเอาเวลาไหนกลับกันเล่า “เดินทางมาเหนื่อยไหมคะ?” คุณแม่ถามฉันขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มส่วนคุณลุงที่ยืนอยู่ข้างๆ คุณแม่ก็ยกยิ้มด้วยความเอ็นดู “แค่ได้กอดคุณแม่ก็ไม่เหนื่อยแล้วค่ะ” ฉันพูดจบก็วิ่งเข้าไปสวมกอดคุณแม่ทันทีก่อนที่คุณแม่จะสวมกอดฉันกลับ “คิดถึงลุงบ้างไหม?” คุณลุงแม็คที่ยืนอยู่ข้างๆ คุณแม่พูดขึ้นฉันจึงปล่อยกอดคุณแม่แล้วหันไปยิ้มให้คุณลุง “คิดถึงสิคะ” ว่าแล้วฉันก็เข้าไปสวมกอดทันที “เข้าบ้านกันดีกว่า แม่มีเรื่องจะคุยด้วย” คุณแม่เอ่ยขึ้นฉันจึงปล่อยกอดคุณลุงแล้วมองไปที่หน้าของคุณแม่ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนมีอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจ “ค่อยคุยไหม ลูกมาเหนื่อยๆ” คุณลุงพูดขึ้น จากที่ฉันสังเกตใบหน้าของท่านทั้งสองคน ฉันว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ เพราะหน้าของคุณแม่และคุณลุงมันฟ้อง “คุยวันไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ อีกอย่างพริกมาที่นี่แค่ไม่กี่วันเอง” “คุยวันนี้ก็ได้ค่ะ” ฉันหันไปบอกคุณแม่และคุณลุง เพราะฉันก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรขนาดนั้นหรอกคุยวันไหนมันก็ต้องคุยเหมือนเดิมเหมือนอย่างที่คุณแม่ของฉันพูดแหละ จากนั้นคุณแม่ก็พาฉันเข้าไปในบ้านส่วนคุณลุงออกไปทำงานที่โรงแรมเพราะคุณแม่และคุณลุงทำธุรกิจโรงแรมอยู่ที่นี่ “มีอะไรคะ?” ฉันถามออกไปด้วยใบหน้าที่สงสัยก็เพราะเราสองคนนั่งอยู่ที่โซฟามานานแล้วแต่คุณแม่ก็ไม่ยอมพูดสักทีเอาแต่จ้องหน้าฉัน “แม่อยากให้พริกแต่งงาน” “แต่งงาน!?” หลังจากที่ฉันได้ฟังเรื่องที่คุณแม่บอกฉันก็ต้องร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ คุณแม่เล่นตลกอะไรกับฉันรึเปล่าเนี่ย แต่งงานเนี่ยนะแล้วแต่งกับใคร “ใช่จ๊ะ แต่งงานกับลูกชายเพื่อนแม่”  บ้าไปแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ฉันยกเลิกงานถ่ายแบบเพื่อมาฟังสิ่งนี้น่ะเหรอเนี่ย !? “แต่พริกยังเรียนไม่จบ ยังไงพริกก็ไม่แต่ง” ฉันรีบปฏิเสธออกไป มันไม่ใช่แค่เรื่องที่ฉันเรียนยังไม่จบหรอกนะ แต่เพราะงานถ่ายแบบของฉัน ตอนนี้กำลังดังงานกำลังเข้ามาเยอะ และที่สำคัญลูกชายเพื่อนแม่ของฉันคือใครฉันยังไม่เคยเจอเลย อย่าว่าแต่ไม่เคยเจอชื่อฉันยังไม่รู้จักเลยเหอะ “แม่มีความจำเป็น” คุณแม่มองหน้าฉันด้วยใบหน้ารู้สึกผิด “จำเป็นยังไงคะ?” “คุณแอนนาเธอมีบุญคุณกับแม่มาก เธอเคยช่วยเราสองคนตอนคุณพ่อเสียถ้าไม่ได้เธอ ป่านนี้เราสองคนจะเป็นยังไง” “แต่เราต้องตอบแทนด้วยการยกชีวิตของพริกไปให้ลูกชายเขาเลยเหรอคะ” ฉันรู้ว่าบุญคุณเป็นสิ่งที่ควรตอบแทนแต่เราจำเป็นต้องตอบแทนด้วยวิธีนี้ไหม วิธีอื่นมีตั้งเยอะแยะ “คุณแอนนาอยากให้พริกไปเป็นลูกสะใภ้ เธออยากให้พริกไปช่วยลูกชายเธอ” “อย่าบอกนะว่าตานั่นพิการ...” ฉันพูดออกไปด้วยใบหน้าที่ตกใจ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันไม่เอานะไม่แต่งเด็ดขาด ชีวิตฉันไม่ได้เกิดมาที่จะมีสามีพิการ ไม่ใช่รังเกียจแต่ฉันยังรักในการทำงาน ฉันจะไปจบที่ดูแลคนพิการไม่ได้นะ ฮือออ ขอร้องไห้ไว้รอเลยได้ไหม “ไม่ใช่ พี่เขาไม่ได้พิการลูก” คุณแม่ถึงกับส่ายหน้าไปมาให้กับความคิดของฉัน แต่เป็นใครจะไม่คิดล่ะ “แต่ทำไมพริกต้องแต่ง” “แม่ไม่อยากปฏิเสธ อีกอย่างลูกชายของคุณแอนนานิสัยดีนะ ที่สำคัญพี่เขาปกป้องลูกได้แน่นอน แม่ก็เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้” เห็นด้วยงั้นเหรอ!? แต่ฉันไม่เห็นด้วยหรอกนะ ถ้าแม่เห็นด้วยแม่ก็แต่งเองเลยแล้วกัน “แต่พริกไม่เห็นด้วย” “พริกอยู่ประเทศไทยคนเดียวแม่อยากให้พริกมีคนดูแล” ข้ออ้าง ข้ออ้างชัดๆ ฉันก็อยู่ของฉันคนเดียวมานานแล้วไหม อยู่มาจนจะจบปีสี่แล้วนะ แม่ฉันลืมงั้นเหรอ “แต่พริกดูแลตัวเองได้” “พริกแต่งงานนะลูก แม่อยากให้พริกแต่งงานจริงๆ” คุณแม่เอื้อมมือมากุมมือฉันไว้แน่นพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนๆ แล้วนี่ฉันต้องตอบตกลงเหรอ “ตานั่นเขายอมแต่งเหรอคะ” ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ที่ฉันถามแบบนี้ฉันอยากรู้ไงว่าผู้ชายที่ฉันจะแต่งด้วยเขาจะยอมเหรอ เพราะขนาดหน้าตายังไม่เคยเห็นเลย หรือเขาอาจจะเห็นแล้วนะ ฉันออกจะดัง “พริกต้องทำให้เขายอม แม่เชื่อว่าพริกทำได้” “แสดงว่าเขาไม่ได้อยากแต่งกับพริก?” ฉันถามออกไปทันที เพราะประโยคของคุณแม่เหมือนทางนั้นก็ไม่ได้อยากจะแต่งเหมือนกัน “พี่เขามีปัญหาบางอย่างในใจ ป้าแอนนาเลยอยากให้พริกไปช่วยและแม่เชื่อว่าพริกทำได้” ปัญหาบางอย่างในใจงั้นเหรอ โดนผ่าเอาหัวใจออกเหรอ? หรือเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่คงไม่ใช่หรอกมั้ง “ปัญหาอะไรคะ?” ฉันถามออกไปด้วยใบหน้าที่อยากรู้สุดๆ “พริกอยู่ไปจะรู้เอง แม่รู้ว่าพริกไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ เอาชนะใจพี่เขาให้ได้นะ” คุณแม่บอกฉันด้วยรอยยิ้ม “แต่ว่า...” “แม่รู้ว่าลูกแม่เก่ง สักวันพี่เขาจะรักลูกเอง” คุณแม่พูดเหมือนฉันตอบตกลงแล้วงั้นอะ แต่ยังไงฉันคงไม่ปฏิเสธแล้วแหละ แม่พูดมาซะขนาดนี้ แต่ความฝันของฉันคือการแต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสแค่ครั้งเดียว หรือฉันจะล้มเลิกความฝันหรือจะเอาชนะใจเขาเหมือนอย่างที่แม่บอกดี “ก็ได้ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับไปแบบจำยอม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD